“ได้ข่าวว่าไปรับงานแล้ว ค่าตัวหมื่นหนึ่งยืนถ่ายจนขาเดี้ยงไม่สมกับเป็นเธอเลยนะ”
คีย์ตะวันปรายหางตาไปมองคนเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวพร้อมกันกับเธอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงรีบปรี่เข้าไปปรนนิบัติเขาแทบจะทันที วาจายกยอปอปั้นไม่เคยขาดแต่ตอนนี้เธอเหมือนคนน้ำท่วมปากมากกว่า กลิ่นน้ำหอมที่ไม่ใช่ของเธอลอยตลบอบอวลไปทั่วห้อง
“ก็บอกว่าจะเริ่มทำงานไงคะ” ปลดนาฬิกาเรือนหรูในข้อมือนำมันไปเก็บไว้ในลิ้นชัก ตามด้วยต่างหูราคาแพง
“ไม่สมกับเป็นคุณหนูคีย์ตะวันเลยนะ” เขาเดินเข้าไปใกล้แต่กลับต้องขมวดคิ้วเมื่อคีย์ตะวันก้าวถอยหลังราวกับไม่อยากอยู่ใกล้เขา “ทำไม?”
“กลิ่นชู้ติดตัวขนาดนี้อย่ามาใกล้กันเลยดีกว่าค่ะ”
“อังไม่ใช่ชู้”
“งั้นคงเป็นคีย์กระมังคะ”
“อังมาก่อนเธอนะ”
‘ไม่ใช่ เธอต่างหากที่มาก่อน’ แม้จะอยากพูดประโยคนี้ออกไปแต่เชื่อเถอะว่าเขาคงไม่เชื่อและคิดว่าเธอแค่หาเรื่องมาแถให้ตัวเองชนะเท่านั้น แปลกที่ใจตัวเองสงบมันผิดปกติมาก อย่าว่าแต่อุ้มกันขึ้นมาจากสระเลยแค่เข้าไปใกล้เธอก็พร้อมกลายร่างเป็นนางยักษ์แล้ว แต่ครั้งนี้ยังควบคุมตัวเองได้เพราะในสมองมีแต่ความสับสน
“เลิกเถอะ ไอ้ความคิดที่จะลองปล่อยเพื่อจับน่ะ ถ้าจะปล่อยก็ปล่อยฉันจะขอบคุณเธอมากด้วยซ้ำ”
“แต่งงานกันมาสองปีเคยเป็นสามีที่ดีสักวันไหมคะ?”
ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอถามออกไปแบบนั้น เมื่อเห็นเขานิ่งเธอจึงเลือกที่จะเดินผ่านไปเลย
ไต้คุณมองตามหลังของคีย์ตะวันไปจนลับสายตา ไม่โวยวาย ไม่พังข้าวของ ไม่ตามไปอาละวาดอังสุมา คนที่เขาคุยด้วยเมื่อกี้คือคีย์ตะวันแน่ใช่ไหม?
สายน้ำเย็น ๆ ไหลลงมาชโลมใบหน้าสวย เปลือกตาหนาหลับตาพริ้มเงยหน้ารับสายน้ำจากฝักบัว มีแต่สายน้ำที่ไหลลงมานี่แหละปกปิดร่องรอยน้ำตาของเธอได้ ใครว่าเธอไม่เสียใจกำลังความรู้สึกร้าวหัวใจแหลกสลายจนตัวสั่นไปหมดแล้วต่างหาก เขาไม่ปฏิเสธว่าเมื่อคืนไปดูแลอังสุมาทั้งที่เธอนอนอยู่โรงพยาบาลคนเดียว
ยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองแรง ๆ เธอกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนกันแน่ ตำแหน่งภรรยาที่ตัวเองภูมิใจนักหนามีเพียงบอดี้การ์ดกับคนใช้ในบ้านของเขาที่รู้ มันน่าภูมิใจแล้วใช่ไหมคีย์ตะวัน!
ภรรยาของนายน้อยตระกูลดังบ้าบออะไร!
“อังมีอะไรหรือเปล่า ครับผมจะรีบไป”
สองสายตาเผลอประสานกันอย่างไม่ได้นัดหมายอีกคนออกมาจากห้องน้ำส่วนอีกคนกำลังจะก้าวออกไปจากห้องแต่งตัวหลังจากได้รับสายอังสุมา
“ไม่ไปได้ไหมคะ”
เขาเพียงแค่ปรายหางตามองก่อนจะตวัดลำขาแกร่งเดินออกไปจากห้องไม่เพียงแต่ไม่ตอบแม้แต่หันกลับมามองเขายังไม่ทำ
ใช่ เธอเป็นนางร้ายในสายตาไต้คุณ ไม่สิ ต้องเรียกว่าเป็นนางร้ายในสายตาของทุกคนไปแล้ว ย้อนกลับไปคิดทุกคนเกลียดเธอก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เรียกได้ว่าเธอเป็นบ้าสติหลุดทุกครั้งที่เห็นไต้คุณไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น แต่งงานมาสองปีเขาไม่เคยมีเธอแค่คนเดียว แต่เรื่องบนเตียงเธอก็ไม่มั่นใจเหมือนกันเพราะไต้คุณเปลี่ยนผู้หญิงควงออกงานเป็นว่าเล่น
มันไม่ได้แปลกในสายตาของบุคคลภายนอกเพราะเขายังเป็นทายาทตระกูลดังที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับรูปปั้นในเทพนิยาย และที่สำคัญเขาไม่ให้คนภายนอกรู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว
เธอเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยกับชีวิตของตัวเองในตอนนี้ ไม่มีใครให้หันหน้าไปพึ่งพิงได้เลยแม้แต่พ่อตัวเอง ขนาดโทรไปหวังจะได้รับคำปลอบใจกลับได้ยินแต่เรื่องเงินที่พรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย ทั้งที่ธุรกิจฟื้นฟูกลับมาได้แต่พ่อเธอดันไปรู้จักการลงทุนในรูปแบบการพนัน
ค่อย ๆ ไถลตัวลงมาเรื่อย ๆ จนนั่งแหมะอยู่กับพื้น น้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจและสับสนในชีวิตพรั่งพรูออกมา
เธอยังต้องอยู่ในบ้านที่ไม่มีใครต้อนรับเธอเลยแม้แต่สามีแบบนี้ต่อไปอย่างงั้นเหรอ มือบางเลื่อนมากุมตำแหน่งหัวเข่าไว้ตอนนี้ถึงแผลจะหายเจ็บแต่เหมือนมันจะฝังใจมากกว่า ในตอนที่เธอกำลังเกือบตายเขาเลือกที่จะตัดสายเธอทิ้งอย่างไม่ไยดี เธอไม่สามารถลบภาพนั้นออกจากสมองได้เลย
รักเหรอ? เงินเหรอ? ทำไมมันไม่เคยมีความสุขเลยสักวันล่ะคีย์ตะวัน เธอกำลังคาดหวังกับคำสัญญาที่คนเอ่ยปากยังจำไม่ได้งั้นเหรอ
เพล้ง!
ใบหน้าโกรธขึงตวัดสายตาไปมองลูกสาวของตัวเอง หอบหายใจอย่างหนักหน่วงกับเรื่องที่ได้ยินจากปากคีย์ตะวัน คุณไพโรจน์ยกมือขึ้นมาชี้หน้าลูกสาวตัวเองหลังจากได้กวาดข้าวของบนโต๊ะทำงานของตัวเองทิ้งหมดเพราะเรื่องราวที่พึ่งได้ยิน
“แกบอกว่าจะหย่ากับสามีงั้นเหรอ?”
“ค่ะ” คีย์ตะวันตอบออกมาเสียงเรียบ
“ประสาทกลับหรือไง คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลเหมือนเดิมสินะ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ผิดใจกันนิดหน่อยก็มาบอกจะหย่าตอนไหนแกจะโตฮะ คีย์ตะวัน!”
“ครั้งนี้คีย์จริงจังค่ะ แค่มาบอกให้ทราบไว้เฉย ๆ”
“แกหย่าไม่ได้!!”
“ทำไมคะ?”
“ไม่รู้แหละ รู้แค่ว่าแกหย่ากับไต้คุณไม่ได้เด็ดขาด!”
“พ่อ” คีย์ตะวันขมวดคิ้วมุ่น
“ตอนแต่งฉันก็เอ่ยปากห้ามแกไปแล้ว แต่แกเคยฟังใครที่ไหนขนาดฉันจะไม่ยกสินสมรสทางฝั่งเจ้าสาวให้แกยังยืนยันที่จะแต่งออกไปให้ได้ ห้ามหย่าไว้หน้าฉันบ้าง”
ใช่สินะ เธอชอบเขาขนาดแม้แต่สินสมรสทางครอบครัวตัวเองยังบอกปัดไม่เอาอะไรสักอย่าง เหมือนคนโง่งมงายเพราะรักเขาข้างเดียว เแบบนั้นไงเธอเลยเลือกที่จะออกมาใช้ชีวิตตัวเองได้แล้ว
“คีย์แค่มาบอกให้พ่อทราบ”
“ถ้าแกหย่าฉันตายแน่!”
“ทำไม? นี่พ่ออย่าบอกนะ”
“คีย์มีให้พ่อไหมสักร้อยล้าน”
“พ่อนั่นมันร้อยล้านไม่ใช่ร้อยบาทนะ!”
“ครอบครัวสามีแกร่ำรวยขนาดไหนใครจะไม่รู้บ้าง เงินแค่ร้อยล้านขี้ปะติ๋วมาก อีกอย่างสามีแกเป็นทายาทเศรษฐีรุ่น ๕ เลยนะคีย์!”
“พ่อเล่นพนันจนติดหนี้เหรอ!”
“ไม่ ๆ พ่อแค่อยากยืมมาลงทุน”
“แน่ใจนะ?” หรี่สายตามองอย่างจับพิรุธ ไม่ใช่แค่ครั้งนี้แต่พ่อเธอเคยสร้างสถานการณ์นัดเธอกับไต้คุณมาทานข้าวตบท้ายด้วยเรื่องเงินตลอด และไม่รู้ว่าทำไมไต้คุณถึงเลือกที่จะให้ แบบนั้นพ่อเธอยิ่งได้ใจใหญ่
“แน่สิ บอกสามีแกว่าพ่อเห็นแหล่งสมบัติอยากลงทุนกับเพื่อน”
“ไม่ได้หรอกค่ะ คีย์ก็บอกอยู่ว่าจะหย่ากับเขา”
“คีย์!”
“พ่ออย่ามามองด้วยสายตาแบบนี้ได้ไหมคะ”
“ถ้าแกไม่ไปพูดให้ ฉันไปบอกเองก็ได้”
“พ่อเลิกทำตัวน่าอายแบบนี้สักที เที่ยวแต่ไปขอเงินคนอื่นเขา เหมือนคนไม่มีการมีงานทำทั้งที่ตัวเองบอกว่าเอาเงินไปลงทุนแต่ไหนกำไรล่ะพ่อ ลงทุนแล้วถมมันไปมิดเลยหรือไง”
เพียะ!
ใบหน้างามสะบัดไปตามแรงทันทีที่พูดจบ ไพไรจน์ยกมือขึ้นชี้หน้าลูกสาวตัวสั่นงก ๆ เขารู้ตัวเองดีไม่ต้องให้ใครมาสั่งสอนหรอก
“จำไว้ ฉันเป็นพ่อแกเป็นคนที่เลี้ยงดูแกมา การที่พ่อตาหยิบยืมลูกเขยนิด ๆ หน่อย ๆ ทำไมจะไม่ได้”
“พ่อทำแบบนี้เพราะฉันไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพ่อใช่ไหมคะ?”
“แกพูดอะไร” ไพโรจน์ตาเหลือกไม่คิดว่าคีย์ตะวันจะพูดแบบนี้ออกมา
“ถ้าฉันเป็นลูกแท้ ๆ พ่อควรถามอย่างอื่นนอกจากเรื่องเงินกับฉันบ้าง แต่ไม่เลยในสายตาพ่อเหมือนใช้ฉันเป็นสะพานเชื่อมไปหาเงินของพ่อเท่านั้น”
“แกจะคิดยังไงก็แล้วแต่”
“พ่อจะไม่มีวันได้เงินผ่านคีย์อีกแล้วค่ะ”
“ก็ลองดู ฉันจะป่าวประกาศให้ทุกคนรู้เลยว่าแกมันเนรคุณแค่ไหน”
คีย์ตะวันมองคนที่ตัวเองเรียกว่าพ่อตั้งแต่จำความได้ด้วยสายตาเย็นยะเยือก นอกจากพ่อจะไม่ถามว่าทานอะไรมาหรือยังพ่อก็ยังไม่เคยถามว่าตอนนี้เธอใช้ชีวิตเป็นยังไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า