“ผมจะกลับ คุณอยากอยู่ก็อยู่ไปสิ นี่งานเพื่อนคุณไม่ใช่เหรอ”
แล้วเขาก็ก้าวฉับๆ ออกไปจากโครงการอันกว้างใหญ่ ตรงไปหารถ โดยมีคู่ขาวิ่งตามไปเกือบจะไม่ทัน สปอร์ตถูกเร่งความเร็วชนิดคนนั่งมาด้วยไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีก
เพราะกลัวจะเพิ่มระดับอารมณ์เขาให้แรงขึ้นกว่าเดิม ไม่ถึงชั่วโมงรถจอดสนิทอยู่ในบ้าน เขาลงจากรถได้แล้ว เจ้าของแผนการก็รีบใส่เครื่องให้อารมณ์ที่เงียบสงบของเขาครุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
จนเจ้าของหน้าหล่อ ที่ตอนนี้ดุดันหันขวับกลับมาหาทันที
“หนึ่งคะ เรื่องแค่นี้เองทำไมต้องอารมณ์เสียด้วย กับอีแค่เมียไปรำให้ลูกค้าในงานเกี้ยวพาราสีเล่นๆ เท่านั้น และในเมื่อหนึ่งรู้ว่าเมียทำงานแบบนี้ ทำไมไม่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการเอาเรื่องนี้ไปบอกผู้ใหญ่ฝ่ายนั้น ว่าหนึ่งรับไม่ได้ ไม่ชอบ และไม่อยากเห็นเมียคนไฮโซอย่างหนึ่งไปทำงานโลโซอย่างนั้น แล้วก็ขอหย่าให้จบๆ เรื่องไปล่ะคะ”
พลาธิปหันขวับกลับมาหา แล้วส่งสายตาเอาเรื่อง สีหน้าดุดันใส่อย่างไม่เคยทำ นั่นแปลว่าเขาต้องโกรธมากแน่ในความคิดของรัตติกาล และนั่นก็ย่อมรวมไปถึงว่า
ถ้าแม่นั่นกลับบ้านมาเมื่อไหร่ เป็นได้ปะทะกัน จนไม่ใครก็ใครได้หอบผ้าหอบผ่อนออกบ้านไปเป็นแน่ แค่คิดเล่นๆ ก็สะใจขึ้นมาแล้ว และอดชมไหวพริบของตัวเองอยู่รำไร ที่จัดการเรื่องนี้ได้ทันเวลา ทันท่วงที
“กลับไปก่อนเถอะมิ้นท์ วันนี้ผมอารมณ์ไม่ดี อยากอยู่คนเดียวมากกว่า ให้ใครไปส่งหรือไม่ก็เอารถผมไปก็ได้ ขอโทษนะ”
เขายัดกุญแจใส่มือคู่ขา แล้วรีบก้าวฉับๆ เข้าบ้าน ตรงขึ้นชั้นบน โดยไม่สนใจ ใบหน้าสวยที่ยิ้มอย่างเป็นสุข ระคนสมน้ำหน้าแม่เมียแต่งเลยสักนิด
เมื่อเห็นดังนั้น รัตติกาลจึงยินยอมกลับไป โดยไม่คิดจะเกาะแกะคนอารมณ์บูดเลยสำหรับค่ำคืนนี้ แม้ใจจริงๆ แล้วอยากจะเห็นหน้าแม่เมียแต่งไม่น้อยว่าเวลาถูกผัวด่าแรงๆ จะเป็นยังไง
“ขอบคุณนะพี่ทินอุตส่าห์มาส่ง”
ปราณปริยาวดีหันไปยิ้มให้คนมีน้ำใจ ที่รีบมาส่งให้ หลังจากรำเสร็จ เพราะตาไม่อยากให้หลานกลับบ้านหลังหลานเขย ด้วยกลัวจะถูกตำหนิติติง หรือถูกถอนหงอกเข้าให้
เมื่อเห็นสายตาและสีหน้าของเขา ตอนอยู่ในงานแล้วนั้น ทำให้รู้ได้ทันทีว่าไม่พอใจอย่างที่สุด แต่สำหรับเธอไม่คิดจะแคร์ เพราะตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด
“ไม่เป็นไรหรอก รีบเข้าบ้านเลย พี่จะยืนรอจนกว่าหนึ่งเข้าไปในบ้านแล้วถึงจะออกรถ”
ไวทินเปิดประตูตามร่างเพรียวมาด้วยความเป็นห่วง แต่อีกคนห่วงตากับยายและทีมงานที่ยังแสดงไม่เสร็จมากกว่า
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ พี่รีบกลับไปเถอะจะได้ช่วยดาด้วย แค่นี้หนึ่งก็เกรงใจแล้ว”
“ไม่ รีบเข้าไปเร็วเข้า ดึกดื่นป่านนี้จะปล่อยให้อยู่คนเดียวตรงหน้าบ้านนี้ได้ยังไง”
เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ยอม ปราณปริยาวดีเลยยิ้มอย่างขอบคุณให้ ก่อนจะไขกุญแจแล้วรีบเข้าบ้าน จะได้ไม่ให้คนรอเสียเวลา แต่ไม่วายหันกลับไปมองโรงรถก่อน
เมื่อไม่เห็นว่าสปอร์ตของสามีจอดอยู่ก็ค่อยเบาใจ เลยรีบขึ้นชั้นบนเข้าห้องแล้วอาบน้ำล้างเครื่องสำอางที่พอกหน้าไว้จนหนาเตอะทันที
ครึ่งชั่วโมงก็กระโจมอกด้วยผ้าขนหนู ออกมาหาชุดชั้นในกับชุดนอนผ้าเจอร์ซี่สีชมพูสายเดี่ยวยาวเหนือเข่าเล็กน้อยมาสวมใส่ที่แม่สรรหามาไว้ให้ตั้งแต่แต่งงานแล้ว
เดาเอาว่าแม่คงอยากจะให้ชุดพวกนี้ ไว้ยั่วน้ำลายลูกเขยที่ไม่เคยเข้าหาลูกสาวแม่เลยละมั้ง หญิงสาวยิ้มออกมาด้วยความขำ เมื่อคิดถึงใบหน้าบึ้งๆ ของเขาที่เห็นในงาน ก่อนจะเดินไปหาตู้เครื่องแป้ง
ปัง!
แต่ร่างสูงเพรียวก็หันขวับกลับไปมองต้นเสียง ดังมาจากระเบียงห้องทันควัน แล้วก็เห็นร่างสูงใหญ่ปิดประตูกระจก แล้วเข้ามายืนกอดอกอยู่ในห้องทำหน้าบึ้งตึง ตาจ้องมองมาหาเขม็ง
ปราณปริยาวดีหันไปมองประตูห้อง ด้วยความสงสัยว่าเขาเข้ามาได้ยังไง แล้วก็นึกขึ้นได้ ว่าเพียงเขามีกุญแจก็เข้ามาอยู่ในนี้รอให้เธอกลับมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
“เห็นผัวอยู่ในห้องด้วยนี่ต้องรีบหนีเลยเหรอ จะเก็บตัวไว้ให้ไอ้ฝรั่งหน้าโง่พุงยุ้ยหรือไง มานี่เดี๋ยวนี้!!!”
ร่างสูงก้าวแค่สามก้าว ก็คว้าแขนเมียที่วิ่งไปหาประตูหมายจะเปิดออกทันที
“ปล่อยฉันนะ คุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง ออกไปนะ ดึกมากแล้วฉันจะนอน”
“ทำไม! ผัวอยู่ในห้องเมียมันผิดตรงไหน หรือจะต้องรอให้ไอ้มือระนาดเอกกับปิ๊กอัพกระจอกนั่น มาอยู่ด้วยคุณถึงจะพอใจ ชอบเหรอผู้ชายที่มีอาชีพเต้นกินรำกินเหมือนโคตรเง้าของคุณน่ะ หรือจะต้องเป็นไอ้ฝรั่งหน้าหม้อแบบในงานคืนนี้ล่ะ ก็คงใช่ล่ะนะ ท่าทางคุณชอบนี่ ถึงได้เที่ยวเอาตัวไปให้ฝรั่งมันจ้องตาเป็นมันขนาดนั้น ไม่รู้มาก่อนนะ ว่าผมมีเมียเป็นนางรำ นางยั่ว เอาตัวไปแลกกับเศษเงินจากไอ้พวกหน้าโง่นั่น แล้วไอ้ที่หายๆ ไปทุกวันนี่ ก็คงจะเอาตัวไปยั่วแขกแบบนี้ล่ะมั้ง ของชอบนี่ มันคงจะสิงห์อยู่ในสายเลือดโคตรเง้าของคนทุกคนแล้วล่ะมั้ง ได้ข่าวว่าแม่ก็ได้พ่อคุณมา เพราะขึ้นไปเป็นนางยั่วอยู่บนเวทีเหมือนกันนี่ ก็เลยอยากจะได้อย่างแม่บ้าง ถามจริงๆ มีผมเป็นผัวอยู่ทั้งคน คุณกับแม่คุณไม่คิดจะพอใจใช่มั้ย”
เขาด่าว่าด้วยความโกรธ เมื่อคิดถึงวินาทีที่เมียยิ้มหวานให้แขกนับร้อย
“หยุดนะ!!!”
เผี้ยะ
เมื่อคนที่เคยเย็นเป็นน้ำ ระงับอารมณ์โกรธไม่ไหวอีกครั้ง มือบางจึงฟาดสั่งสอนเขาลงไปที่เก่า จนเขาต้องยกมือขึ้นมาลูบแก้มเพราะความเจ็บและแสบ
สายตาดุดันจ้องคนตรงนี้อย่างอาฆาตมาดร้าย
“ฉันเคยบอกคุณแล้ว อย่ามาว่าแม่ฉัน และฉันก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีตรงไหน ฉันไปทำงานของฉันมันผิดเหรอ งานฉันไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร เพราะมันคืออาชีพสุจริตไม่ได้คิดคงโกงใครทั้งนั้น”
ปราณปริยาวดีเองก็โกรธเลยเถียงกลับทันควัน