เช้าวันต่อมาภามินรีบตื่นแต่เช้า และรีบมุ่งหน้าไปยังห้องอาหารในใจหวังลึกๆ ว่าจะได้พบเจอกับแม่เจ้าของกลีบปากหวานฉ่ำที่ตัวเองได้ลิ้มรสมาเมื่อวานนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวังเพราะในโต๊ะอาหารมีเพียงแค่มารดาของตัวเองเท่านั้นที่นั่งอยู่ ไร้เงาของรำไทยอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง เย็นชาและแข็งกร้าวขึ้นมาในทันที แม้ว่าภามินจะ พยายามซ่อนเร้นเอาไว้ยังไง แต่ก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ “เมื่อกี้ยังยิ้มกริ่มอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้หน้าบูดซะล่ะพ่อภาม” ผู้เป็นบุตรชายกระแทกตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ก่อนจะเค้นเสียงตอบ “ก็เปล่านี่ครับ ผมไม่ได้ยิ้มสักหน่อย คุณแม่คงตาฝาดไปเอง” พราวฟ้าเลิกคิ้วสูง พลางหันไปถามป้าทับทิมที่ยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้าม “แม่ทับทิมเห็นเหมือนฉันหรือเปล่า ที่พ่อภามยิ้มตอนเดินเข้ามาน่ะ” “อิฉันเห็นเหมือนคุณพราวเลยค่ะ” ป้าทับทิมรีบยืนยัน แต่ภามินไม่สนใจ “งั้นทั้งคุณแม่และป้าทับทิมก็คงตาฝาด