บทที่ 2 (2)

2547 Words
การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เต็มไปด้วยความกดดัน ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วหลังจากนั้น แน่นอนว่าการปรับตัวอยู่กับสถานที่แห่งนี้เป็นไปได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก นอกจากจะต้องคอยหลบหน้าฟิลิปส์เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นราวกับหนีฆาตกรโรคจิต การใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังโตกลับเต็มไปด้วยความน่าเบื่อ เพนแทบไม่มีอะไรทำนอกจากนอน นั่ง เดินไปเรื่อยเปื่อยภายในบ้านแม้จะต้องหลบหน้าอีกฝ่าย ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบเลยสักนิด “เอาจริงเหรอ? เราที่อยู่ในโลกนี้ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เป็นลูกคุณหนูโดยแท้ไม่ใช่หรือไงเนี่ย?” “..คุณหนูคะ วันนี่เราออกไปเดินเล่นที่สวนกันดีไหมคะ?” “ผมเดินเล่นไปทั่วจนไม่รู้จะไปไหนแล้วแมรี.. อะ.. ผมว่าผมไปเดินคนเดียวสักหน่อยดีกว่า” “คะ? แต่ว่าไปคนเดียว” “ผมสัญญาว่าจะไม่เดินไปตรงที่มีน้ำลึก ๆ โอเคไหมครับ?” “....” เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าจะไปที่ไหนคุณแม่บ้านก็จะคอยตามติดตลอดด้วยความเป็นห่วงหลังเกิดเรื่องจมน้ำในครั้งนั้น แต่เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเพนกลับทำตัวดีและเชื่อฟังคุณแมรีทุกอย่าง จากเคยมีท่าทีระแวดระวังก็พยักหน้าตอบรับเบา ๆ “ก็ได้ค่ะ แต่ฉันจะให้เวลาคุณหนูอยู่คนเดียวแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นนะคะ ถึงเวลาแล้วเดี๋ยวฉันจะไปหา” “ได้เลย ผมจะไปนั่งเล่นที่สวนเงียบ ๆ สักหน่อย” เมื่อขออนุญาตได้สำเร็จ ชายหนุ่มก็รีบเดินออกไปจากห้องเพื่อตรงไปนั่งเล่นในสวนเล็ก ๆ ด้านหลังซึ่งเป็นสวนดอกไม้สวย ๆ กับแดดร่ม ๆ ทว่าเมื่อเดินลงมาเดินอยู่ในสวนเพียงลำพังได้จริง ๆ ใบหน้าที่เคยฉีกยิ้มเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนก็กลายเป็นคนที่กำลังจมอยู่กับความทุกข์แล้วร้องไห้ออกมาราวกับปลดปล่อย “ฮึก..ฮื่อออ~” ร่างกายทรุดลงไปนั่งกับพื้นหญ้า ปล่อยเสียงร้องและน้ำตาออกมาเมื่อไร้ซึ่งความกดดัน เพราะสถานการณ์ในตอนนี้มันมากที่จะเข้าใจและทุก ๆ อย่างก็เปลี่ยนไปหมดเหมือนกับเพนในตอนนี้กลายเป็นคนหลงทาง เขาแทบไม่รู้แล้วว่าควรจะทำยังไง “เพราะ..เพราะเห็นว่าฉันใช้ชีวิตได้ดีกว่า ก็เลยมาพรากไปเพราะอิจฉาเหรอ? ไม่ยุติธรรมเลย นายทำของนายเองนะ นายควรจะกลับมาแก้สถานการณ์ตรงนี้ไม่ใช่ดึงฉันเข้ามาเกี่ยว ฮึก.. ฉันอยากกลับไปที่ที่ฉันจากมา ฉัน..ฉันคิดถึงรุ่นพี่ รุ่นพี่ครับผมไม่อยากอยู่ที่นี่ คุณที่ผมรู้จักไม่ใช่คนแบบนี้ ผมคิดถึงคุณ ผมอยากกลับบ้าน ฮึก...” “เป็นอะไรไป ทำไมถึงมานั่งร้องไห้ตรงนี้ล่ะ?” เพนได้แต่นั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่บนพื้นแบบนั้นสักพักใหญ่ ๆ ทว่าไม่นานก็มีเสียงของใครบางคนกล่าวขึ้นมาพร้อมกับเงาและฝีเท้าที่เดินมาอยู่ตรงหน้าของเขา ชายหนุ่มรีบเช็ดน้ำตาที่เปื้อนบนใบหน้าของตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเจ้าของเสียงทุ้ม ๆ ดังกล่าว แต่แล้วจู่ ๆ ร่างของเขาก็สะดุ้งด้วยความตกใจและรีบขยับกายถอยห่างออกมาอย่างตื่นตระหนัก “คะ..คุณโจเซฟ?!” “โอ๊ะ..ฮ่าฮ่า ทำไมเห็นหน้าพี่แล้วทำท่าเหมือนเจอปีศาจขนาดนั้นล่ะ?” คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับเป็นคนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกันในช่วงเวลาแย่ ๆ แบบนี้ เพนยิ่งแสดงสีหน้าให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นว่าเขาหวาดกลัวมากขนาดไหนที่ได้เจอ ตรงกันข้ามกับโจเซฟผู้ได้สบตา เขากลับมีท่าทางประหลาดใจเมื่อเห็นว่าโอเมก้าหนุ่มดูรังเกียจเขาทางสายตาอย่างชัดเจน “คุณ..มาทำอะไรที่นี่? ถ้า..ถ้าจะมาเยาะเย้ยเรื่องที่ผมถูกรุ่นพี่ฟิลิปส์รังเกียจละก็ ผมไม่มีอารมณ์จะมาทะเลาะด้วยหรอกนะ” “เยาะเย้ยเหรอ? พี่จะทำแบบนั้นไปทำไมล่ะ?” “ก็เพราะคุณมัน!...” เมื่อพยายามจะโต้แย้งคนที่เคยทำเรื่องเจ็บแสบกับตัวเองเอาไว้ แต่แล้วเพนก็พึ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าที่นี่คือโลกคู่ขนาน ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามสิ่งที่เขาเจอมาจากโลกของเขา ซึ่งแน่นอนว่าโจเซฟที่ยืนอยู่ตรงนี้นิสัยก็อาจจะต่างไปก็ได้ “ช่างเถอะ ขอโทษครับผม..ช่วงนี้รู้สึกไม่ค่อยดี” “ไม่สบายเหรอ? ไม่สิ ท่าทางแบบนั้นไม่ใช่ว่าฟิลิปส์ทำเรื่องไม่ดีกับเราอีกแล้วเหรอ?” “....ถ้าคุณรู้คุณจะถามผมทำไม? อ่า..ผมต้องไปแล้ว หวะ?!” เจ้าของใบหน้าพริ้มเพรารีบลุกขึ้นมาจากพื้นหญ้าอย่างร้อนรน แม้ไม่รู้ว่าโจเซฟที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนแบบไหน แต่การอยู่ห่าง ๆ อีกฝ่ายเอาไว้จนกว่าจะแน่ใจคงเป็นเรื่องที่ดีกว่า แต่แล้วในตอนที่ลุกขึ้นมาอย่างลุกลี้ลุกลน ข้อเท้าของเขาก็พลิกอย่างไม่ตั้งใจจนเกือบล้มหน้าทิ่มลงไปนั่งบนพื้นอีกรอบ กระทั่งมีสัมผัสจากมือใหญ่ ๆ ด้านหลังรีบยื่นเข้ามารวบเอวเอาไว้ แล้วดึงร่างของเขาให้กลับขึ้นมายืนจนกระทบไหล่กันเล็กน้อย “เป็นอะไรหรือเปล่า?” “อ่าไม่ ผมไม่เป็นไร เท้าไม่ได้เจ็บมาก ขะ..ขอโทษนะ” เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังถูกกอดเอวจนแน่น เพนก็รีบแกะมือของโจเซฟออกมาอย่างตะกุกตะกักแล้วรีบปัดฝุ่นที่ติดอยู่ตามตัว “ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว โอ๊ะใช่..” เจ้าของนัยน์ตาสีเทาอ่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ไม่ทันไรก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของเขายื่นมาให้ “ท่าทางเศร้า ๆ ไม่เหมาะกับใบหน้าสวย ๆ นั่นหรอกนะ ยิ้มเยอะ ๆ รู้ไหม” “...ขอบคุณครับ อุ๊ก?” ชายหนุ่มค่อย ๆ รับผ้าเช็ดหน้าที่ถูกส่งมาให้อย่างระวัง แต่แล้วความหวานของช็อกโกแลตปนขมเล็ก ๆ ก็แล่นเข้ามาในปาก เมื่อคนตรงหน้าแกะช็อกโกแลตที่ตัวเองพกติดตัวใส่เข้ามาอย่างรวดเร็ว “กินช็อกโกแลตจะได้อารมณ์ดี นั่นชิ้นสุดท้ายแล้วนะ” “ขอบคุณครับ..ขอบคุณเรื่องผ้าเช็ดหน้าด้วย” “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ไว้เจอกันวันหลังค่อยเอามาคืน พี่ไปก่อนนะ ยังต้องไปคุยธุระกับฟิลิปส์เรื่องลงทุนนิดหน่อย แล้วก็..ไม่รู้หรอกนะว่าพี่เผลอทำเรื่องเสียมารยาทไปตอนไหน ขอโทษนะ” “ครับ...” “ไปล่ะ” ชายร่างสูงผู้มีเรือนผมสีทองกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนอีกครั้งก่อนเดินจากไป มันทำให้คนที่ยังยืนอยู่ในสวนเกิดความสงสัยและสับสน อาจเป็นเพราะได้เห็นในมุมที่เปลี่ยนไปของอีกคนจนไม่อยากจะเชื่อสายตาถึงได้เป็นแบบนั้น “รู้สึกแปลกดีจัง.. ฮ่าฮ่า รุ่นพี่ที่เปลี่ยนเป็นคนนิสัยเสียขณะที่โจเซฟกลับกลายเป็นคนใจดี นี่พวกเขาบุคลิกสลับกันหรือไงนะ? แต่ถึงแบบนั้นก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แปลกดีจัง...” “คุณหนูยังไม่นอนอีกเหรอคะ?” หลายวันถัดมาอีกหน่อย หลังได้ใช้ชีวิตกับการเป็นลูกคุณหนูไม่ทำอะไรเลย เพนก็เริ่มจะรู้สึกเบื่อและอยากหาอะไรทำ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาคงเป็นการออกไปข้างนอกมากกว่าอยู่ที่บ้านแล้วต้องมาระแวงว่าจะเจอฟิลิปส์ให้ถูกด่าอีกเมื่อไหร่ “แมรี? ขอโทษนะครับ ผมนอนไม่ค่อยหลับน่ะ..อีกอย่าง..ผมว่าจะยื่นเรียนต่อปริญญาโทด้วย” เพนนั่งอยู่บนเตียงระหว่างใช้แล็ปท็อปค้นหาข้อมูลมหาวิทยาลัยที่ยังเปิดรับนักศึกษาปริญญาโทด้วยความตั้งใจ แม้เวลานี้จะย่างเข้าสามทุ่มครึ่งแล้วก็ตาม “ทำไมล่ะคะ?” “เพราะอยู่ที่นี่มันน่าเบื่อ ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วก็ต้องมาระแวงว่าจะถูกฟิลิปส์ดุด่าอีกหรือเปล่า ขนาดนั่งทานข้าวด้วยกันทุกเช้าผมยังอึดอัดเลย” ‘ถึงจะอยากไปอยู่หอพักก็เถอะ แต่ฟิลิปส์คงหาเรื่องด่าแน่ ๆ เพราะงั้นเงียบ ๆ เรื่องนั้นไปก่อนดีกว่า’ “แบบนี้ฉันก็เหงาแย่เลยสิคะ” “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมไม่ได้จะไปอยู่หอพักสักหน่อย ไปเช้าเย็นกลับทุกวันน่ะ โอ๊ะ จะไปนอนแล้วใช่ไหมครับ ราตรีสวัสดิ์นะ” “ค่ะ~ คุณหนูเองก็อย่านอนดึกมากนะคะรู้ไหม นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย ถ้านอนไม่หลับจะลงมาเรียกให้ฉันอุ่นนมอุ่น ๆ ให้ก็ได้นะคะ” “ครับ ขอบคุณนะ คุณไปพักผ่อนเถอะผมไม่เป็นไร” “ราตรีสวัสดิ์นะคะคุณหนูของฉัน” ก่อนเธอเดินออกไปจากห้องนอน แมรีก็ยังเข้ามากอดแล้วหอมแก้มชายหนุ่มอย่างแผ่วเบาเพื่อเป็นการอำลาสำหรับคืนนี้ เวลาค่อย ๆ ผ่านไป แต่เพนก็ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองจะง่วงเลยสักนิด เขาผละใบหน้าถอยออกมาจากแล็ปท็อปเพื่อจ้องมองนาฬิกาดิจิตอลที่บอกเวลาเที่ยงคืน ทว่าเขาก็ยังไม่รู้สึกง่วงเลย “เอาอีกแล้ว... สองสามวันที่ผ่านมานี้นอนไม่หลับจนจะใช้ชีวิตครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วนะ” เมื่อได้เวลาต้องนอนจริง ๆ ร่างสันทัดจึงตัดสินใจปิดแล็ปท็อปแล้วข่มตานอน ทว่าพลิกตัวไปมาก็แล้ว ยกหมอนขึ้นมาปิดหน้าหรือทำอะไรก็ตามอย่างเช่นนับแกะก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองจะง่วงเลย “ไม่เอานะ ถ้าจะไปนอนตอนตีสามเหมือนเมื่อวานอีก...อะ” ไม่นานก็ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วนึกอะไรบางอย่างออกมาได้ “จำได้ว่าเมื่อวานตอนเข้าครัว เจอกระปุกยานอนหลับอยู่ในชั้นเก็บยาของครัวด้วยนี่ ไปหยิบมากินสักเม็ดดีไหมนะ” เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องทนทุกข์ต่อการนอนไม่หลับไปทั้งคืนเหมือนวันก่อน ๆ ร่างสันทัดจึงลุกขึ้นจากเตียงและเดินออกไปเพื่อเข้าห้องครัว แม้จะเป็นเวลาดึกมากแล้วก็ตามภายในบ้านหลังโตบรรยากาศสุดวังเวง แต่เมื่อเปิดไฟในครัวความน่ากลัวของบ้านก็ค่อย ๆ ลดลง “ยาอยู่ไหนนะ จำได้ว่าอยู่ โอ๊ะ เจอแล้ว” เมื่อเดินเข้ามาด้านในเพนก็รีบเอื้อมมือเข้าไปหยิบยาที่อยู่บนชั้นไม่สูงไม่เตี้ย จนกระทั่งเจอกระปุกยานอนหลับที่ยังไม่มีใครเปิดมันมาใช้เลยสักครั้ง เขาเปิดฝาออกมาแล้วเทยาใส่บนมือเป็นจำนวนมาก แต่ก็มาลังเลว่าจะกินมันเข้าไปเม็ดเดียวหรือสองเม็ดดี “จำได้ว่าแม่ก็เคยกินอยู่ครั้งนึงตอนรักษาตัวกับคุณหมอ แต่แม่บอกว่ากินเม็ดเดียวก็นอนไม่หลับอยู่ดี หรือควรกินสองเม็ดดีนะ” เขายืนคิดอยู่หน้าเคาน์เตอร์ครู่หนึ่ง ไม่นานก็ใส่ยาจำนวนหนึ่งลงไปในกระปุกแล้วตัดสินใจทานมันสองเม็ด เริ่มจากเดินไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบน้ำดื่มด้านในออกมาเทใส่แก้ว “ถ้าสองสามวันกินแล้วนอนไม่หลับคงต้องไปหาหมอจริง ๆ แล้- เหวอแม่ร่วง?!” ระหว่างกำลังยืนพูดคนเดียวแล้วเปิดตู้เย็นอีกครั้งเพื่อเก็บน้ำดื่มกลับเข้าที่ แต่เมื่อปิดประตูลงไปก็มาสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เพราะฟิลิปส์กลับมายืนอยู่หลังประตูตู้เย็นไม่ให้ซุ่มให้เสียง “อยู่ ๆ ก็เดินมายืนอยู่ตรงนี้ไม่ให้ซุ่มให้เสียง เป็นผีหรือไงครับ?!” “....มาทำอะไรที่นี่” “...? ผมก็..แค่ลงมากินยา” “ยา? ยาอะ..” เมื่อนัยน์ตาสองสีเหลือบมองไปยังกระปุกยาที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ไม่ไกล ท่าทีของเขาก็ดูเหมือนจะอารมณ์เสียขึ้นมา “ยานอนหลับ? เป็นอะไรถึงต้องกินมันด้วย?” “...?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ถามทำไมครับ ปกติคุณก็ไม่เคยใส่ใจจะแลผมอยู่แล้วนี่” “อ๋อ... พอเห็นว่าแกล้งจมน้ำแล้วฉันไม่สนใจ ก็เลยจะมากินยานอนหลับเพื่อเรียกร้องความสนใจว่างั้นเถอะ?” “ฮ่ะ? นี่รุ่นพี่พูดอะไร อึก?!” ยังไม่ทันได้ทำอะไร มือหนาอันแสนคุณเคยแต่สัมผัสของมันกลับเย็นยะเยือกก็ฉวยจังหวะไม่ทันระวังเข้ามาบีบคอของเขาเต็มแรง “สนุกมากนักหรือไงที่ยั่วโมโหฉันเรื่อย ๆ อยู่แบบนี้น่ะฮ่ะ!?” “แค่ก! ท..ทำอะไรของคุณ อุ๊ก!” นอกจากจะรู้สึกเจ็บที่คอเมื่อถูกมือแกร่งบีบจนแน่นแทบหายใจไม่ออก แต่ก็ยังต้องมาแบกรับกลิ่นฟีโรโมนที่กดดันจนแทบอยากอ้วกออกมาด้วยความกลัว มันราวกับคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ฟิลิปฟ์อีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็นคนแปลกหน้าที่น่ากลัวเอามาก ๆ ถ้าต่อต้านก็คงจะถูกทำร้ายแบบไม่ต้องสงสัย “ไหนคุณ..แค่ก บอกว่า..จะให้ผม แค่ก ๆ ไปตายที่ไหนก็ไป...ไม่ใช่หรือไง?” “ฮ่าฮ่า ก็เลยอยากกินยาตาย ๆ ไปสินะ?” “เพล้ง!” เคยบีบคอจนแน่นก็ผลักร่างของอีกฝ่ายให้ล้มลงไปบนพื้น แต่เพราะบริเวณที่ยืนอยู่มีแก้วน้ำที่เพนพึ่งเทน้ำดื่มใส่ลงไปไม่นาน มันก็ได้พลัดตกลงมาแตกบนพื้นจนมือของชายหนุ่มเผลอไปกดมันและโดนบาดเข้า เลือดสีแดงข้นอาบบนพื้น เสียงสะอื้นก็ตามมา แม้เพนจะพยายามไม่ส่งเสียงร้องเพราะกลัวอีกฝ่ายจะหงุดหงิดขึ้นมาอีก “งั้นก็เอาเลย กินยานั่นแล้วก็รีบ ๆ ตายไปซะ” คำพูดเหยียดหยามไล่ให้ไปจบชีวิตของตัวเอง นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้ยินจากปากของคนที่ตัวเองรักมาตลอดแปดปี แม้จะรู้ดีว่าสักวันเขาต้องได้ยินมันจากปากของฟิลิปส์ แต่ก็ไม่คิดว่าเพียงได้ยินในอกของเขาก็รู้สึกเย็นวาบราวกับหัวใจของเขาได้หล่นหายไปและถูกบดลงบนพื้น เสียงฝีเท้าของชายร่างสูงผู้เป็นสามีเดินห่างออกไปเมื่อหมดธุระและได้เห็นสภาพอันบอบช้ำของเพนจนพอใจ ในขณะที่ชายหนุ่มทำได้เพียงนั่งอยู่บนพื้น ค่อย ๆ ใช้มืออันชุ่มไปด้วยเลือดกวาดเศษแก้วที่แตกละเอียดกองมาอยู่รวมกันแล้วนั่งกอดเข่าร้องไห้อีกครั้งด้วยความทุกข์ “ฮึก..ถึงจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คุณแต่ผมก็รู้สึกเจ็บอยู่ดีที่ได้ยิน ผมจะกลับไปได้ไหม...อยู่ ๆ ก็อยากตายขึ้นมาจริง ๆ แล้วสิ รุ่นพี่..ช่วยผมที ใคร..ใครก็ได้ช่วยฉันที ฮึก..”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD