บทที่ 6

1723 Words
บทที่ 6 ความกังวลใจของหนิงฮองเฮา วังหลวง "ได้ยินว่าอีกสามวันพี่ใหญ่จะพาหนิงเซียนไปไหว้พระที่วัดเหลียนซาน และบอกกล่าวกับเหล่าดวงวิญญาณบรรพบุรุษหรือ" "พ่ะย่ะค่ะฮองเฮา" แม่ทัพใหญ่หนิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ก่อนจะยกถ้วยชาที่หนิงฮองเฮาสั่งให้นางกำนัลเทใส่ถ้วยขึ้นดื่ม หนิงฮองเฮายกมือขึ้นไล่เหล่านางกำนัลขันทีให้ออกไปจนหมด ก่อนจะหันมาเอ่ยกับแม่ทัพใหญ่หนิง "พักนี้หยางเซียวหลิ่นมักจะทำตัวเย็นชากับข้าอยู่ไม่น้อย แต่ตราบใดที่ฝ่าบาทยังอยู่ พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นกังวล ตำแหน่งมารดาของแผ่นดินอย่างไรย่อมต้องตกเป็นของหนิงเซียน" "ขอบพระทัยฮองเฮาที่ทรงเมตตาบุตรสาวของกระหม่อม" "ญาติสนิทกันทั้งนั้น อ้อ พี่ใหญ่ ข้าลืมถามท่านเลย บุตรสาวคนรองของท่านหนิงซือซือน่ะ ได้ยินว่าไม่ได้เรื่องได้ราว หนิงเซียนมาระบายกับข้าทุกคราที่เข้าวัง มิสู้ส่งนางเข้าวังมาพบข้า ให้ข้าช่วยสอนกฎระเบียบให้ดีหรือไม่ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นบุตรอนุ แต่ก็เป็นถึงคุณหนูรองจวนแม่ทัพ วันหน้านางต้องแต่งงานออกเรือน จะได้ไม่ขายหน้าตระกูลหนิง" แม่ทัพใหญ่หนิงที่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปในทันที เขาวางถ้วยชาลง ก่อนจะมีสีหน้าครุ่นคิด หนิงฮองเฮาที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยถามพี่ชายของตนทันที "พี่ใหญ่ไม่สบายหรือ" แม่ทัพใหญ่หนิงรีบหันมาส่ายหน้าและส่งยิ้มให้หนิงฮองเฮาคราหนึ่ง "หามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงมิอยากรบกวนฮองเฮา ซือเอ๋อร์เดิมทีก็เป็นเด็กโง่เขลา กิริยามารยาทก็ไม่ได้เรื่อง อีกทั้งยังป่วยกระเสาะกระแสะมาตั้งแต่วัยเยาว์ เกรงว่านางจะนำไออัปมงคลมาให้ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ" ไออัปมงคล! เมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของหนิงฮองเฮาก็ไม่สู้ดีนัก นางพลันนึกถึงใครบางคนที่นางไม่อยากจะคิดถึงอีก "พี่ใหญ่ หากนับอายุของซือเอ๋อร์ ก็ใกล้เคียงกับ หรือว่าท่าน..." "ไม่ใช่นะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจัดการตามที่รับสั่งไปเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว!!! เมื่อได้ยินเช่นนั้นหนิงฮองเฮาก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องราวเมื่อหลายสิบปีก่อน ผู้ใดที่มาขัดขวางทางแห่งอำนาจของนางและคนตระกูลหนิง นางไม่เคยละเว้น!!! จวนตระกูลหนิง หลายวันต่อมา "คุณหนูรองเจ้าคะ บ่าวได้ยินว่าการเดินทางไปวัดเหลียนซานในครานี้ ไท่ฮูหยิน และฮูหยินจะพักอยู่บนเขาหลายวัน คุณหนูรองเตรียมเสื้อผ้าไปเพียงไม่กี่ชุดเช่นนี้ จะพอหรือเจ้าคะ" ผิงผิงเอ่ยถามหนิงซือซือที่กำลังจัดเตรียมเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุด นอกนั้นจะเป็นของกินสารพัดที่หนิงซือซือนำใส่ห่อผ้าไว้กินระหว่างทาง "พอสิ ข้าน่ะไม่เน้นเสื้อผ้า แต่เน้นอาหารการกินมากกว่า จะให้ข้ากินแต่อาหารเจ ข้าคงทนไม่ไหว" "คุณหนู ท่านก็ห่วงแต่เรื่องกิน เดี๋ยวก็ถูกคุณหนูใหญ่ตำหนิอีก" "ช่างนางสิ ข้าก็แค่ทำหูทวนลมไปก็พอ" หนิงซือซือเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้ผิงผิง นางเองไม่อยากจะใส่ใจเรื่องใดให้มากนัก เดิมทีนางเองก็ไม่ได้เป็นที่รักของคนในจวนอยู่แล้วนอกจากท่านย่า บุตรอนุก็ทำได้เพียงเท่านี้ ท่านย่าเคยบอกว่านางกับหนิงเซียนเกิดปีเดียวกัน เพียงแค่หนิงเซียนเกิดก่อนนางหนึ่งเดือน จึงถือตนว่าเป็นพี่ใหญ่กว่า ทั้งที่หากนับอายุจริง นางกับหนิงเซียนปีนี้ก็มีอายุครบสิบแปดปีเต็มเช่นเดียวกัน ช่างเถิด เกิดก่อนเกิดหลังมันก็ไม่ได้ทำให้หนิงเซียนชอบหน้านางมากกว่าเดิมอยู่ดี! หลายวันต่อมา ก็ถึงวันที่ต้องเดินทางไปวัดเหลียนซาน หนิงซือซือเดินมาที่รถม้า ก่อนจะตรงเข้าไปกอดแขนไท่ฮูหยินอย่างออดอ้อน "ท่านย่า" "ซือเอ๋อร์เจ้ามาก็ดีแล้ว มานั่งรถม้าคันใหญ่กับย่ามา เซียนเอ๋อร์มานั่งด้วยกันเร็วเข้า" หนิงเซียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด "ท่านย่าเจ้าคะ เดิมทีหลานเป็นบุตรภรรยาเอก หลานกับท่านแม่ควรได้นั่งรถม้าคันหน้าซึ่งกว้างขวางสะดวกสบายมากกว่า ส่วนบุตรอนุควรจะต้องไปนั่งรถม้าคันเล็กด้านหลังนั่น อ้อ นางควรจะเดินเสียด้วยซ้ำ" "เซียนเอ๋อร์!!!" "ท่านย่า หลานเป็นถึงว่าที่ไท่จื่อเฟยนะเจ้าคะ ท่านย่าจะไม่ไว้หน้าหลานสักนิดเลยหรือ" หนิงเซียนเอ่ยด้วยท่าทีที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนไท่ฮูหยินถึงกับถอนหายใจออกมา "น่ารำคาญยิ่งนัก เช่นนั้นพวกเจ้าสองแม่ลูกก็มานั่งรถม้าคันใหญ่นี่เถิด ข้าจะพาซือเอ๋อร์ไปนั่งรถม้าคันเล็กนั้นเอง" หนิงเซียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็เสียหน้าเป็นอย่างมาก ท่านย่าคิดจะหักหน้านาง จะให้นางยอมให้ท่านย่าไปนั่งรถม้าคันเล็กได้เช่นไรกัน หากผู้ใดรู้เข้าย่อมไม่ส่งผลดีต่อนาง คนจะนินทานางได้ว่าไม่เคารพผู้ใหญ่ อกตัญญู ยามที่นางแต่งเข้าไปเป็นไท่จื่อเฟย เป็นมารดาของแผ่นดิน ผู้คนจะเคารพยำเกรงนางได้เช่นไรกัน ในขณะที่หนิงเซียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะเอาเช่นไรดี สาวใช้น้อยก็วิ่งหน้าตาตื่นมาแจ้งนาง "คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ฮูหยินใหญ่เป็นอันใดก็ไม่รู้เจ้าค่ะ จู่ ๆ ก็เกิดเวียนหัวกะทันหัน" "ท่านแม่!!!" หนิงเซียนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปในจวนทันที เมื่อไปถึงนางก็พบกับมารดาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนด้วยใบหน้าซีดเผือด หนิงซือซือและไท่ฮูหยินเองก็รีบตามเข้ามาดูเช่นเดียวกัน "ท่านแม่ เป็นเช่นไรเจ้าคะ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ยามเช้าก็ยังปกติดีมิใช่หรือเจ้าคะ" "แม่กำลังจะเตรียมของใช้ให้ลูกเพิ่ม เพียงออกแรงมากไปหน่อยน่ะ เจ้าไม่ต้องกังวล" "ท่านแม่ ไปวัดเหลียนซานไหวหรือไม่เจ้าคะ หากไม่ไหว ข้าไปกับท่านย่าได้เจ้าค่ะ" "ไหวสิ แม่จะปล่อยเจ้าไปเพียงลำพังได้อย่างไรกัน เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ เจ้าไปกับท่านย่าก่อนเถิด ไว้แม่อาการดีขึ้นจะตามเจ้าไป" "ไม่เจ้าค่ะ ข้าเป็นห่วงท่านแม่" หนิงซือซือจ้องมองหนิงเซียนที่โผเข้าไปกอดหนิงฮูหยินด้วยแววตาที่วูบไหว ตั้งแต่นางเติบโตมาก็ไม่เคยเห็นหน้ามารดาของตน ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของบิดามารดาเลยสักครา ไท่ฮูหยินที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยกับหนิงเซียนทันที "เซียนเอ๋อร์ เจ้าอยู่ดูแลมารดาเจ้าก่อนเถิดแล้วค่อยตามย่าไป เรายังต้องอยู่ที่วัดเหลียนซานอีกหลายวัน ย่าจะนั่งรถม้าคันเล็กไป ส่วนเจ้ากับแม่ก็นั่งคันใหญ่ไป จะได้สะดวกสบาย" "ไม่ลำบากท่านย่าเจ้าค่ะ ท่านย่ากับน้องเล็กใช้รถม้าคันใหญ่เถิด ข้ากับท่านแม่ไปคันเล็กได้เจ้าค่ะ" "เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า อย่างไรส่งคนไปแจ้งย่าด้วยเล่า" "เจ้าค่ะท่านย่า" เมื่อไท่ฮูหยินจากไปแล้ว หนิงเซียนจึงหันไปสบตากับสาวใช้คนสนิท สาวใช้นางนั้นพยักหน้ารับอย่างรู้ความ หลังจากนั้นหนึ่งเดือน ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง ถึงความกตัญญูของคุณหนูใหญ่หนิงเซียน ที่เป็นสตรีดีงามอยู่ในคุณธรรม กตัญญูเหนือผู้ใด นางยอมนั่งรถม้าคันเล็กเพื่อดูแลมารดาที่ไม่สบาย อีกทั้งยังเสียสละไม่นั่งรถม้าคันใหญ่ เช่นนี้พระโพธิสัตว์ย่อมคุ้มครองนาง ต่างจากคุณหนูรองที่ไม่เจียมตน คิดแต่จะเทียบเคียงพี่สาวของตนเองด้วยความริษยา ทั้งที่เป็นเพียงบุตรอนุ ได้นั่งรถม้าคันเล็กก็ถือว่าเป็นวาสนามากแล้ว ช่างไม่ละอายใจเสียบ้าง! ท้ายที่สุดจึงรับเคราะห์กรรมต้องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โจวเซิงที่เฝ้าดูสถานการณ์มาตลอด เขาเดินทางเข้าเมืองหลวงมุ่งหน้ามาที่จวนตระกูลหนิงตามที่มู่หรงเจวี๋ยสั่งเอาไว้ เนื่องจากมู่หรงเจวี๋ยและหานอวี้มีเรื่องด่วนต้องไปจัดการ เขาเองก็เคยติดตามมู่หรงเจวี๋ยและหานอวี้มาสืบความเป็นไปในจวนตระกูลหนิงอยู่บ่อยครั้ง จึงจำทางได้เป็นอย่างดี รังโจร "เจ้าแน่ใจนะ ว่ามีรถม้าของจวนตระกูลหนิงเดินทางมาแค่คันเดียว" "แน่เสียยิ่งกว่าแน่ขอรับลูกพี่ รถม้าหลังใหญ่เชียวนะขอรับ ข้าถามความจากคนแถวนั้น เขาบอกว่าแม่นางที่ชื่อหนิงเซียนมักจะนั่งรถม้าคันใหญ่นี้ไปไหนมาไหนทุกครา นางไม่ใช้คันอื่นขอรับ " โจวเซิงเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ เขาเฝ้าติดตามสถานการณ์มาตั้งแต่ต้น ไม่มีทางพลาดเป็นแน่ มู่หรงเจวี๋ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาเคยได้ยินมู่หรงหลินเล่าให้ฟังว่าหนิงเซียนมีน้องสาวผู้หนึ่ง แต่นางป่วยขี้โรคไม่ค่อยได้ออกจากจวน เดิมทีเขาคิดว่าสตรีตระกูลหนิงคงจะไปวัดเหลียนซานกันทั้งหมด แต่ช่างเถิด น้องสาวขี้โรคของนางผู้นั้นไม่ได้ติดตามมาด้วยถือเป็นเรื่องดี จะได้ง่ายต่อการลงมือ ไม่สับสนวุ่นวายให้เสียเรื่อง หนิงเซียนต่างหากคือเป้าหมายในการรับเคราะห์ครานี้ ในเมื่อมู่หรงหลินน้องสาวของเขาไม่ได้แต่งกับหยางเซียวหลิ่น นางก็อย่าฝันหวานไปเลย!!! มู่หรงเจวี๋ยพยักหน้าก่อนจะยกยิ้มมุมปาก "ไป!!! เตรียมไปชิงตัวคนกัน"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD