“มีอะไรคะ”
“ขอบคุณมากนะครับที่ยอมยกเลิกงานหมั้นกับไอ้ดิน”
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ เพราะฉันก็คงรู้สึกไม่ดีเช่นกัน ถ้าต้องหมั้นกับพี่ดินทั้ง ๆ ที่พี่ดิน…”
“ไม่ได้รักคุณ” จุติต่อให้ทันที สายตาคมมองมาด้วยแววตาล้ำลึกอยากจะเข้าใจความคิดและความหมายในดวงตาของเขา
“ค่ะ” อรนลินพยักหน้ารับคำตามไปด้วย
“คิดได้แบบนั้นจริง ๆ ก็ดี”
“ฉันแค่จะแต่งงานกับคุณ เพื่อให้คุณแม่เลิกจับฉันใส่ตระกล้าล้างน้ำให้พี่ดิน และเมื่อทุกอย่างสงบลงแล้ว ฉันจะหย่าให้ ไม่ต้องห่วงหรอกนะ”
ได้ฟังอีกฝ่ายพูดแบบนั้นแล้ว จุติชักพาล บอกปัดอย่างเซ็ง ๆ “แล้วแต่คุณเถอะ ผมสนแค่ว่าคุณจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนของผมก็แค่นั้นแหละ”
“ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
“ว่ามาสิ”
“คุณทำเรื่องนี้เพื่อพี่ดินหรือพี่ปานกันแน่คะ”
คนถามรอฟังคำตอบจากจุติ
แม้จะทำเพื่อเพื่อนทั้งสองคน แต่การทำเพื่อใครนั้นต่างกันในความคิดของอรนลิน
หากเขาทำเพื่อณัฏฐ์นั่นก็แสดงถึงความเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง
และหากเขาทำเพื่อปานทิพย์ นั่นก็แสดงถึงความเป็นเพื่อนที่ดีอีกเช่นกัน แต่ในนั้นกลับทำให้อรนลินมองว่าเขามีหัวใจรักฉันท์ชู้สาวต่อปานทิพย์ด้วย
คิดมาถึงตรงนี้แล้วใจดวงน้อยวูบโหวงอย่างประหลาด แม้การรับผิดชอบจากเขาจะทำเพื่อเพื่อนทั้งคู่ก็ตาม แต่เนื้อแท้แล้ว เขาไม่ได้ทำเพื่อรับผิดชอบเธอ
“ผมทำเพื่อปานทิพย์”
“อย่างนั้นก็ดี” อรนลินเบ้ปากทวนคำของบิดาจุติ “ดีแบบที่คุณพ่อของคุณบอก ฉันควรเป็นเมียแต่ง ดีกว่าเป็นแค่เมียบำเรอความใคร่ ความหน้ามืดชั่วครั้งชั่วคราวของคุณ”
จุติไม่พูดอะไรตอบโต้กลับไป เขาหันหลังกลับไปทางเดิม
“เดี๋ยวคุณ”
“อะไรอีกล่ะ”
“แล้วเราต้องอยู่แบบนี้ นานแค่ไหนหรือคะ”
“แบบนี้น่ะ แบบไหน”
“ก็แบบที่ต้องสวมรอยเป็นสามีภรรยาปลอม ๆ นี่ไงคะ”
จุติกอดอกมองอย่างเคือง ๆ เขาจ่ายไปขนาดนี้ ไม่มีทางหรอก จะให้ไปเป็นผัวเป็นเมียแบบปลอม ๆ น่ะ แต่แล้วก็ขี้เกียจจะพูดอะไรมาก หันหลังพร้อมกับบอกไปว่า “ปีเดียวก็หรูแล้วแม่คุณ”
ทิ้งให้เธอยืนมองด้วยความรู้สึกชนิดหนึ่ง จะผิดหวังก็ไม่ใช่ เสียใจก็ไม่เชิง นี่เขาถึงกับลงทุนแต่งงานกับเธอ อยู่แบบสามีภรรยาจอมปลอมกับเธอตั้งหนึ่งปี เพื่อไม่ให้ไปก่อกวนชีวิตคู่ของผู้หญิงที่เขารักเชียวหรือ น่านับถือจริง ๆ
พิธีการทั้งหมดถูกจัดขึ้นที่บ้านของเธอ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ทำลำดับขั้นพิธี ละเอียด บรรจง ประณีตจนถึงงานฉลองสมรสในช่วงเย็น ก็จบเสร็จสิ้นงานลงในที่สุด
เสียงเพื่อนของจุติตะโกนข้ามฟาก ถามมา
“ติมึงจะลงมากินอีกใช่ป่าว”
“ไม่แล้วโว้ย กูจะเข้าหอ”
เธอมัวแต่มองที่ญาติตัวเองอยู่ เลยไม่ทันได้ยินเขาตอบโต้กับเพื่อน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โดนจุติเข้ามาช้อนตัวอุ้มเดินออกไปจากงานเลี้ยงไป
ทั้งโกรธ ทั้งอาย แต่แล้วก็ข่มอาการเอาไว้จนลับตาคน ก็ค่อยดิ้นให้เขาปล่อยเธอลง จุติไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ พามาจนถึงห้องหอนู่นเลย ถึงได้สะบัดเธอออกอย่างไร้อาการหวานอย่างที่แสดงออกในงาน
ผู้หลักผู้ใหญ่ตามเข้ามาอวยพร จนพิธีส่งตัวเรียบร้อย อรนลินก็ปลีกตัวไปจัดการกับชุดของตัวเอง บอกเขาทั้ง ๆ ที่ยังก้มหน้าก้มตาอยู่ “คุณจะลงไปดื่มต่อกับเพื่อนต่อก็ได้นะคะ”
จุติบอกเสียงเข้ม มองเจ้าสาวที่สวยจนเขาใจหาย กลัวว่านี่มันจะเป็นเพียงแค่ความฝัน แล้วพอตื่นมันก็จะหายไป
“มันได้หัวเราะผมตายน่ะสิ”
“หัวเราะ? เรื่องอะไรคะ”
“เรื่องเข้าหอนี่ไง”
“เอ่อ ฉันอยากคุยกับคุณเรื่องนี้พอดีเลยค่ะ” อรนลินนึกขึ้นได้เลยรีบบอกเขา ก่อนจะลืม
“เรื่องอะไรจ๊ะเด็กน้อย นี่อย่าบอกนะว่าเราตกลงแต่งงานกันแต่ในนามเท่านั้นนะคะ แบบในละครน่ะ” จุติดัดเสียงเล็กเสียงน้อยถามย้อนกลับมา แววตาเต้นระริกราวกับถูกอกถูกใจอะไรบางอย่าง
“ถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะคะ”
“ไม่รับปากหรอกครับ” จุติเปลี่ยนประกายตาที่เต้นระริกเมื่อครู่เป็นประกายวาววับให้ว่าที่เจ้าสาวคนสวยทันที ย่างสามขุมเข้าไปหาอย่างต้องการแกล้งเย้าเล่น
“นี่!... อย่าเดินเข้ามาในรัศมีสามเมตรนะ” ยกมือห้ามกันเอาไว้ พร้อมเดินหลีกไปอีกทาง คนเคยโดนเธอประทุษร้ายย้อนถามปนรอยยิ้ม
“ทำไม จะเอาอะไรมาตีหัวผมอีกล่ะ”
“ถ้าคุณลวนลามฉัน คุณโดนแน่” อรนลินมองซ้ายขวาหาอุปกรณ์จะฟาดหัวเขา และก็เจอโคมไฟบนโต๊ะข้างหัวเตียง “คุณโดนไอ้นี่ฟาดหัวแน่” เธอยกมันขึ้นมาขู่เขาฟอด ๆ ยังกับลูกแมวน้อย ไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิด
นะ...นั่นมัน...น่ารัก จนจุติเห็นแล้วก็แทบลืมหายใจไปเลย เขาสะบัดหน้าร้องบรื้อเบาๆ สะบัดความคิดนั้นออกไปจากหัวโดยไว บอกอย่างไม่ใส่ใจว่า “โถ ไอ้ไม้จิ้มฟันนั่นน่ะนะ กลัวตายล่ะ เชิญนอนกอดอาวุธของคุณไปเถอะ”
เขาว่าจบออกจากห้องไปทันที ท่องไว้ในใจว่าอย่านะไอ้ติ อย่ากระโดดปล้ำยัยนั่นอีกนะ
พลันเสียงโทรศัพท์แปลกที่ไม่คุ้นดังขึ้น อรนลินคิดว่านั่นคงเป็นของเขาที่คงวางทิ้งไว้ตอนพิธีส่งตัวแล้วลืม จึงไม่ใส่ใจ ตั้งท่าจะล้างหน้าอาบน้ำ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกจนอรนลินต้องเดินไปดูเผื่อเป็นสายสำคัญ แต่แล้วปลายสายกลับวางไปเสียแล้ว พอหันหลังกลับก็มีเสียงข้อความจากแอปพลิเคชันสนทนาดังขึ้นมันสว่างวาบเข้ามาแทนที่หน้าจอ
‘ทำไมไม่รับสายริต้าคะ’
‘เด็กนั่นทำให้คุณครางแบบที่ริต้าทำไม่ได้หรอกค่ะ’
แล้วภาพของหญิงสาวที่ชื่อ ‘ริต้า’ ก็ปรากฏในความทรงจำในคืนที่เกิดเรื่องขึ้นระหว่างเธอกับเขาคืนนั้น
เขายังติดต่อกับยัยริต้าอยู่อีก ทั้ง ๆ ที่แต่งงานกับเธอแล้ว
ทุเรศชะมัด!
คอยดูเถอะ เธอจะขอหย่าจากเขาเมื่อครบเวลาหนึ่งปีตามที่บอกเอาไว้ ต่อให้ต้องแต่งงาน อยู่ด้วยกันเป็นปี อยู่ในสถานะสามีภรรยา ก็เป็นแบบปลอม ๆ แต่หญิงสาวก็รู้ดี ว่าตัวเธอนั้นไม่มีทางที่จะรักผู้ชายแบบนั้นได้ลงคออย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องอะไรที่มันเคยผิดพลาดผ่านมานั่น
ก็ช่างมันประไร
จะถือเสียว่าเป็นความซวยของเธอเอง