~ Chapter 1 ~
ตึ่ง! ตึง ตี่ง~
เสียงเบสถูกดีดขึ้นเพิ่มจังหวะให้หัวใจได้ถูกกระตุ้น ก่อนที่ไม่นานเสียงทุ้มของกลองชุดนึงดังขึ้นให้หัวใจได้กระหน่ำเต้น ตามมาด้วยเสียงของกีตาร์ไฟฟ้าที่ถูกดีดเพิ่มเติมจังหวะให้เสียงหัวใจได้เต้นแรงตามมากขึ้น และไม่นานมันก็ถูกเปลี่ยนเป็นเสียงโซโล่กีตาร์ที่ดังออกมา ก่อนที่เสียงหวานใสของเด็กสาวคนหนึ่งจะดังขึ้น แต่แล้ว
ตุบ!
“ไอ้ห่าโย…” เสียงของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนลำโพงขยายเสียงสีดำสนิทดังขึ้น ในมือของเขามีเบสสีน้ำเงินเข้มอยู่ในมือ ก่อนที่เครื่องดนตรีทุกอย่างจะหยุดชะงักไปหมด และสายตาของคนในวงดนตรีก็หันไปมองใบหน้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งประจำตำแหน่งกลองชุดอยู่
“โทษที เอาใหม่ก็แล้วกัน” แม้ว่าปากจะกล่าวขอโทษเพื่อนร่วมวง แต่ใบหน้าเขากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“มึงไม่รู้อ่ะดิ มันกำลังมีความรัก” น้ำเหนือพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะถอดสายคล้องกีตาร์ไฟฟ้าออกจากลำคอแกร่ง
“เห้อ…”
“ถอนหายใจทำไมไอ้ห่าวิลล์ กูจะมีความรักกับเขาไม่ได้หรือไง” วิลล์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ก่อนที่เขาจะถอดสายคล้องกีตาร์ไฟฟ้าออกเช่นกัน
“กี่รอบแล้วเนี่ย เสียงหายหมดแล้วนะ” สายตาเฉี่ยวคมของเด็กสาวคนหนึ่งตวัดมองใบหน้าหล่อเหลาของวาโย ก่อนที่เธอจะพ่นลมหายใจออกมาเหมือนคนหมดคำจะพูด
“พายว่า วันหลังก็ได้นะ ค่อยเล่นใหม่” พระพายพูดออกมาเพื่อให้สถานการณ์ตรงหน้าดีขึ้น เพราะดูเหมือนวาโยจะไม่มีสมาธิในการเล่นดนตรีเลยวันนี้
“เห้อ…” พอตเตอร์พ่นลมหายใจออกมาจากปลายจมูกคมก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินไปเก็บเบสที่อยู่ในมือ
พรึ่บ!
อยู่ ๆ วาโยก็ลุกขึ้น ดูเหมือนวันนี้คงไม่ได้เล่นดนตรีแล้ว เขากำลังคิดว่าควรออกไปข้างนอก
“มึงจะไปไหน” น้ำเหนือเอ่ยปากถามเมื่อเห็นว่าวาโยเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก
“ไปตามหาความรัก”
“ถุ้ย!” วาโยขำเบา ๆ ให้กับท่าทีของเพื่อนเขา แต่เขาก็ไม่สนใจสักเท่าไร เพราะนาทีนี้ เดี๋ยวนี้ เขาต้องการไปตามหาความรักดังคำพูดของเขาก่อนหน้านี้
“อย่ากลับดึกนะโย” เสียงเล็ก ๆ ของพระพายดังขึ้น
“ครับ คุณแม่” คำพูดของวาโยเรียกเสียงหัวเราะจากคนในห้องซ้อมดนตรีได้เป็นอย่างดี เพราะว่าพระพายนั้นทำตัวเหมือนแม่ของทุกคนจริง ๆ
ก่อนที่วาโยจะเดินออกจากห้องซ้อมออกไป เหลือคนในห้องซ้อมที่กำลังเก็บเครื่องดนตรีอยู่
“ชา เมื่อไหร่จะกลับมาร้องเพลงช้าบ้าง พายอยากเล่นเปียโน หรือไม่ก็คีย์บอร์ดแล้ว ไม่ได้เล่นนานแล้วนะ”
“เลือกเพลงมาละกัน” น้ำชาพูดแค่นั้น ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องซ้อมไป
“เล่นให้เหนือฟังหน่อย อยากฟัง”
“แอ๊ะ…เหม็นความรัก”
“ไปไกล ๆ ตีนไอ้น้องเหี้ย”
“น้องเหี้ยเหรอ งั้นพี่ก็เป็นเหี้ยน่ะสิ” เสียงนิ่ง ๆ ของวิลล์ทำให้ให้พอตเตอร์กลั้นขำไว้ในลำคอแทบไม่ได้
“มึงสองคนเข้าขากันดีนะ กูเกือบลืมไปเลยว่ามึงเป็นน้องกู” วิลล์ยักไหล่ขึ้นก่อนที่เขาจะเดินไปกอดคอพอตเตอร์เพื่อบอกน้ำเหนือกลาย ๆ ว่าเขาเป็นพี่น้องกับใคร
“ไอ้น้องเวร” แม้ว่าน้ำเหนือกับวิลล์จะเป็นเพียงแค่ลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ก็สายเลือดเดียวกัน ทั้งคู่มักจะกวนกันไปกันมาอย่างนี้เสมอ และตอนนี้ภายในห้องซ้อมก็เหลือแค่พระพายกับน้ำเหนือสองคน
“เหนืออยากฟังเพลงอะไรเหรอ”
“เปลี่ยนเป็นสอนเหนือเล่นได้ไหม” ว่าแล้วน้ำเหนือก็ก้าวขายาว ๆ ไปนั่งเก้าอี้หลังเครื่องเล่นคีย์บอร์ดที่ตั้งไว้อยู่ข้าง ๆ กลองชุด
“แล้วพายจะนั่งไหนอ่ะ”
ตุบ! ๆ
“ตรงนี้” เขาใช้ฝ่ามือตบเข้าที่หน้าตักตัวเอง ก่อนที่คนตัวเล็กจะหน้าแดงขึ้นมาอย่างขวยเขิน แต่ก็เขินได้ไม่นานเพราะถูกลำแขนแกร่งโอบเอวบางของเธอให้นั่งลงที่ตักเขาเสียก่อน
“อ๊ะ…ตกใจหมดเลย” เธอเอียงคอเขินอายเมื่อถูกลมหายใจของแฟนหนุ่มเป่ารินรดต้นคอ
“เล่นสิ” ยิ่งเสียงทุ้มลึกของเขายิ่งทำให้เธอไปไม่เป็น แต่สุดท้ายแล้วพระพายก็สามารถดึงสติตัวเองกลับมาก่อนที่เธอจะวางนิ้วมือเรียวสวยลงที่คีย์บอร์ด ไม่นานเสียงของคีย์บอร์ดและเสียงร้องเพลงใส ๆ ของพระพายก็ดังไปทั่วห้องซ้อมดนตรีแห่งนี้…
-วาโย-
บนท้องถนนตอนกลางคืนผมชอบที่สุด แสงไฟสีส้มมันสุกไสวให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งมนตรา
เอ่อ…
เกินไปละ
ตอนนี้ผมกำลังขับรถพอร์ชคันเก่งของผมตรงดิ่งไปยังร้านอาหารที่เมื่อช่วงเที่ยงผมได้ไปกินกับเพื่อน ๆ มา ยอมรับเลยว่าหัวใจของผมมันตกอยู่แถวนั้น วันนี้ก็เลยไม่มีกะจิตกะใจตีกลองเลยสักนิด อย่างน้อยให้ได้ไลน์ ได้เบอร์พี่คนนั้นมาเถอะ
“หือ?” ผมผ่อนรถยนต์ลงเมื่อมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีรูปร่างคล้ายกับพี่คนนั้น เอาดี ๆ ตอนนี้ผมไม่ค่อยอยากเจอพี่เขาแล้ว เพราะว่าพี่เขาเหมือนกำลังจะเดินเข้าไปในสถานบริการแห่งหนึ่ง
เอี๊ยด!
‘Play with my body club’
ผมกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อดูป้ายนั้นอีกครั้ง แต่ยิ่งกะพริบตัวอักษรมันก็ยิ่งชัดเจน ผมรู้ดีว่าที่นี่ที่ไหน และมันมีไว้เพื่ออะไร ตอนกลางวันมันจะเขียนไว้ว่าอ่างอบนวด แต่ตอนกลางคืนแสงสีแดงที่ลอดออกมามันทำให้หลายคนเข้าใจได้ว่ามันเป็นสถานที่ที่เอาไว้ทำอะไร
แกร็ก~
ผมเปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะก้าวขายาว ๆ ตรงดิ่งไปที่ทางเข้าทันที ผมอยากจะเดินเข้าไปดูว่าพี่เขาไม่ได้ทำอย่างที่ผมคิดใช่ไหม
แต่แล้ว
ตุบ!
“ไอ้น้อง ขอบัตร” ผมก้มมองฝ่ามือหนาของการ์ดหน้าร้านที่ยกขึ้นดันหน้าอกผมไว้ไม่ให้ผมเข้าไป
“เท่าไร ไม่มีบัตรเอาเงินไปแทนละกัน” จริง ๆ ผมมีบัตรประชาชนอยู่ไง แต่อายุผมยังไม่ถึงยี่สิบ ก็คงเข้าไม่ได้
“หนึ่งหมื่นเป็นไง” ผมยื่นข้อเสนอออกไป ร้อยสองร้อยไม่ต้องพูดกับผม เงินหมื่นยังขี้ปะติ๋ว ผมจ่ายได้มากกว่านี้ขอแค่ได้เข้าไป
“หึ ใจป้ำนะไอ้น้อง”
“สองเลยละกัน” ผมพูดพร้อมกับหมุนตัวกลับไปเอาเงินสดที่อยู่ในลิ้นชักบนรถออกมา ก่อนจะเดินกลับมายัดเงินใส่ฝ่ามือการ์ดคนนี้
“อย่าถ่ายรูปออกมาแล้วกัน” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน และในตอนนี้ใจของผมกำลังเต้นอย่างรุนแรงเพื่อลุ้นว่าผมจะเจอพี่คนนั้นไหม แล้วผมจะเจอพี่เขาอยู่ในรูปแบบไหน คาดหวังในใจว่าผมคงไม่เจอพี่เขากำลังเต้นเปลื้องผ้าใช่ไหม
แต่ผมคงผิดหวังแล้วล่ะ…