บทที่ 9

1169 Words
“แต่นี่มันห้องของพุดนะคะใครมาเห็นเขามันจะไม่ดีนะคะ” อย่างน้อยก็ไม่ดีกับเขาที่มีคนรักอยู่แล้วทั้งคน ส่วนเธอคงไม่มีใครมองดีไปมากกว่านี้ เพราะโดยปกติแล้วทุกๆ คนก็มักจะมองเธอในแง่ร้ายอยู่เสมอ            “ทีอย่างนี้กลัวคนอื่นจะมาเห็น ทีเที่ยวไปยืนส่งยิ้มหวานให้ไอ้หน้าอ่อนนั่นทำไมไม่คิดถึงหน้าคุณย่าฉันบ้าง!” คนที่เหมือนจะถูกไล่ทางอ้อมตวาดลั่น อารมณ์โกรธที่มีมาตลอดวันไม่อาจเทียบกับภาพแสดงความรักกันในที่โล่งแจ้งของหล่อนกับไอ้หน้าอ่อนนั่นเลย เขาให้เหตุผลกับตัวเองว่าหล่อนคือคนของย่า จะทำอะไรก็ควรเห็นแก่หน้าย่าของเขา ไม่ใช่คิดจะไปยืนยิ้มทำหน้าระรื่นกับใครที่ไหนก็ได้ เธอไม่มีสิทธิ์            “พุดกับนทีเราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นค่ะ มันไม่ใช่อย่างที่คุณชาญคิด” พุดกรองให้เหตุผลไปตามจริง แต่เหมือนคำพูดเธอมันจะมีค่าเป็นแค่คำแก้ตัวสำหรับคนใจร้ายตรงหน้า    ไม่ว่ายังไงเขาก็คงไม่เชื่อกัน            “แล้วเธอรู้เหรอพุดกรอง ว่าฉันคิดอะไรอยู่!” ท่าทีคุกคามของเขาทำให้หญิงสาวเริ่มตัวสั่นใจเสีย มันทำให้เธอเผลอคิดถึงจูบคืนนั้นอย่างช่วยไม่ได้   จูบแรกในชีวิตที่ถูกเขาช่วงชิงไปอย่างป่าเถื่อน ไร้ความปราณี            “ว่าไง! ฉันถามว่าเธอรู้รึไงว่าฉันคิดอะไรอยู่!” คนเผด็จการตวาดขึ้นอีกรอบเมื่อคนตรงหน้าเอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่ตอบคำถาม เธอทำเหมือนเขาเป็นสิ่งสุดท้ายบนโลกที่เธออยากจะเห็นก็ไม่ผิด ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เพราะสิ่งเดียวที่มักจะได้รับจากแม่ตัวดีอยู่บ่อยๆ คือท่าทีหวาดกลัว     ต่างจากเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นที่มักจะส่งยิ้มหวานไปให้มัน            “พะ…พุดไม่ทราบค่ะ คุณชาญปล่อยพุดเถอะค่ะ” พุดกรองตอบคำถามทั้งน้ำตา คนเดียวที่สามารถทำให้เธอกลัวได้ก็คือเขา มันมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง        ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปแค่ไหนเธอก็ยังกลัวเขาอยู่            “แต่ฉันรู้ว่าเธอรู้!  เห็นซื่อๆ ไม่นึกว่าคนอย่างเธอมันจะร่านเป็น!”            “คุณชาญ!” คำพูดหยาบคายของเขาทำหญิงสาวหมดสิ้นความอดทน พุดกรองตัดสินใจในเสี้ยววินาทีผลักอกคนปากเสียตรงหน้าให้ถอยห่างก่อนจะวิ่งหนี จุดหมายของเธออยู่ที่ประตูห้อง แต่เหมือนอีกคนจะรู้ทันความคิดกันไปเสียหมด เพราะแค่เพียงเริ่มขยับ เขาก็รวบเอวของเธอเอาไว้แน่นก่อนจะกระชากกลับเข้าหาตัวอย่างแรงก่อนจะเหวี่ยงเธอลงบนเตียง    พร้อมกับตัวของเขาที่ขยับขึ้นมาคร่อมกันไว้อย่างแน่นหนา  ปิดกันทางนี้กันทุกทาง! “ปล่อยพุดนะคะคุณชาญ!” พุดกรองดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิตเมื่อเห็นว่าท่าทีคุกคามของเขาน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เธอไม่รู้ว่าครั้งนี้เขาจะเล่นงานเธอแบบไหนอีก  เธอไม่อยากรู้ และไม่อยากให้มันเกิดขึ้นด้วย            “ทำไม! รังเกียจฉันมากรึไง คิดเหรอว่าคนอย่างฉันจะพิศวาสลูกโจรกระจอกๆ อย่างเธอ!” ชาญตวาดลั่นพร้อมรวบแขนที่กำลังทุบตีกันอยู่กดลงที่ข้างเตียงอย่างรุนแรงเหมือนจะตอกย้ำให้รู้ว่ายิ่งหล่อนขัดขืนเขาก็ยิ่งไม่ปล่อยให้มันรู้กันไปว่าวันนี้เขาจะสั่งแม่ตัวดีนี่ให้หลาบจำไม่ได้            “พุดไม่ได้รังเกียจ คุณชาญต่างหากที่เกลียดพุด” พุดกรองตอบโต้คนใจร้ายกลับไปทั้งน้ำตา ต่อให้เธอจะถูกเขารังแกหนักแค่ไหนมันก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เกลียดเขา เห็นจะมีก็แต่เขาที่ตั้งแง่เกลียดกันไม่เลิก            “งั้นมาพิสูจน์กัน!  ว่าตกลงเธอรังเกียจหรือไม่รังเกียจฉันกันแน่!”            สิ้นคำริมฝีปากหนาก็ทาบทับลงบนเรียวปากสวยอย่างรุนแรงราวกับว่าเขากำลังจะหาที่ลงให้กับอาการหงุดหงิดที่เป็นมาตลอดทั้งวันของตัวเอง และดูเหมือนแม่ตัวดีใต้ร่างจะเป็นที่ระบายได้อย่างดีเยี่ยมเสียด้วย เพราะหล่อนหอมหวานไปทั่วทั้งตัว รสจูบที่ได้ครอบครองในครั้งแรกทำให้เขาติดใจ แม้จะไม่ชอบหน้า แต่ก็ต้องยอมรับว่าชอบทุกอย่างที่รวมกันเป็นหล่อน            “อื้อ! คุณชาญอย่าทำพุด…อื้อ!” จูบที่เร้าร้อนของเขากำลังจะฆ่าเธอ พุดกรองคิดก่อนจะพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่กลับไม่เกิดผล ยิ่งเธอพยายามออกแรงดิ้นมากเท่าไหร่นั้นเขาก็ยิ่งเพิ่มแรงจูบให้ยิ่งหนักหน่วงมากขึ้น ไม่นานหญิงสาวก็ต้องยอมพ่ายแพ้ให้กับอารมณ์หวั่นไหวของตัวเองที่มันดันเกิดขึ้นเพราะมีเขาเป็นผู้จุดพ่ายแพ้ให้เขาอย่างคนหมดท่า            “คุณชาญอย่า…”            “อย่าช้าหรือว่าหยุดดีล่ะ เอาให้แน่สิพุดกรอง” ชาญถามก่อนจะแสยะยิ้มใส่   เหมือนจะดูออกว่าอีกคนไม่ได้รังเกียจสัมผัสของตัวเองเลย            “พุดไปทำอะไรให้ ทำไมคุณชาญต้องเกลียดพุดขนาดนี้คะ พุดทำอะไร” ทว่าคำตอบที่ดันเป็นคำถามมันกลับทำให้เขาสะดุดลมหายใจ ยอมรับว่าถึงแม้จะชอบเห็นอีกคนร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเกลียดอย่างที่ชอบพูด ไม่ใช่  เขาไม่ได้เกลียดเธอ  สักนิดก็ไม่เคยมีความรู้สึกนี้อยู่ในใจ            จะมีก็แต่เจ้าตัวที่ชอบคิดเองเออเองไปเรื่อย!            เขาก็เพียงแค่ไม่ชอบที่เธอมาแย่งเอาความรักจากแม่แล้วก็ย่าของเขาไปจนหมด ตั้งแต่พุดกรองเข้ามาอยู่ที่นี่ ก็เหมือนทั้งสองคนจะพากันละเลยเขากันไปหมด มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกไม่ชอบขี้หน้า จนพาลอยากจะทำทุกอย่างให้เธอออกไปให้ไกลๆไกลเท่าไหร่ยิ่งดี “จะร้องไห้ห้าพระแสงอะไร มีใครตายในนี้รึไง เงียบ!” เสียงเข้มตวาดขู่เมื่อคนใต้ร่างเอาแต่หลับหูหลับตาร้องไห้ทั้งๆ ที่เขายังไม่ทันทำอะไรหล่อนเลยสักอย่าง นอกจากจูบกับลูบคลำนิดหน่อย แต่ดูเหมือนยิ่งเขาตวาดกันมากเท่าไหร่ พุดกรองกลับยิ่งร้องไห้มากขึ้นเท่านั้น เขาทำให้เธอรู้สึกเกลียดตัวเองอย่างที่ไม่เคยเกลียดมาก่อน เกลียดร่างกายตัวเองที่ทรยศต่อความผิดชอบชั่วดี ปล่อยให้เขารังแกเอาได้ง่ายๆ โดยไม่คิดที่จะปกป้องเกียติยศให้ตัวเองทั้งๆ ที่ทำมันได้ถ้าจะทำ ทุกอย่างมันไม่เคยเกิดขึ้นกับใคร  เขาคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD