บทที่ 2

1178 Words
“แม่โทร.เข้าทั้งเบอร์บ้าน ทั้งมือถือของดิษ แต่ดิษไม่รับโทรศัพท์ของแม่เลย” มณีวรรณ ผู้เป็นมารดายังคงต่อว่าลูกชายด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น ยิ่งได้ยินเสียงร้องไห้ระงมของมารดา ดิษกรย์ก็ยิ่งรู้สึกผิดมากเท่านั้น “ผมลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่เพนท์เฮ้าส์ตอนไปทำงานครับ” เพราะความสะเพร่าของตนและรีบร้อนกลับไปทำงานกลางท้องทะเลกว้าง จนกระทั่งไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือไปด้วย และนั่นทำให้เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับบุพการีทั้งสอง “คุณแม่...เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไม...คุณพ่อ...ถึงตาย...” แม้พยายามบังคับน้ำเสียงไว้สุดกำลัง ทว่าในตอนท้ายก็ติดสั่นเครือ น้ำตาของลูกผู้ชายรื้นขอบตา เมื่อนึกถึงการจากไปอย่างกะทันหันของบิดา “เพราะพวกมัน...พวกมันทำให้พ่อของดิษต้องตาย!” น้ำเสียงของมารดาที่ดังกระทบโสตประสาท เต็มไปด้วยความเคียดแค้นจนดิษกรย์จับความรู้สึกได้ “พวกมัน ใครหรือครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย อยากรู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้บิดาต้องตายก่อนวัยอันสมควร “ไอ้นพวิทช์กับนังลัลน์ลลิน ลูกสาวของมัน” ก่อนหน้านี้ดิษกรย์ไม่ได้สนใจหรือเอะใจกับชื่อ ‘ลัลน์ลลิน’ ที่เด็กรับใช้บอกว่าเป็นเจ้า ของบ้านที่เคยเป็นของเขามาก่อน นาทีนี้ชายหนุ่มนึกออกแล้วว่าลัลน์ลลินคือใคร  และแน่นอนว่า ‘นพวิทช์’ ที่มารดากำลังพูดถึงด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นติดโกรธเคืองเป็นที่สุดนั้น ก็คือเพื่อนรักของบิดาเขานั่นเอง “ลุงนพวิทช์และลลินคือสาเหตุทำให้คุณพ่อต้องตายยังงั้นหรือครับ ผมไม่เข้าใจที่คุณแม่พูด” “ดิษไม่ควรนับถือมันว่าเป็นลุง” มณีวรรณต่อว่าเสียงสูง แล้วเอ่ยตอบด้วยความเจ็บแค้น “เพราะพวกมันโกงทุกอย่างไปจากพวกเราจนพ่อของดิษกลายเป็นคนล้มละลาย และ...และยิงตัวตาย” “ยิงตัวตาย...” โทรศัพท์ที่ถืออยู่แทบหลุดจากมือ ไม่คิดว่าว่าบิดาจะทำการอัตวินิบาตกรรมตัวเอง “ใช่...ดิษ...พ่อ...ยิงตัวตาย...” คราวนี้ผู้เป็นมารดาร้องไห้โฮเสียงดัง พร้อมกับวิงวอนลูกชายอย่างน่าเวทนา “ดิษ กลับบ้านนะลูก กลับมาอยู่กับแม่ ตอนนี้แม่ไม่มีใครแล้ว แม่อยู่ไปวันๆ อยากฆ่าตัวตายตามไปอยู่กับคุณพ่อของดิษให้รู้แล้วรู้รอดไป” “คุณแม่อย่านะครับ ได้โปรด...อย่าทำแบบนั้น...” ดิษกรย์ขอร้องด้วยความตกใจ อยู่ไม่เป็นสุข กังวลและเป็นห่วงกับความคิดของมารดา เพราะเกรงว่าท่านจะคิดสั้นอีกคน “ดิษรีบกลับมาอยู่กับแม่นะลูก อย่าทิ้งแม่ให้อยู่คนเดียว” ไม่ต้องรอให้มารดาเอ่ยขอร้องซ้ำอีกครั้ง ดิษกรย์รีบรับคำอย่างรวดเร็ว “ครับๆ ผมจะกลับประเทศไทยให้เร็วที่สุด คุณแม่รอผมก่อนนะครับ” “แม่รอดิษเสมอ” คำตอบของลูกชายทำให้มณีวรรณคลี่ยิ้มออกมาได้บ้าง “ตอนนี้คุณแม่อยู่ที่ไหนครับ” ขณะเอ่ยถามมารดา ดิษกรย์ก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องนอน คว้ากระเป๋าเอกสารออกมาค้นหาพาสปอร์ตเพื่อเตรียมตัวกลับประเทศไทย “แม่เช่าโรงแรมอยู่ เล็กซะยิ่งกว่ารังหนู แถมยังสกปรกด้วย ดิษรีบกลับมาเร็วๆ แม่ทนอยู่ในโรงแรมนี้จะไม่ไหวแล้ว”   “ผมจะกลับบ้านทันทีที่ซื้อตั๋วเครื่องบินได้ ผมขอร้อง...คุณแม่อย่าคิดสั้น อย่าทิ้งผมไปอีกคนนะครับ” ดิษกรย์อ้อนวอนมารดาอีกครั้ง ในยามนี้เป็นห่วงมารดาจนนึกอยากให้ตัวเองมีอำนาจวิเศษสามารถหายตัวได้ในพริบตาเดียวแล้วอยู่ในประเทศไทยเลย “กลับมาเร็วๆ นะลูก” มณีวรรณย้ำคำกับลูกชาย ก่อนจะเอ่ยบอกต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาติดอ่อนล้า “ดิษ...แม่เหนื่อย แม่ขอนอนพักก่อนนะลูก” “ครับ คุณแม่ พักผ่อนเยอะๆ นะครับ รอไม่เกินสองวัน ผมจะกลับไปดูแลคุณแม่เองครับ” “จ้ะ ลูกรัก แม่รักลูกจ้ะ” “ผมรักคุณแม่ครับ” ดิษกรย์เอ่ยบอกพร้อมกับวางโทรศัพท์ลงเมื่อสัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไปแล้ว ชายหนุ่มขบกรามแน่น ยกมือใหญ่ขึ้นลูบใบหน้าตัวเอง ความรู้สึกผิดยังคงวิ่งวนอยู่ทั่วตัว เขาทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง กระทั่งไม่ได้ติดต่อหาบิดามารดา ไม่ได้ไปแม้กระทั่งงานศพของบุพการี ดิษกรย์เดินทางไปหามารดาในโรงแรมที่ท่านพักอาศัยอยู่ในทันที เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว พอแท็กซี่จอดด้านหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมองจากสภาพภายนอกแล้วคงไม่ได้มาตรฐานของโรงแรมสักเท่าไร ก็เต็มไปด้วยความสงสารมารดา เพราะท่านเคยอยู่แต่ในคฤหาสน์หลังใหญ่โต ทว่าตอนนี้ต้องมาทนอุดอู้อยู่ในห้องเล็กๆ ของโรงแรม “คุณแม่ ผมมาถึงแล้วครับ” ดิษกรย์เอ่ยบอกขณะเคาะประตูหน้าห้องพักของมารดา และไม่ต้องรอนาน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกกว้าง ตามด้วยร่างเล็กผอมบางของมารดา ซึ่งโผเข้ามากอดเขาไว้แน่นพร้อมกับร้องไห้โฮด้วย “ดิษ...ดิษของแม่ มาแล้วหรือลูก...” “ครับ ดิษมาแล้วครับ ดิษจะไม่ทิ้งคุณแม่ไปไหนแล้วครับ” ดิษกรย์กอดมารดาไว้แน่นไม่แพ้กัน ปล่อยให้ท่านร้องไห้จนเป็นที่พอใจ จึงประคองเข้าไปในห้องเล็กๆ ซึ่งมีเตียงนอนตั้งชิดกับผนังห้อง และมีโซฟาเก่าๆ ให้นั่งอีกหนึ่งตัวเท่านั้น “คุณแม่นั่งลงก่อนนะครับ” มณีวรรณทรุดตัวลงนั่งตามแรงประคองของลูกชาย เอ่ยตำหนิลูกติดน้ำเสียงสั่นเครือ “ทำไมมาช้านัก แม่ต้องรอดิษถึงสองวัน” ดิษกรย์นั่งลงกับพื้นห้อง ซึ่งไม่ได้มีพรมหนานุ่มรองรับเหมือนที่เคยอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าของตน ทว่าพื้นห้องหยาบๆ ติดสกปรกไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มนึกรังเกียจ นอกจากสงสารมารดาที่ต้องทนอาศัยอยู่ที่นี่ ระหว่างพยายามติดต่อหาเขาให้ได้ “ผมขอโทษครับ ผมบินกลับกะทันหันเลยหาตั๋วเครื่องบินยาก อีกอย่าง...ผมต้องเคลียร์เรื่องงานกับทางบริษัทด้วยครับ” “ดิษจะไม่กลับไปนอร์เวย์อีกแล้วใช่ไหมลูก” ดิษกรย์พยักหน้ารับ เอ่ยบอกถึงสิ่งที่ตนได้จัดการเป็นการเร่งด่วน เพื่อกลับมาอยู่ประเทศไทยเป็นการถาวร “ครับ ไม่กลับแล้วครับ ผมประกาศขายเพนท์เฮ้าส์และลาออกจากงานแล้วครับ” คำตอบของลูกชายทำให้ดวงตาของมณีวรรณไหววาบอยู่ชั่วขณะ ทว่าดิษกรย์ไม่ทันได้สังเกต “ขายได้กี่ล้านหรือลูก” “หลายสิบล้านครับ คุณแม่ เพราะเพนท์เฮ้าส์ของผมอยู่ใจกลางกรุงออสโล ย่านธุรกิจด้วย แต่ผมยังไม่ทราบว่าจะได้ราคาตามที่ตั้งไว้หรือเปล่า ผมขายผ่านทนายต้องรอให้ทนายติดต่อมาอีกทีครับ” ดิษกรย์ไม่ได้เอะใจหรือนึกสงสัยที่มารดาเอ่ยถามถึงจำนวนเงินในการซื้อขาย เพราะคิดว่ามารดาคงต้องการสอบถามถึงความเป็นอยู่ทั่วไปของตน และสิ่งที่เขาเป็นทุกข์อยู่ในใจในขณะนี้คือเรื่องที่บิดาได้ทำการฆ่าตัวตาย 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD