บทที่ 5 เตรียมการ
หุบเขาเหลียนหยาง
มู่หรงเจวี๋ยในยามนี้กำลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกมาสูดอากาศยามเช้า บนหุบเขานี้โชคดีที่มีแม่น้ำไหลผ่าน ใช้ได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งแม่น้ำก็ยังใสสะอาด บางคราที่เก็บของป่ามาได้มากหน่อย เขาก็จะให้คนนำไปขายเพื่อหาต่อทุนเพิ่ม
หลายคืนก่อนเขาออกปล้นเสนาบดีกรมพระคลังที่ออกมาพักผ่อนที่เรือนพักร้อน ได้ยินว่าคนผู้นี้รีดไถราษฎรมากมาย เขาจึงไปขอแบ่งมาใช้เสียหน่อย แล้วยังกระทืบมันจนสลบคาเท้าเพื่อระบายอารมณ์อีกด้วย
จะว่าไปชีวิตในรังโจรของเขานี่มันก็ไม่เลวเสียจริง ๆ มีเรื่องให้สนุกสนานไม่เว้นแต่ละวัน
ตั้งแต่เขาล้มหัวหน้าโจรคนเก่าได้ เขาก็กลายเป็นที่ยอมรับของคนในกองโจร แม้แต่อดีตหัวหน้าโจรก็ยังกลายมาเป็นลูกน้องของเขา
"โจวเซิง ข้าถามเจ้าสักเรื่องสิ"
มู่หรงเจวี๋ยก้าวเดินมาหยุดตรงหน้าของชายหนุ่มวัยกลางคนที่ถูกเขาล้มลงจากตำแหน่งหัวหน้าโจร โจวเซิงเงยหน้ามามองมู่หรงเจวี๋ยก่อนจะยิ้มตาหยี
"เรื่องเดียวนะขอรับ ห้ามเกินสองเรื่อง"
มู่หรงเจวี๋ยปรายตามองโจวเซิงคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ
"อย่ามากวนประสาทข้า"
"ก็ลูกพี่บอกว่าขอถามข้าสักเรื่อง ก็คือเรื่องเดียวสิขอรับ หากจะถามสองเรื่อง ลูกพี่ก็ต้องพูดว่า ข้าขอถามเจ้าสักสองเรื่อง โอ๊ย!!!"
"ไสหัวไปก่อนที่ข้าจะถีบยอดหน้าเจ้าอีกรอบ!!!"
"ลูกพี่ข้ากลัวแล้ว ไม่กล้าแล้วขอรับ"
มู่หรงเจวี๋ยคร้านที่จะเอ่ยถามโจวเซิงให้มากความอีก เขาจึงสั่งให้โจวเซิงไปทำงานใดก็ไปเสีย ส่วนตนก็เดินตรวจตราดูโดยรอบเพื่อหาหนทางเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า เขาจะต้องหาเส้นทางลับเพื่อลักพาตัวหนิงเซียนมาที่รังโจรแห่งนี้ และไม่ให้ทางการหรือคนตระกูลหนิงตามรอยมาจับเขาได้เป็นอันขาด
"ท่านพี่เหล่ยเจ้าคะ ท่านพี่เหล่ย รอข้าด้วยเจ้าค่ะ"
ในขณะที่มู่หรงเจวี๋ยกำลังจะเดินตรงไปที่ป่าท้ายรังโจร เขาก็ต้องหยุดชะงักลงเสียก่อน เมื่อได้ยินเสียงเรียกของ จินเย่ว์
จินเย่ว์เป็นญาติฝั่งมารดาของโจวเซิง เดิมทีนางเป็นเพียงสาวบ้านป่าธรรมดาเท่านั้น แต่เมื่อบิดามารดาล้มป่วย ก่อนจะสิ้นใจจึงได้ฝากฝังให้โจวเซิงดูแลญาติผู้น้องคนนี้ด้วย เพราะเกรงว่านางจะถูกรังแก การให้นางมาอยู่ที่รังโจรแห่งนี้ก็ยังดีกว่าให้นางอยู่เรือนเพียงลำพัง เกรงว่าพวกนักเลงจะมาฉุดคร่าข่มเหงเอาได้ อยู่กับโจวเซิงแม้จะเป็นโจรแต่โจวเซิงก็รักน้องสาวผู้นี้ไม่น้อย
"มีอันใด"
"ท่านพี่เหล่ย จะไปที่ใดหรือเจ้าคะ"
"จะไปตรวจดูโดยรอบ เจ้ามีสิ่งใดหรือ"
"ข้าเพิ่งอาบน้ำมาน่ะเจ้าค่ะ ผ่านมาเห็นท่านพี่เหล่ยเข้าพอดี จึงแวะมาทักทาย"
ไม่พูดเปล่าจินเย่ว์ยังก้มกายลงแสร้งทำเป็นว่าผ้าคลุมกายหลุด มู่หรงเจวี๋ยจึงได้เห็นเนินอกอวบอิ่มของนางได้อย่างชัดเจน เขาจึงถอนหายใจคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
ใหญ่เกินไปเขากลัวยิ่งนัก เมื่อหนึ่งเดือนก่อน มีข่าวคนถูกหน้าอกภรรยาหนีบหน้าจนตาย เขากลัวเหลือเกิน
จินเย่ว์อะไรก็ดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวคือนางชอบยั่วยวนเขาได้ตลอดทุกวัน เขารำคาญนางแต่ก็อดเอ็นดูนางไม่ได้ เพราะบางครานิสัยของนางก็คล้ายกับมู่หรงหลินน้องเล็กที่ตายไปแล้วของเขา
การที่เขามาอยู่ที่นี่ย่อมมิอาจเปิดเผยฐานะที่แท้จริงได้ เขาจึงใช้ชื่อปลอมว่า อาเหล่ย และบอกทุกคนในรังโจรว่าเขาเป็นเพียงบุรุษที่เคยผ่านการฝึกฝนในค่ายทหาร รู้สึกเบื่อจึงขอลากลับบ้านเก่าเพียงเท่านั้น ผู้ที่รู้ฐานะที่แท้จริงของเขามีเพียงหานอวี้เพียงผู้เดียว
"จินเย่ว์ ข้ามีงานต้องทำ เจ้ากลับไปพักเถอะ"
"ท่านพี่เหล่ย"
"จินเย่ว์
"เจ้าค่ะ"
เมื่อถูกสายตาตำหนิของมู่หรงเจวี๋ยเข้า จินเย่ว์จึงยอมทำตามแต่โดยดี ในขณะเดียวกันนางก็ตั้งมั่นในใจ ว่านางจะต้องเอาบุรุษผู้นี้มาเป็นสามีของนางให้ได้ในสักวัน
เมื่อออกห่างมาจากจินเย่ว์ได้แล้ว มู่หรงเจวี๋ยจึงเดินตรงมาที่ชายป่าด้านหลังรังโจร เขาทอดสายตามองไปเบื้องหน้าก่อนจะครุ่นคิดในใจ
ห่างจากรังโจรของเขาไปไม่ไกลนัก จะพบกับวัดเหลียนซานที่อยู่บนเขาเบื้องหน้า ทางนี้เป็นทางลัดที่จะเข้าสู่ด้านหลังของวัด เขาจะใช้เส้นทางนี้อ้อมไปจับตัวหนิงเซียนจากด้านหน้าทางขึ้นวัด แล้วใช้เส้นทางลัดด้านหลังเขาย้อนกลับมาที่รังโจร ด้านหลังวัดนี้เป็นป่าเขาที่ค่อนข้างทึบ เส้นทางไม่สะดวกสบายมากเท่าใดนัก แน่นอนว่าการเข้าถึงรังโจรของเขาย่อมยากลำบากไม่น้อย
มู่หรงเจวี๋ยไม่เคยพบหน้าหนิงเซียนมาก่อน เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ทุกคราที่กลับจวน เขามักจะได้ยินมู่หรงหลินน้องสาวของเขาเอ่ยถึงหนิงเซียนอยู่บ่อยครั้ง
นางเป็นสตรีที่งดงามล่มเมือง กิริยาวาจาอ่อนหวาน คุณธรรมของนางก็ดีงาม การวางตัวก็เป็นเลิศ สตรีในเมืองหลวงไม่มีผู้ใดเทียบนางได้สักคนเดียว นับว่าเป็นสตรีอันดับหนึ่งของเมืองหลวงก็ไม่เกินไปนัก
มู่หรงเจวี๋ยยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันหลังเดินกลับรังโจร
แล้วพบกันนะหนิงเซียน ข้าจะทำให้เจ้าทรมานจนแทบจะอยากตายวันละพันครั้งหมื่นครั้งเลยทีเดียว ส่วนบิดาของเจ้า ข้าจะทำให้มันกระอักเลือดที่ต้องสูญเสียบุตรสาวไป และมันจะต้องช้ำใจยิ่งกว่าเมื่อได้เห็นสภาพบุตรสาวอันเป็นที่รักว่าทุเรศสิ้นดีเพียงใด ในวันที่เขาปล่อยนางกลับจวน นางจะต้องอับอายอย่างสุดชีวิต