“ไหนตักให้พ่อชิมทีสิแม่ปาน นานทีปีหนจะได้ชิมฝีมือยัยหนึ่ง มางานแต่งยัยเอครั้งก่อนก็แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลย”
คุณปู่ชัยยศจึงเป็นฝ่ายกู้หน้าสะใภ้ไม่ตีตราเอาไว้ให้ เพราะไม่อยากให้บรรยากาศในบ้านเสียไปมากกว่านี้ ปานรีบจัดแจงตักไปใส่จานให้พ่อสามีพร้อมกับผักเครื่องเคียงทันที
ปิยะค่อยหายใจโล่งขึ้นมาหน่อย ที่พ่อไม่ตั้งป้อมเกลียดเมียตัวเองเหมือนแม่ ด้วยรู้ดีว่าแม่ไม่เคยชอบปาน หรือเมียน้อยคนไหนๆ ของเขา นอกจากรัตนาคนที่แม่เลือกให้เท่านั้น
ดีหน่อยที่อีกสองบ้านไม่เคยมายุ่งเกี่ยวด้วย ไม่ว่าจะกรณีใดๆ เลย
“แต่งแล้วจะย้ายไปอยู่บ้านฝ่ายโน้นเลยหรือเปล่าล่ะแม่หนึ่ง ถ้าไปแม่ปานจะอยู่ได้เหรอ ยิ่งติดลูกยังกับอะไรดี ระวังคนจะว่าเอานะว่าได้ผัวแล้วทิ้งพ่อแม่น่ะ”
ปราณปริยาวดีไม่รู้จะหาคำไหนมาตอบผู้เป็นย่าที่ถามขึ้นมา แต่สายตาท่าทางและน้ำเสียงนั้นประหนึ่งไม่อยากได้คำตอบอะไรเลย หากอยากจะประชดประชันมากกว่า
“ก็ต้องย้ายไปอยู่โน่นสิครับคุณแม่ เขาก็มีลูกชายเดียว จะทิ้งแม่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ ปานน่ะไม่ต้องห่วงหรอกครับ มีผมอยู่ใกล้ๆ แถมยังมีกอบคอยดูแลอย่างใกล้ชิด จนเบื่อกันจะแย่อยู่แล้วครับ”
ปิยะเป็นฝ่ายตอบออกมาแทนลูก เพราะเดาได้ว่าลูกคงตอบไม่ถูก และนี่ก็ทำให้ปราณปริยาวดีอยากจะขอบคุณพ่อไม่น้อย
“พูดยังกับว่าตัวเองมีเวลาว่างมากนักล่ะ แต่ก็ช่างเถอะ ใครจะไปจะอยู่ฉันไม่ยุ่งละ เบื่อเต็มที ว่าแต่ไปอยู่บ้านแม่ผัวล่ะก็ทำตัวดีๆ นะยะแม่หนึ่ง การบ้านการเรือนก็ให้รู้จัก การดูแลเอาอกเอาใจผัวและพ่อแม่ผัวก็อย่าให้ขาด เกิดเป็นผู้หญิงจะร่ำเรียนสูงหรือเก่งยังไง ก็จะขาดเรื่องพวกนี้ไม่ได้ แล้วถ้าเกิดผัวหล่อนไปนอกลู่นอกทางมีบ้านนั้นบ้านนี้ ก็อย่าวีนแตกจนอยู่ด้วยกันไม่ได้ซะล่ะ ได้ข่าวว่าเชื้อสายพ่อหนุ่มนั่นก็ไม่เบานี่ โดยเฉพาะคนพ่อ มีเบี้ยใบ้รายทางจนนับไม่ถ้วนเลย ยังไงก็ให้หนักเหมือนหินผาอย่างแม่นาล่ะ จะได้เอาผัวอยู่ ไม่ว่าจะไปหลงทางที่ไหนกับใคร สุดท้ายก็กลับมาตายรังอยู่ดี”
ปราณปริยาวดีไม่ได้สะทกสะท้านกับคำสั่งสอนระคนเหน็บแนมนี้สักเท่าไหร่ ผิดกับปานที่รู้ดีว่าแม่ผัวจงใจจะประชด แต่ก็พยายามยิ้มสู้และแก้ลำด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่ม กิริยาท่าทางอ่อนน้อมไปหาแม่ผัวอยู่ดี
“อุ้ย! คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ เรื่องนี้ปานสอนยัยหนึ่งมาตั้งแต่จำความได้แล้ว รับรองว่าผัวคนเดียวเอาอยู่แน่นอนค่ะ แต่ก็ขอบคุณแทนหลานนะคะ ที่คุณแม่เป็นห่วงขนาดนี้ หนึ่งไหว้ขอบคุณคุณย่าสิจ้ะลูก”
ปราณปริยาวดีรีบทำตามคำของแม่โดยไม่ยากเย็นนัก ทำเอาคนเป็นย่าและสองแม่ลูกบ้านใหญ่ที่แอบสะใจอยู่ลึกๆ ที่แม่บ้านเล็กถูกเล่นงานซะอ่วมอรทัยในตอนแรก ทำหน้าไม่ถูกเมื่อเจอความด้านของปานเข้าให้
ก่อนวันงานหนึ่งวัน ปราณปริยาวดีและแม่พร้อมกับกอบ ต้องไม่เป็นอันหลับนอน เมื่อทีมจัดงานเข้ามาตระเตรียมการสำหรับพิธีรดน้ำสังข์ ที่จัดอยู่กลางแจ้งตรงสนามหญ้าอันกว้างขวางระหว่างสองบ้าน มีเพียงรั้วข่อยจีนสูงแค่เอวกั้นไว้เท่านั้น
เพราะนี่คือความต้องการของพลาธิป แทนที่จะจัดในบ้านซึ่งมีแอร์เย็นฉ่ำ หรือในโรงแรม แต่เขาก็ไม่ยอม ด้วยอยากให้คนอีกบ้านได้เห็นเขากับเจ้าสาวกับวันสำคัญนี้อย่างเต็มๆ ตา
และเจ้าหล่อนจะต้องเสียดาย จะต้องอิจฉาในตัวเจ้าสาวของเขา เพราะเขากำชับทีมจัดงานตลอดเวลา ว่าให้จัดทุกอย่างเต็มที่ เพื่อเจ้าสาวจะได้ออกมาสวยๆ เขาควักกระเป๋าไม่อั้นสำหรับชุดต่างๆ ที่ทีมงานเสนอมา ซึ่งต้องใช้ถึงหกชุดเลยทีเดียว
และเช้านี้ลูกเมียน้อยที่เขาเกลียดชังไม่แพ้แม่ และอดีตแฟนสาวของเขา และแทบไม่เคยชายตาแลมาก่อนก็ไม่ทำให้เขาน้อยหน้าเลย
เขาจ้องมองร่างสูงโปร่งในชุดไทยบรมพิมานประยุกต์ ลายลูกไม้ปักด้วยลูกปัดสีทอง และราคาชุดรวมเครื่องประดับทองคำแท้ๆ ก็หลายแสนบาท
เป็นชุดแรกสำหรับใส่ตักบาตรพระสงฆ์ยี่สิบเก้ารูป ซึ่งเท่ากับอายุของเขา ความงามของเจ้าสาว ทำเอาสายตาแทบทุกคู่ของแขกผู้ใหญ่จ้องมองแทบไม่กระพริบตาทีเดียว
เขาก็ไม่ลืมแสดงบทบาทของเจ้าบ่าวที่ให้เกียรติเจ้าสาวแสนสวย ด้วยการยอมจับปลายทับพีใต้มือขาวเวลาตักบัตร ยังผลให้แขกผู้ใหญ่ต่างยิ้มรับอย่างชื่นชมถ้วนหน้า
จากนั้นก็ประคองมือนุ่มเดินไปด้วยทุกย่างก้าว ตามคำบอกของทีมงาน เวลามีคนถ่ายรูปเขาก็จะดึงร่างระหงในชุดสวยเข้ามากอดไว้ แล้วยิ้มให้กล้องอย่างมีความสุข
กระนั้นเขาก็ไม่วายแอบชายหางตาไปมองอดีตแฟน เดาว่าเจ้าหล่อนจะต้องจำใจมาร่วมงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วก็อดสะใจไม่หาย ที่เจ้าหล่อนเมินเขาไปอย่างไม่ไยดี
ถ้าเดาไม่ผิด ในใจเจ้าหล่อนตอนนี้จะต้องร้อนระอุด้วยความหมั่นไส้ลูกสาวเมียน้อยอยู่อย่างแน่นอน เพราะคงจะคาดคิดไม่ถึง ว่าจะถูกเขาดัดหลังด้วยการยกตำแหน่งเมียให้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้
“เอเกลียดมันกับแม่มันจะตายอยู่แล้วค่ะพี่หนึ่ง และเอก็เกลียดพวกนังเมียน้อยทุกๆ คนด้วย อีพวกนี้ไม่รู้จักคำว่าบาปที่มาแย่งลูกแย่งผัวคนอื่นไปหน้าตาเฉย ต่อไปถ้าเราแต่งงานกันแล้วพี่หนึ่งเป็นแบบคุณพ่อ เอจะต้องอกแตกตายแน่ๆ ค่ะ”
“พี่จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงจ๊ะ เอก็รู้ว่าพี่เกลียดคนพวกนี้พอๆ กับเอ หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะวันๆ พี่จะต้องมานั่งทนทำงานร่วมกับลูกเมียน้อยคุณพ่อที่แต่ละคนกวนประสาทพี่ทั้งนั้น โดยเฉพาะไอ้ภัคพลที่คอยจะตีตัวมาเทียบรัศมีและคอยมาเลื่อยขาเก้าอี้พี่ด้วยแล้วพี่ยิ่งเกลียดมันจนเข้าไส้”