เช้าวันต่อมาเปลวถูกพ่อของตัวเองโทรปลุกให้ไปรับหญิงสาวไปทำงานด้วยแต่เช้า เขาหงุดหงิดแต่ก็ทำได้แต่ตกปากรับคำไป
ซ้ำไปกว่าการรับบีเกลไปทำงานคือการที่เธอถูกแต่งตั้งให้เป็นเลขาของชายหนุ่มด้วยความเห็นดีเห็นงามของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย
แกร๊ก! เสียงประตูคอนโดถูกเปิดออก พร้อมร่างบางที่เดินออกมา
“ช้า!” เปลวมารอเธอหน้าห้องได้สักพัก พอเธอเปิดมาเขาก็พูดด้วยความหงุดหงิด
“จริง ๆ พี่เปลวไม่จำเป็นต้องมารับบีเกลก็ได้ค่ะ” เธอไม่ได้อยากจะทะเลาะ เพียงแค่เห็นว่ามันคงไม่ลำบากเขาหากเธอไปทำงานเองได้
“เธอคิดว่าฉันอยากจะเสียเวลาทำมาหากินมารับเธอหรือไง?!” พูดจบเขาก็เดินนำไปที่ลิฟท์ บีเกลได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ และเดินตามไป
ในรถ?
“อยู่ที่ออฟฟิศ เรียกฉันว่าคุณเปลว ที่นั่นเธอเป็นแค่พนักงานคนนึง ไม่ใช่ว่าที่เมียฉัน”
“…”
“เข้าใจมั้ย?!” เปลวย้ำเมื่อเธอไม่ตอบ
“ค่ะ”
“ฉันถามเธอจริง ๆ ทำไมถึงทำตัวไร้ค่ายอมแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอ?” เมื่อได้ทีเขาก็เริ่มหาเรื่องเธออีก
“พี่ไม่รู้อะไร พี่เงียบไปดีกว่าค่ะ” เธออ่อนแอ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมให้เขาด่าว่าเสีย ๆ หาย ๆ ได้ตลอด
“เธอไม่มีสิทธิ์พูดกับฉันแบบนี้!!” เปลวบีบเข้าที่แขนของเธออย่างแรงด้วยความโมโห หญิงสาวไม่แม้จะร้องออกมาสักนิด
“งั้นเกลขอถามพี่สักคำ ถ้าวันนี้ไม่ใช่เกลแต่เป็นพี่เกิล พี่จะพูดคำนี้มั้ย?” ตาของเธอแดงกล่ำ น้ำตาที่คลออยู่มันไม่ทำให้เขาสงสารสักนิด แถมยังคิดว่านี่คือมารยาของเธออีก
“อย่าเอาตัวเองที่ไร้ค่าไปเปรียบกับเกิล เขาน่ารักกว่าเธอเยอะ!” ชายหนุ่มข่มอารมณ์และกัดฟันพูดออกไป
“พี่ไม่ต้องห่วง เกลจะทำให้เราสองคนหย่ากันไวที่สุด!” เธอเปิดประตูลงจากรถเมื่อตอนนี้ถึงที่ทำงาน หญิงสาวปรับสีหน้าของตัวเองและรีบเดินไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โดยมีสายตาของเปลวที่มองตาม
“มารายงานตัวค่ะ” บีเกล พูดก่อนจะยิ้มให้พนักงาน
“คุณบีเกลใช่มั้ยคะ?” พนักงานคนนี้คือคนที่พ่อของเปลวฝากให้ดูแลหญิงสาว เพราะรู้ดีว่าเปลวจะทำเลว ๆ กับเธอ
“เรียกบีเกลก็พอค่ะ เดี๋ยวคุณเปลวจะไม่พอใจเอา” เธอห่วงกลัวว่าคนอื่นจะแย่ไปด้วยหากเรียกเธอแบบนี้
“งั้นฟ้าขออนุญาตเรียกน้องเกลนะคะ คุณท่านฝากพี่มาดูแล หากมีอะไรบอกพี่ได้เลย” เธอกระซิบเบา ๆ เพราะพ่อของเปลวสั่งไว้แล้วว่าไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าบีเกลเป็นใคร ทางเดียวที่บีเกลจะเปิดตัวได้ ต้องมาจากการกระทำของเปลวเท่านั้น
“ขอบคุณมากนะคะพี่ฟ้า” เธอไหว้คนตรงหน้าที่มีอายุมากกว่าด้วยความอ่อนน้อม
“งั้นเดียวพี่สอนงานค่ะ เดินตามพี่มาได้เลย” จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินไปที่ลิฟท์ เพื่อจะไปที่ที่บีเกล ต้องทำงาน
ปัญหาตามมาคือลิฟท์มีสองฝั่ง ระหว่างฝั่งผู้บริหารและพนักงาน ตอนนี้ลิฟท์ตรงหน้ามีเปลวที่อยู่ด้านใน เขามองเธอด้วยสายตาที่ราบเรียบไม่ได้แสดงความเห็นใจให้เธอขึ้นไปด้วยเหมือนละครแน่นอน
จนกระทั่งลิฟท์ปิด หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ เธอประหม่าทุกครั้งที่เปลวมองมา สายตาของเขาเหมือนกับว่าอยากบีบเธอให้แหลกคามือ
ทางด้านชายหนุ่ม
เมื่อมาถึงห้องทำงาน เขาก็คิดหาวิธีที่จะทำให้บีเกลหย่าให้ไวที่สุด จะดีมากหากสามารถทำให้เธอไปขอยกเลิกการแต่งงานนี่ได้
“ทำไงดีว่ะ” เขาพูดกับตัวเองก่อนจะเอนหลังไปเหมือนคนหมดแรง
ครืด เสียงโทรศัพท์ที่มีการโทรเข้าปลุกเขาหลุดจากภวังค์ เมื่อเปลวหยิบขึ้นมาก็กดรับสายทันทีหลังจากเห็นเป็นเบอร์เพื่อนชายอย่างคราม
“ว่าไง?” เปลวกรอกเสียงถามเพื่อนออกไป
“วันนี้เข้าห้างมั้ย?”
“เข้า แต่บ่าย ๆ มีอะไร?” เปลวถามไปด้วยความเปลวใจ ปกติเพื่อนอย่างครามจะไม่ค่อยพาใครมาชอปที่ห้างของเขา เนื่องจากห้างของเปลวเป็นห้างติดอันดับ การที่ครามจะพามาสถานที่ที่โจ้งแจ้ง ผู้หญิงคนนั้นคงไม่พ้นเซย์ที่ครามกำลังคลานตามเหมือนหมาหวงเจ้าของอยู่ตอนนี้
“ได้ข่าวว่า ว่าที่เมียมาทำงานด้วย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว พาเมียมึงมาที เซย์จะได้มีเพื่อนชอป” หลังจากได้ยินเปลวก็กรอกตามองบน เขารู้ว่าครามกำลังขยี้แผลเขาอยู่
“มึงไปเดินกับเมียมึงเถอะ กูเบื่อเธอเต็มทน เจอหน้าไม่กี่นาทีก็หงุดหงิดแล้ว ยังจะให้กูพาเธอไปด้วยอีกหรือไง”
“กูไม่สนอะไรทั้งนั้น ถ้าวันนี้กูไม่เจอมึงพร้อมว่าที่เมีย กูจะโทรหาพ่อมึง!” พูดจบครามก็วางสายไป เปลวรู้ว่าเพื่อนชายของเขากำลังคิดจะทำอะไร ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจที่ไม่อาจปฏิเสธเขาได้