EP 51

1182 Words
แบบบ้านเปอร์สเปกทีฟต่างๆ ถูกฉายขึ้นจอใหญ่หลังเวที และตามทีวีวงจรปิดที่ตั้งไว้ทั่วงาน โมเดลบ้านทรงไทย ตั้งอยู่ตามมุมระเบียงต่างมีไฟสปอร์ตไลท์ดวงเล็กๆ ส่อง เพื่อให้ดูเด่นสะดุดตาแก่ลูกค้า ที่กำลังทยอยเดินขึ้น บ้านตัวอย่างตามคำเชิญของพิธีกร ดนตรีที่ดังกระหึ่มตอนเปิดงานเงียบไปแล้วเหลือเพลงคลอเคล้าเบาๆ ระหว่างลูกค้าถือแก้วแชมเปญจเดินดูความวิจิตร ตระการตาของสินค้าราคาหลายสิบล้านบาท ที่เจ้าของโครงการภูมใจนำเสนอ และมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย  ใส่ชุดไทยสวนงามคอยอธิบายรายละเอียดต่างๆ นานเป็นชั่วโมง เมื่อกะเวลาว่าลูกค้าจะเมื่อย วงปี่พาทย์ก็บรรเลงเพลงขึ้น ไม่นานนางรำสาวสวยสี่คน ก็ร่ายรำออกมาจากตัวบ้าน แล้วแยกไปประจำอยู่มุมระเบียงทั้งสี่ของใกล้ๆ กับโมเดลบ้าน ทำเอาแขกต่างตกใจน้อยๆ แล้วรีบทยอยกลับไปยืนจับกลุ่ม จ้องมองร่างอรชร ที่ห่มสไบผ้าไหมแบบชายเดียวปักดิ้นทอง สไบคลุมไหล่ด้านซ้ายทิ้งชายด้านหลังยาวเกือบถึงพื้น ผ้าซิ่นจีบหน้านาง ที่กำลังรำต้นวรเชษฐ์เป็นตาเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่พลาธิป ที่ตอนแรกยืนอยู่ห่างจากบ้านตัวอย่างพอสมควร ครั้นเห็นนางรำหุ่นเพรียวบาง ใบหน้าหวานพร้อมยิ้มละมัยให้แขกและมีไฟสาดส่องด้วยแล้ว ถึงกับเดินมาจับจ้องใกล้ๆ เพื่อให้แน่ใจ ว่านั่นไม่ใช่เมียตัวเอง และคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวก็คือ นี่หรือคืองานของเมียเขา นี่หรือคืองานที่เจ้าหล่อนออกบ้านแต่เช้าไปทำ จนแทบจะไม่มีวันหยุดพักผ่อน คำถามต่อมาคือ แม่ยายของเขาทนได้ยังไงกัน ที่ปล่อยให้ลูกมาทำงานแบบนี้ งานที่เอาเรือนร่างมาอวดผู้ชายนับร้อยๆ พลาธิปหันไปมองแม่กับเพื่อนๆ ที่เดินตามเขามาไม่ห่าง รวมทั้งอดีตแฟนของเขาด้วย ทั้งหมดต่างพากันจับจ้องมองไปหาสาวชุดไทยไม่แพ้กัน โดยเฉพาะสายตาดูถูกเหยียดหยามของปิยธิดาแล้วมองมาหาเขา พร้อมกับสีหน้ามีคำเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งรอยยิ้มของเจ้าหล่อน ก็ส่งมาหาเขาเป็นเชิงถามอย่างสมเพส ว่าเขาหาเมียได้ดีกว่าเจ้าหล่อนไม่ได้แล้วใช่ไหม ถึงได้คว้านางรำกระจอกๆ มาเป็นเมียได้ เขาให้โกรธ และรู้สึกเหมือนถูกเจ้าหล่อนตบหน้าหนักๆ เข้าหลายฉาด จนทนเห็นสายตาสีหน้าของเจ้าหล่อนอีกต่อไปไม่ได้ จึงหันกลับไปส่งสายตาดุดัน จับจ้องอยู่ที่ร่างอรชรของเมียที่กำลังวาดลวดลายร่ายรำแทน และก็ได้เห็นว่าเมีย กำลังส่งสายตาเชื้อเชิญไปหาแขกฝรั่งชีกอ ที่จ้องเอาจ้องเอา จนร่างเมียเขาแทบจะสลายไปให้ได้ มิหนำซ้ำยังกล้าเข้าไปยกมือยกไม้เก้ๆ กังๆ รำใกล้เมียเขาอีก แถมเมียเขาก็ไม่คิดจะหวงแหนใดๆ กลับให้ท่าไอ้พวกฝรั่งนั่นด้วยการขยับพื้นที่ให้พวกมันรำตามอย่างเต็มอกเต็มใจ รัตติกาลลอบมามองใบหน้าหล่อเหล่า ที่ตอนนี้บูดบึ้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแล้วก็อดดีใจไม่ได้ ครั้นหันไปมองหน้าแม่ของคู่ขา ก็พบว่าไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เมื่อเห็นสะใภ้ทำงามหน้าอย่างนี้ มันจึงเป็นโอกาสดี สำหรับการยุให้รำตำให้รั่ว หรือถ้าจะเปรียบหนักขึ้นมาหน่อยก็คือ ตีงูต้องตีให้หลังหัก “อุ๊ยต๊ายๆ นี่เหรอคะงานของเมียหนึ่งที่ออกไปแต่เช้า แล้วกลับค่ำๆ มืดๆ ทุกวัน คือไปรำอวดเรือนร่างให้คนดูอย่างนี้เหรอคะ แล้วแต่ละวันจะได้สักบาทกันเชียว” แล้วพลาธิปก็ตาเขียวขึ้นอีก เมื่อฝรั่งพุงโย้เจ้าของโครงการ เดินขึ้นไปส่งแบ้งค์พันให้เมียเขาและนางรำทุกคน ประหนึ่งอยากอวดร่ำอวดรวยซะเหลือเกิน แถมยังมีเศรษฐีหน้าโง่แก่ๆ หัวงูๆ อีกหลายคน เอาเป็นแบบอย่าง และขอยืนถ่ายรูปกับเมียเขาเป็นรางวัลอีกด้วย “อุ๊ย!!! สงสัยมิ้นท์คงจะต้องถอนคำพูดแล้วล่ะค่ะหนึ่ง เพราะดูท่าเมียหนึ่งคงจะได้คืนละหลายพันอยู่นะคะ ดูสิ ทริปดียิ่งกว่านักร้องในผับในบาร์อีกแน่ะ แหม!!! มิ้นท์อยากไปหัดรำซะแล้วสิคะ จะได้สบายและรวยเร็วๆ ด้วย เผลอๆ เจอแขกกระเป๋าหนักๆ มาปิ๊งปั๊งบ้าง จะได้ทิ้งหนึ่งซะเลย จริงหรือเปล่าคะคุณแม่” สาวมั่นตีซ้ำอีกครั้ง แล้วหันไปหาพิไลพรรณ ที่ยืนจ้องมองสะใภ้นิ่งๆ เพราะไม่อยากตอบ และรู้สึกรำคาญแม่สาวปากมากขึ้นมาครามครัน แต่ปิยธิดากลับไม่อยากนิ่ง และอยากจะตอบออกมาแทน แม้จะรำคาญแม่สาวปากมากสักแค่ไหนก็ตาม “หล่อนก็ต้องเจริญรอยตามแม่หล่อนสิคะคุณมิ้นท์ ที่ได้มาเป็นเมียน้อยคุณพ่อทุกวันนี้ ก็เพราะเจ้าหล่อนเป็นนางรำนี่ล่ะค่ะ แล้วคุณพ่อก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้น ตั้งแต่วินาทีนั้น ส่วนเจ้าหล่อนพอเห็นผู้ชายรวยๆ เฉียดเข้าใกล้ก็รีบคว้ารีบเสนอตัวและรีบปล่อยให้ท้อง เพื่อจะได้จับคุณพ่อให้อยู่หมัดไงล่ะคะ นี่ถ้าแม่หนึ่งไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตนอยู่อย่างนี้ อีกไม่นานก็คงจะได้อาเสี่ยเงินหนาหน้าโง่ มาช่วยยกระดับจากบ้านนอกๆ ขึ้นไปสู่สังคมไฮโซแน่ๆ เลยล่ะค่ะ” พลาธิปหันขวับไปจ้องมองแฟนเก่าอย่างเอาเรื่อง ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจเพื่อน และถ้าไม่ติดว่าคนเยอะ เขาจะรีบสวนกลับทันทีเพื่อนกู้หน้าเมีย ที่เขาเองก็ไม่รู้ ว่าจะกู้ได้มากแค่ไหนไปแล้ว ส่วนคนเป็นเมียที่รับรู้ว่าทั้งสามีและแม่สามีรวมทุกคนในแก๊งกำลังจ้องมองมาก็ไม่คิดจะสนใจ ได้แต่ทำงานของตัวเองไปด้วยรอยยิ้มเท่านั้น “ผมจะกลับแล้ว คุณแม่จะกลับพร้อมผมหรือจะให้พวกนี้ไปส่งครับ” เขาไม่ได้คิดจะรอคำตอบจากแม่ด้วยซ้ำ ก็หุนหันออกไป เมื่อทำอะไรหรือใครไม่ได้ ส่วนผู้แม่เองก็ไม่อยากจะนั่งรถไปกับลูกตอนนี้ให้เครียดเปล่าๆ เพราะเดาได้ว่าลูกคงจะเหยียบมิดไมล์เป็นแน่ และไม่รู้ว่าจะกลับบ้านหรือไปไหนต่อกันแน่ด้วย ถ้าให้เดาก็คงจะผับบาร์ที่ไหนสักแห่งนั่นเอง “อ้าว! หนึ่งจะไปไหนคะ งานยังไม่เสร็จเลย” แต่สำหรับรัตติกาล กลับรีบตามเขาไป โดยที่ไม่มีใครเอ่ยถามด้วยซ้ำ และก็แทบจะตามไม่ทันร่างสูงใหญ่ ที่สาวเท้าออกจากงานด้วยอาการหัวเสีย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD