เดือนอ้ายในชุดนักศึกษาชะงักเท้ากึก เมื่อเดินออกมานอกบ้าน แล้วพบว่าพี่สาวต่างมารดาอย่างจันทร์แรมเดินสวนผ่านมา
จันทร์แรมที่ออกเที่ยวจนสว่างคาตายิ้มเยาะ มองเดือนอ้ายตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า จากนั้นก็จ้องสบตา
“ฉันว่าแกเลิกเรียน แล้วออกมาหาผัวดีกว่านังอ้าย”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จันทร์แรมพูดกับหล่อนแบบนี้ แต่พี่สาวจะพูดแบบนี้ในทุกครั้งที่เจอหน้าหล่อน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
“อ้ายอยากเรียนค่ะ แล้วอีกอย่าง ปีนี้อ้ายก็จะจบแล้วด้วย”
“หึ เรียนจบมาแล้วได้อะไร ดูอย่างฉันสิ ไม่เห็นต้องเรียนสูงส่งอะไรเลย ชีวิตยังดีเว่อร์วังขนาดนี้ นี่ถามจริงๆ เถอะ แกแอบอิจฉาฉันอยู่ในใจใช่ไหมนังอ้าย”
เดือนอ้ายส่ายหน้าไปมา ด้วยความสัตย์จริง หล่อนไม่เคยคิดอิจฉาริษยาพี่สาวเลย ตรงกันข้ามกับทั้งรักทั้งห่วงใยต่างหาก
“อ้ายไม่เคยอิจฉาพี่จันทร์เลยค่ะ”
“ตอแหล..”
“อ้าย... ไม่ได้โกหกนะคะ อ้ายรักและเคารพพี่จันทร์เสมอ...”
จันทร์แรมไม่ได้ซาบซึ้งในคำพูดของน้องสาวแม้แต่น้อย
“ฉันไม่มีวันเชื่อคำพูดแกหรอก คนที่ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลยอย่างแก มีหรือจะไม่อิจฉาฉันน่ะ”
“พี่จันทร์เป็นพี่สาวของอ้าย อ้ายไม่มีทางอิจฉาหรอกค่ะ มีแต่จะยินดี”
จันทร์แรมเบ้ปากอย่างไม่เชื่อ แถมเก็บความเกลียดชังน้องสาวเอาไว้ไม่มิด
“สักวันฉันจะกระชากหน้ากากคนดีของแกออกให้ได้”
จันทร์แรมพูดจบก็สะบัดหน้าเดินผ่านไป เดือนอ้ายทำได้แค่เพียงถอนใจเบาๆ และฝืนยิ้มเศร้าหมองเท่านั้น
ถึงแม้เดือนอ้ายจะมีพี่สาวร่ำรวยอย่างจันทร์แรม แต่หล่อนก็ไม่เคยได้นั่งรถส่วนตัวมามหาวิทยาลัย นั่นเพราะพี่สาวต้องการบีบให้หล่อนเลิกเรียนนั่นเอง
แต่เดือนอ้ายกลับไม่ได้คิดขุ่นเคืองอะไรพี่สาว เพราะหล่อนสามารถนั่งรถเมล์ หรือในวันที่เร่งรีบหล่อนก็สามารถนั่งรถแท็กซี่มาเรียนได้
เดือนอ้ายในชุดนักศึกษาเรียบร้อยก้าวลงจากรถเมล์ กำลังจะเดินจากป้ายรถเมล์ไปยังมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงร้อยกว่าเมตร แต่หางตาก็มองไปเห็นลุงวัยชราคนหนึ่งกำลังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ริมถนน
ไม่ต้องคิดทบทวนให้เสียเวลา เดือนอ้ายรีบเดินตรงเข้าไปหาคุณลุงทันที จากนั้นก็ช่วยชายชราหิ้วของ และพาขึ้นสะพานลอยข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของถนนจนสำเร็จ
โดยทุกการกระทำของหล่อนนั้นตกอยู่ในสายตาคมเข้มที่อยู่หลังแว่นตากันแดดสีดำแบรนด์หรูตลอดเวลา
วิธวินท์จับตามองเหยื่อแค้นของตัวเองทุกฝีก้าว รอยยิ้มเลือดเย็นผุดขึ้นทั่วใบหน้าหล่อกระชากใจของเขา
เหยื่อแค้นของเขาคนนี้ดูท่าทางจะหัวอ่อนและหลอกง่ายมากเสียด้วย
“ผมจะทำให้คุณเจ็บเจียนตาย เหมือนกับที่ผมเคยเจ็บ จันทร์แรม...”
“อ้าย... ทางนี้”
เดือนอ้ายได้ยินเสียงตะโกนเรียกของเพื่อนสนิทก็หันไปมอง ก่อนจะยิ้มกว้าง และรีบวิ่งเข้าไปหาอย่างดีใจ
“พิณมาเรียนเช้ากว่าอ้ายได้ยังไงเนี่ย” เดือนอ้ายแกล้งแซวเพื่อนรัก
“แหม.. คนมาสายก็อยากมาเช้าบ้าง ไรบ้าง มันผิดเหรอยะ คุณเดือนอ้าย” เพลงพิณ เอ่ยตอบยิ้มๆ
เดือนอ้ายหัวเราะกับคำประชดประชันไม่จริงจังของเพื่อน
“ล้อเล่นจ้า”
ทั้งสองพากันเดินไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนหน้าคณะฯ เรียนของตัวเอง ก่อนที่เพลงพิณจะพูดถึงเรื่องที่ตัวเองได้ยินมา
“อ้าย วันนี้ที่คณะฯ เรา จะมีอาจารย์คนใหม่มาสอนนะ เห็นเขาซุบซิบกันว่าโปรไฟล์ดีงามมาก เพิ่งบินตรงมาจากนิวยอร์กด้วยนะ”
เดือนอ้ายหัวเราะเบาๆ และก็อดที่จะแซวเพื่อนรักไม่ได้
“ที่พิณตื่นเต้นแบบนี้ก็คงเพราะว่าจะได้เรียนอาจารย์ฝรั่งใช่ไหมเนี่ย”
“ไม่ใช่ฝรั่งนะ คนไทยนี่แหละ แต่เห็นว่าอยู่นิวยอร์กมาตั้งแต่เด็ก ชื่ออะไรนะ แป๊บนะ คิดก่อน”
เพลงพิณทำท่าคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดออกมาเสียงดัง
“นึกออกแล้ว วิลเลียม เจมส์ โมสลีย์ ซึ่งฉันได้ข่าวเพิ่มมาอีกว่า หล่อมากกกก หล่อแบบตะโกนเลยอะเธอ...”
เดือนอ้ายได้แต่ส่ายหน้าไปมาและก็หัวเราะขบขัน
“นี่ฉันพูดจริงๆ นะอ้าย ว่าอาจารย์วิลเลียมหล่อลากไส้ลากตับจริงๆ”
“ถ้าหล่อมาก ก็คงมีคนรักแล้วล่ะพิณ หรือไม่งั้นก็คงมีภรรยามีลูกแล้ว”
“ใครว่าล่ะยะ อาจารย์วิลเลียมยังโสดซิงทั้งแท่งจ้ะ”
เดือนอ้ายไม่ได้สนใจอะไรมาก หล่อนทำเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ เท่านั้น ตรงกันข้ามกับเพื่อนสนิทที่แสดงท่าทางปลื้มปริ่มออกนอกหน้ามาก