ตอนที่ 2 เรื่องของเราเป็นไปไม่ได้

1845 Words
เช้าวันหนึ่ง เขมกรงัวเงียพยายามลุกขึ้นจากเตียงนอน พลันต้องสะดุ้งเมื่อเห็นเงาใครบางคนเดินผ่าน จึงรีบหยิบไม่เบสบอลที่พิงอยู่ข้างเตียงมาถือไว้แน่นแล้วเดินย่องเข้าไปดูใกล้ ๆ ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งได้ยินเสียงชัดเจนว่าไม่ได้ตาฝาดไปจึงยกไม้เบสบอลขึ้นเตรียมจะฟาดหัวคนที่บุกรุกเข้ามาอย่างเต็มแรง ทว่า มือของอีกฝ่ายเอื้อมมาจับไม้เบสบอลเอาไว้ “พี่จะฆ่าผมเหรอ” หมอกยิ้มมุมปากพลางส่ายหน้า “ใจเย็นก่อนนะ นี่ผมเอง” เขมกรถอนหายใจเฮือกใหญ่แต่สีหน้ากลับกังวลมากกว่าเดิม “นายเข้ามาได้ยังไง” อีกฝ่ายเลิกคิ้ว พูดสั้น ๆ “กุญแจสำรอง” “ทำไมเจ้าของหอถึงให้มา” เขมกรรู้สึกว่ามีเรื่องต้องไปพูดคุยกับเจ้าของหอพักเป็นการด่วน “บอกว่าผมเป็นแฟนพี่ไง” สีหน้าไม่อายของหมอกทำให้เขานึกไม่ถึงว่าจะมาไม้นี้ “ให้ตายสิ ความปลอดภัยของหอพักนี่มันต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนั้นเลยหรือไง ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์จริง ๆ ฉันไม่ตายไปแล้วเหรอ” เขมกรกุมขมับคิดในใจว่าคงต้องย้ายหอพักให้เร็วที่สุดแล้ว ด้วยความที่ต้องการเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มาจากการทำงานทั้งกลางวันกลางคืน เขาจึงเลือกเช่าหอพักราคาถูกที่พอจะอยู่ได้ แม้หลอดไฟจะติด ๆ ดับ ๆ ก๊อกน้ำไม่ค่อยดี เครื่องทำน้ำอุ่นเสีย แอร์ไม่ทำงาน เขมกรก็ยังคงอดรนทนกับมันเพราะถือว่าไม่ค่อยได้อยู่ห้องมากนักเนื่องจากทำงานข้างนอกตลอดเวลา “ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ผมแค่มีวิธีของผม อีกอย่างถ้าไม่ใช้กุญแจสำรอง ผมก็ปีนขึ้นมาทางหน้าต่าง หรือไม่ก็พังประตูเข้ามาก็ได้” หมอกพูดพลางยิ้มให้เขาแล้วหยิบของออกจากถุงใบใหญ่เข้าตู้เย็น “ทำอะไร” เขมกรเดินมาดูใกล้ ๆ จึงเห็นว่าในถุงมีผัก ผลไม้ เนื้อหมู เนื้อไก่ วัตถุดิบที่เอาไว้ใช้ทำอาหารอยู่เต็มถุง “ผมอยากให้พี่กินอาหารให้ครบห้าหมู่ ร่างกายจะได้แข็งแรง อยากกินอะไร ทำกินเองแล้วกันนะ” เขาพูดพลางจัดของใส่ตู้เย็นทีละชั้นจนแน่นเอี๊ยด ในเมื่อเขมกรไม่รับของที่เขาซื้อให้จากร้านอาหาร พาลชอบเอาไปให้คนอื่นต่อหน้าต่อตา หมอกจึงตัดสินใจซื้อวัตถุดิบมาให้เอาไว้ทำกินเอง “...” เจ้าของห้องนิ่งงันไป ไม่รู้จะพูดอะไร “พี่คงไม่เอาของพวกนี้ไปให้คนอื่นหรอกใช่ไหม” หมอกมองหน้าของเขา เลิกคิ้วทำตาใสซื่อ เฮ้อ เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกรอบราวกับยอมแพ้ “พี่เขม ผมหิวข้าว” จู่ ๆ เสียงของหมอกก็เปลี่ยนไปราวกับจะอ้อนคนเป็นพี่เหมือนที่เคยทำ เฮ้อ เขมกรถอนหายใจอีกรอบแล้วหยิบวัตถุดิบออกมาเตรียมทำอาหารเช้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก ห้ามเข้ามาในห้องโดยไม่ได้รับอนุญาต” เขาดุคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รอยยิ้มหนวดแมวทำให้เขมกรใจอ่อนทุกที “...” หมอกไม่พูดอะไรเพราะไม่คิดจะทำตามที่เขมกรบอก “รับปากสิ” อีกฝ่ายรู้ทันจึงคะยั้นคะยอ “ไม่” เขาส่ายหน้า สีหน้าดื้อดึงไม่ยอมท่าเดียว เขมกรไม่รู้จะพูดหรือไล่แขกไม่ได้รับเชิญอย่างไร ได้แต่นิ่งเงียบอย่างนั้น หลังจากจำใจทานข้าวเช้ากับหมอกแล้ว เขาจึงออกไปทำงานตามปกติพร้อมดึงคนที่ก่อกวนออกมานอกห้องด้วย “เอากุญแจสำรองมา” เขาเอ่ยปาก แบมือรอรับด้วยสีหน้าจริงจัง คิดว่าจะต้องกำชับบอกเจ้าของหอพักให้รู้เรื่องว่าห้ามให้ใครเข้าห้องเขาเด็ดขาด หมอกยื่นให้อย่างว่าง่ายพลางยิ้มมุมปาก จากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากหอไปด้วยกัน น่าแปลกที่วันนี้หมอกไม่ตามเขาไปที่ร้านสะดวกซื้อเหมือนทุกวัน แต่ขอแยกตัวไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางไปมหาวิทยาลัย ช่างเถอะ เขมกรคิดในใจ อย่างน้อยวันนี้คงจะได้อยู่ดีมีสุขไม่ต้องมีใครมากวนใจ หากแต่ว่าพอกลับมาที่ห้องอีกครั้งหลังเลิกงานร้านเหล้าตอนดึกแล้ว ก็พบว่าห้องของเขามีอะไรที่แปลกไปจากเดิม หลอดไฟที่เคยติด ๆ ดับ ๆ ตอนนี้สว่างจ้าราวกับไม่เคยเสียมาก่อน พอเข้าไปเปิดก๊อกน้ำในห้องน้ำ กลับพบว่าไหลดีไม่ติดขัด เครื่องทำน้ำอุ่นที่เสียมาหลายเดือนถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องใหม่ แถมแอร์ลมร้อนยังเย็นฉ่ำเหมือนอยู่ขั้วโลกเหนือ เขมกรถึงกับต้องออกมาดูป้ายเลขห้องอีกรอบหนึ่งเผื่อว่าจะเดินเข้าห้องผิด แต่พอนึกถึงความเป็นไปได้แล้วก็มีอยู่อย่างเดียวที่พอนึกออกในตอนนี้ หมอกแอบเข้ามาในห้องอีกแล้ว คิดถึงอีกฝ่ายไม่เท่าไหร่พลันได้รับข้อความใหม่ขึ้นมาทันที “คืนนี้ แอร์เย็นแล้ว นอนหลับฝันดีนะ พี่เขม” ฉันขอโทษที่ทำให้นายรู้สึกแบบนั้น เขมกรคิดในใจ ไม่ตอบอะไรกลับไปเพราะจะเป็นการให้ความหวังเปล่า ๆ กระนั้น ข้อความใหม่ก็เด้งขึ้นมาอีกครั้ง “ผมคิดถึงพี่” ในใจของเขมกรหนักอึ้งราวกับแบกรับความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้เพียงลำพัง จู่ ๆ น้ำตาล้นไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว พยายามห้ามเอาไว้แต่ก็ทำไม่ได้จนแทบไม่ได้นอนทั้งคืน เช้าวันต่อมา เขาไปทำงานตามปกติเพียงแต่ใส่แว่นกลม ๆ ไว้เพื่อปิดบังไม่ให้ใครเห็น ทว่า การที่เขาทำอะไรแปลกไปไม่อาจรอดพ้นสายตาของหมอกไปได้ ร่างสูงเดินเข้ามาหาเขมกรข้างในร้าน จับคางของเขาให้หันมาหาตัวเองแล้วถามว่า “ทำไมถึงตาบวม ไปหาหมอไหมครับ” เขาเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง แต่เขมกรเบือนหน้าหนี “ไม่ต้องมายุ่ง ถอยไป” น้ำเสียงของเขาเย็นชาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “พี่เป็นอะไร” หมอกยังคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้ากังวลที่เห็นเขมกรเป็นแบบนี้ “บอกว่าไม่ต้องมายุ่ง พูดไม่รู้เรื่องหรือไง” เขาตวาดเสียงดังจนหมอกอึ้งไปชั่วขณะ มือที่กำลังเอื้อมมาจับอีกฝ่ายชะงักค้างไว้ หมอกเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “ผมขอโทษ พี่อย่าโกรธผมเลยนะ” เขมกรถอนหายใจ พูดกับคนตรงหน้า “ฉันจะทำงาน อยากอยู่คนเดียว” “อื้ม” ร่างสูงพยักหน้า สายตามองคนเป็นพี่อยู่ครู่หนึ่งแล้วออกไปจากร้าน ปล่อยให้คนข้างในได้อยู่ตามลำพังอย่างที่ขอเอาไว้ ต้องทำยังไงนายถึงจะปล่อยฉันไป ขณะกำลังใจลอยอยู่ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงตื่นเต้นจากคนปลายสาย “เขม วันนี้นายว่างไหม ไม่ได้เจอกันนานแล้ว มาดื่มกันหน่อยสิ” ธาดาผู้เป็นเพื่อนสมัยมัธยมกำลังรอคำตอบ ในใจนึกอยากให้เขมกรตกลง “เอาสิ วันนี้อยากดื่มพอดี ได้ร้านแล้วบอกละกัน” เขาตอบรับคำชวน ทั้ง ๆ ที่ปกติแทบจะไม่ออกไปสังสรรค์กับใครที่ไหน “นายคงจะมีเรื่องกลุ้มใจสินะ เดี๋ยววันนี้ฉันเลี้ยงเอง” ปลายสายรู้ทันว่าเพื่อนคนนี้คงมีอะไรในใจมากมาย “อื้ม เจอกัน” เขมกรถอนหายใจ แม้จะอยากระบายเรื่องนั้นออกไปมากแค่ไหนก็คงได้แต่เก็บไว้กับตัวอยู่ดี จนกระทั่งถึงเวลานัด ธาดานั่งรอเขาอยู่ที่โต๊ะด้านในสุด สีหน้ายิ้มแย้มเพราะไม่ได้เจอกันมานาน ทั้งสองต่างพูดคุยกันไร้สาระเหมือนครั้งที่เรียนมัธยมปลายด้วยกัน เหล้าในแก้วถูกเติมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะเขมกรเอาแต่กระดกเข้าปากทุกครั้งที่มีโอกาส ใบหน้าแดงก่ำ ตาเยิ้ม เริ่มเมาได้ที่ “เขม ไหวไหมนั่น” ธาดาถามคนตรงหน้าที่ฟุบหลับกับโต๊ะ สายตาเหลือบเห็นแสงจากโทรศัพท์ของเพื่อนจึงหยิบขึ้นมาดู พลางได้เห็นว่าใครบางคนโทรมา ชื่อที่แสดงบนหน้าจอทำให้เขานึกถึงเรื่องราวข่าวลือในโรงเรียนตอนอยู่ม.ปลายครั้งนั้น “นายยังติดต่อกับหมอกอยู่เหรอ” เพียงแค่เห็นชื่อนี้ ธาดาก็รู้สึกไม่อยากรับสายจึงปล่อยให้โทรศัพท์ดังอยู่อย่างนั้น จู่ ๆ เขมกรก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วคว้าโทรศัพท์ของตัวเองมาดู “หมอก?” เขาพึมพำเสียงอู้อี้ก่อนกดรับสาย “อื้อ อื้อ” สติไม่ค่อยอยู่กับตัว “พี่เมาเหรอ อยู่ที่ไหน” น้ำเสียงของปลายสายร้อนรน ถามรัว ๆ ไม่พักหายใจ “ไม่เมาสักหน่อย เดี๋ยวอีกแปปจะกลับห้องแล้ว” คนที่กำลังเมาหนักพูดว่าไม่เมาจบแล้วสัปหงกหัวโขกโต๊ะไปหนึ่งที “เฮ้ย เขม หัวแตกไหมเนี่ย” ธาดาตกใจรีบยกหัวเพื่อนขึ้นมาดูเพราะได้ยินเสียงโป๊กอย่างแรง “ไม่เป็นไร ๆ ยังอยู่ดี แค่นี้สบายมาก” เขมกรยิ้มแป้นแต่หัวแดงเหมือนจะปูดโนขึ้นมา “พี่เขม!” เสียงปลายสายตะโกนจนทะลุออกมาจากโทรศัพท์ราวกับเป็นโทรโข่งทำให้เขมกรสะดุ้งไปหนึ่งที “พี่อยู่ที่ไหน ผมจะไปหา” เขาจึงเผลอบอกชื่อร้านไปด้วยความมึนเมา สติไม่อยู่กับตัวย่อมทำอะไรที่แปลกไปจากเดิม ธาดาจึงรีบตัดสายทิ้งแล้วพยุงเขมกรขึ้นมา พูดว่า “ห้องนายอยู่ไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง” “ฉันกลับเองได้ นายกลับไปก่อนเลย” เขมกรส่ายหน้าทิ้งตัวกับเก้าอี้ “กลับไปก่อนเลย บ๊ายบาย” พูดจบพลางทำมือสะบัด ๆ ให้กลับบ้าน “กลับได้ไง นายเมาขนาดนี้” ธาดาพยายามจะประคองตัวเขาอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมลุกไปไหน “นี่ เดี๋ยวหมอกก็มาแล้ว” ร่างบางพูดเสียงอู้อี้ แล้วลงมานั่งกอดขาโต๊ะเอาไว้ “รอหมอกก่อน” ธาดาถอนหายใจ พยายามแกะมือเขมกรออกจากขาโต๊ะแต่ไม่เป็นผล จึงได้แต่ปล่อยให้เจ้าตัวนั่งหลับอยู่ท่านั้น แล้วลูบใบหน้าของอีกฝ่าย ทันใดนั้น ใครบางคนเดินเข้ามาดึงมือของธาดาออก “ทำอะไร” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดถามขึ้น สีหน้าและแววตาหึงหวงปิดไม่มิด เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขมกรลืมตามองคนตรงหน้า พูดว่า “ทำไมมาช้า กลับบ้านกันเถอะ” หมอกจึงอุ้มเขาขึ้นมาแล้วกระซิบบอกอย่างอ่อนโยนว่า “กลับบ้านกันนะครับ พี่เขม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD