บทที่ 2 (1)

1656 Words
“เฮ่อ...นอนไม่หลับเลย” ในเช้าของวันถัดมา เมื่อนัยน์ตาสีฟ้าค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น สีหน้าของเขาก็ไม่เคยสู้ดีเลยสักนิด คงเพราะนอนไม่หลับแทบทั้งคืนแล้วตื่นมายังต้องพบเจอว่าตัวเองยังอยู่ที่ห้องเดิมซึ่งไม่ใช่ห้องของตัวเอง ความเป็นทุกข์ก็ยิ่งก่อตัวขึ้น “คุณหนูคะ ฉันเข้าไปนะคะ” “อ่า อื้ม” ไม่นานหลังตื่นนอนประตูห้องก็เปิดเข้ามาพร้อมกับคุณแม่บ้านที่เตรียมชุดเสื้อผ้ามาให้ด้วยรอยยิ้ม ทันทีเมื่อเธอเห็นคุณหนูของเธอตื่นนอน เธอก็เดินไปเปิดผ้าม่านริมหน้าต่างที่อยู่ไม่ไกลเพื่อให้แสงแดดอ่อน ๆ เข้ามาในห้อง “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหนู” “อรุณสวัสดิ์ครับ” “อาหารเช้าพร้อมแล้วนะคะ เพียงอาบน้ำแต่งตัวก็เดินลงไปทานที่ห้องอาหารได้เลยค่ะ วันนี้คุณฟิลิปส์ก็อยู่ทานด้วยนะคะ” “ฟิลิปส์เหรอ?” เมื่อได้ยินคำพูดนั้นมันก็ทำให้เพนขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ปกติคุณหนูก็ทานข้าวเช้ากับคุณฟิลิปส์เป็นประจำนะคะ” ‘กินข้าวเช้าด้วยกันเหรอ? ไหนว่าไม่อยากเห็นหน้าแล้วจะมานั่งกินข้าวด้วยกันทำไม? เพราะเมื่อวานเรากินข้าวแต่ในห้องตลอดก็เลยไม่รู้...ปวดหัวจัง’ “ครับ เดี๋ยวผมอาบน้ำเสร็จแล้วจะรีบไป” อยู่ที่นี่มาครบหนึ่งวันแต่เพนก็คิดไม่ตกอยู่ตลอดว่าเขามาที่นี่ได้ยังไงและต้องใช้วิธีไหนเพื่อกลับไปยังโลกของตัวเอง เขาอาบน้ำแต่งตัวรีบเดินลงมาที่ห้องรับประทานอาหาร แน่นอนว่าฟิลิปส์กำลังนั่งทานข้าวคนเดียวโดยไม่รอเขาแล้ว “....” อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะชายตาขึ้นมามองนอกจากนั่งก้มหน้าก้มตาทานอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า ในขณะที่ชายหนุ่มได้แต่กลอกตาเล็กน้อย เดินตรงมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของหัวโต๊ะซึ่งเป็นระยะห่างที่มากพอจนแทบจะแยกโต๊ะกันอยู่แล้ว ‘อึดอัดจัง แค่นั่งอยู่เฉย ๆ ก็กินข้าวไม่ลงแล้ว เราในโลกนี้ทนอยู่กับบรรยากาศแบบนี้ไปได้ยังไงนะ’ ปลายนิ้วเรียวสวยหยิบส้อมและมีดตัดเนื้อชิ้นเล็ก ๆ ขึ้นมาทาน แม้บางช่วงจะแอบชำเลืองมองไปยังคนตรงหน้าอยู่เล็กน้อยก็ตาม ‘หล่อจัง... ไม่ได้เจอกันสี่ปี ถึงจะแค่คุยกันผ่านโทรแบบเห็นหน้าก็ยังไม่รู้สึกว่าเขาหล่อขนาดนี้ เฮ่อ..ถ้างั้น..รุ่นพี่ฟิลิปส์ที่โลกของเรา..ตอนนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างนะ?’ “มองอะไรนักหนา?” “อ่า..ครับ? ขอ ขอโทษผมไม่ตั้งใจ” ดูเหมือนจะเผลอจ้องนานไปหน่อยจนอีกฝ่ายรู้ตัวเข้า ฟิลิปส์ถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองตอบด้วยท่าทีรำคาญใจต่อสายตาของเพน ก่อนจะก้มหน้าลงไปทานอาหารบนโต๊ะอีกครั้ง ‘ถ้ารำคาญที่เราอยู่ด้วยขนาดนั้น...’ “เอ่อ..รุ่น ไม่สิ คุณฟิลิปส์” “อะไร?” “....” ชายหนุ่มนั่งอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นสายตาของคนตรงหน้าที่เริ่มไม่พอใจเข้าเรื่อย ๆ ต่อการกระทำของเขา สุดท้ายเพนจึงได้ปริปากถามออกไป “คือว่า..ในเมื่อคุณรังเกียจที่จะต้องเห็นหน้าผมอยู่บ่อย ๆ ทำไมเราไม่แยกบ้านกันอยู่ล่ะครับ” “....?” นั่นอาจเป็นคำพูดสุดเหลือเชื่อที่เขาได้ยิน มันทำให้ฟิลิปส์ผู้เอาแต่นั่งขมวดคิ้วปั้นหน้าตึง ๆ ถึงกับเลิกคิ้วขึ้นมาแล้วจ้องไปที่เพนอีกครั้ง “พูดบ้าอะไร? นายเป็นคนบอกเองว่าอยากให้เราอยู่บ้านหลังเดียวกัน” “งั้นเหรอครับ.. ถ้างั้น ตั้งแต่นี้ไปเราแยกบ้านกันอยู่ไหมครับ?” “คิดว่ามันง่ายนักหรือไง อยู่ ๆ ก็เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ!!” “เพล้ง!” อยู่ ๆ ก็โยนช้อนส้อมที่อยู่บนมือออกไปเสียอย่างนั้นราวกับไม่พอใจเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ไม่นานฟิลิปส์ก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไปทั้งแบบนั้นโดยไม่พูดอะไร “เป็นอะไรอีกแล้ว อยู่ด้วยกันก็ไม่ชอบ พอจะแยกไปอยู่ที่อื่นก็โวยวาย เป็นประจำเดือนหรือไง? เฮ่อ...” หลังเล็ก ๆ เอนลงบนเบาะด้านหลังของเก้าอี้พร้อมกับแหงนหน้าจ้องมองเพดานสูงที่มีแชนเดอเรียประดับอยู่ด้านบน “อยากกลับ..ไม่อยากอยู่ที่นี่เลย” “คุณหนูทานข้าวแค่นี้เองเหรอคะ?” “อะ..แมรี ขอโทษนะ ผมรู้สึกไม่ค่อยหิว” “โถ่ คุณหนูที่น่ารักของฉัน อย่าเศร้าไปเลยนะคะ” คุณแมรีพึ่งทำงานของเธอในตอนเช้าเสร็จก็รีบเดินมาดูเพนที่ยังนั่งอยู่ในห้องทานอาหารเพียงลำพัง แม้จะทานข้าวไปบ้างแต่ก็ดูไม่ยุบไปจากเดิมเลยสักนิด “แมรี ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม?” “คะ?” “เมื่อก่อน ผมเป็นคนยังไงเหรอ?” “เอ๊ะ? หมายความว่ายังไงคะ” “...คือ จะว่ายังไงดี หลังจากผมตื่นนอน ผมก็..จำอะไรไม่ค่อยได้น่ะ ถึงจะจำได้ว่าใครเป็นใครแต่ผมแทบไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับอดีตเลย เมื่อวานคุณก็เห็นว่าผมพูดอะไรแปลก ๆ” “อืม~ ก็จริงค่ะ ฉันเองก็สงสัยเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนู ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” เมื่อได้ฟังคำอธิบายจากปากของชายหนุ่มจนทำให้พอปะติดปะต่อเรื่องราวได้บ้าง คุณแม่บ้านก็ค่อย ๆ ขยับตัวเข้ามาจะนั่งลงไปบนพื้น แต่แล้วเพนก็รีบดึงร่างของเธอเอาไว้ “ไม่ ๆ อย่านั่งบนพื้น นั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ ผมก็ได้” “แต่ฉันเป็นแค่แม่บ้าน” “คุณเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก จัดการให้ผมในทุก ๆ อย่าง เป็นทั้งแม่บ้านและแม่นมของผม ผมนับถือคุณเหมือนแม่แท้ ๆ คนนึง เพราะงั้นคุณจะมานั่งบนพื้นไม่ได้ครับ นั่งเก้าอี้เถอะ” หญิงสาวเผยยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว เธอยอมนั่งเก้าอี้ใกล้ ๆ พร้อมกับยื่นมือเข้ามาสัมผัสใบหน้าสวย ๆ ของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา “คุณหนูเปลี่ยนไปจริง ๆ นะคะ ตอนแรกฉันก็ไม่มั่นใจแต่..คุณหนูดูอ่อนโยนขึ้นมาก ทั้งที่เมื่อก่อน ขอโทษนะคะที่ฉันต้องพูด แต่คุณหนูเป็นคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจไปสักหน่อยค่ะ” “เอาแต่ใจงั้นเหรอครับ?” “ใช่ค่ะ ไม่รู้ทำไมแต่..ตั้งแต่กลับมาจากเรียนที่ต่างประเทศก็ต่างไปจากเดิม เป็นคนที่อารมณ์ร้อนค่อนข้างเอาแต่ใจ หลังจากได้เจอกับคุณฟิลิปส์ที่เป็นคู่หมั้นคุณหนูก็เอาแต่ตามติดคุณฟิลิปส์แล้วบอกว่า เขาคือคู่แห่งโชคชะตาจะปล่อยเขาไปไม่ได้เด็ดขาด ขนาดคุณฟิลิปส์ผลักไสขนาดนั้นคุณก็ยังรักเขาจน..” “ครับ?” “วันนึงคุณฟิลิปส์กลับมาจากการทำงานแล้วอารมณ์ร้อนเอามาก ๆ คุณหนูที่รอต้อนรับเขากลับบ้านก็เลยโดนลูกหลงไปด้วยน่ะค่ะ” “ทำไมครับ” สีหน้าของแมรีเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอดูลำบากใจที่จะพูดออกมาแต่เพนก็จับมือของเธอเอาไว้ราวกับต้องการจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “วันนั้นคุณฟิลิปส์พูดใจร้ายกับคุณหนูมากเลยล่ะค่ะ เขาบอกคุณหนูของแมรีน่ารำคาญจะ..จะไปตายที่ไหน ก็ไปเถอะ” “.....” เขานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งด้วยความตกใจ นัยน์ตาของเขาเริ่มแดงก่ำราวกับจะร้องไห้ออกมาเมื่อได้ยินคำพูดจากปากของแม่บ้าน แม้จะไม่ได้ยินมันด้วยตัวเองแต่คำพูดแบบนั้นไม่ว่าใครที่ได้ยินก็ต้องรู้สึกเสียใจอยู่แล้ว ‘เขาพูดขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงกลายเป็นคนแบบนั้นแต่คำพูดนี่มันไม่ใจร้ายเกินไปเหรอ?’ “ค..คุณหนูคะ อย่าเศร้าไปเลยนะคะ ไม่เอาไม่ร้องไห้นะ” แค่ได้เห็นท่าทีของเพน เธอก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนสะอาดเตรียมเช็ดน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า “ผมไม่เป็นไรครับ ช่วยเล่าต่อเถอะครับ” “เล่าต่อ..คือ ฉันกลัวว่าถ้าเล่าไปแล้วคุณหนูจะ..” “ผมไม่เป็นไร เล่าเถอะครับ” “...เฮ่อ..” เธอถอนหายใจเพื่อระบายความกังวลพร้อมกับจับมือของเพนเอาไว้ “หลังจากเกิดเรื่องในวันนั้นคุณหนูก็ดูซึม ๆ ไปน่ะค่ะ แต่แล้วพักหลังคุณหนูก็..เริ่มพูดเรื่องแปลก ๆ” “....?” “คุณหนูบอกว่าคุณหนูมักฝันถึงเรื่องราวดี ๆ ที่ตัวเองได้มีความสุขกับคุณฟิลิปส์ ได้ไปเที่ยวค่ายด้วยกันตอนเรียนมหาลัย ถูกเซอร์ไพรส์ขอเป็นแฟนในสวนสวย ๆ คุณฟิลิปส์ในความฝันช่างใจดี ไม่เคยพูดจาร้าย ๆ อ่อนโยนแล้วก็อบอุ่นมาก ๆ” “นั่นมัน..” ‘ความทรงจำของเราไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมาอยู่ในความฝันของเราในร่างนี้ล่ะ?’ “แล้ววันนึงคุณหนูก็บอก..ว่าคุณหนูอยากหลับไปนาน ๆ ไม่อยากตื่นอีกแล้ว ตอนนั้นฉันคิดว่าคุณหนูคงจะน้อยใจคุณฟิลิปส์เฉย ๆ แต่..วันต่อมาคุณหนูก็จมน้ำ” ‘เป็นแบบนี้เองเหรอ? เพราะอยู่ในโลกความเป็นจริงฟิลิปส์ดันไม่ใช่คนที่อยู่ในความฝัน กลายเป็นคนแข็งกระด้างหยาบคายไร้ความอ่อนโยน ไม่แปลกเพราะถ้าเป็นผม.. การอยู่ในโลกความเป็นจริงที่โหดร้ายกับเราตลอดชีวิต กับการฝันดีไปนาน ๆ ยังไงเราก็อยากหลับแบบไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีก’ “เฮ่อ..แต่ทำไมจะต้องเป็นฉันด้วยนะที่ดวงซวยมาเจออะไรแบบนี้” “คะ?” “อะ..เปล่าหรอกไม่มีอะไร”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD