“คุณหนึ่งต้องนั่งเมื่อยหน่อยนะคะ นี่ก็กระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ ที่คุณแม่ให้อี้ยกขึ้นมาค่ะ เมื่อกี้ผู้ใหญ่บอกว่า ไม่อยากให้คนอื่นเข้าไปในห้องหอ เลยให้อี้เอามาเก็บในห้องนี้ เห็นว่าเป็นห้องแขก งั้นอี้จะทิ้งคุณหนึ่งไว้กับพี่ติ๋มนะคะ ขอไปคุยงานกับคุณหนึ่งต่อสักนิด แล้วก็จะกลับเลย ไว้เจอกันตอนคุณหนึ่งกลับจากฮันนีมูนนะคะ สวัสดีค่ะ”
ผู้จัดการที่แม้จะอายุมากกว่าเจ้าสาว ก็ยกมือไหว้ด้วยท่าทีนอบน้อมซึ่งเป็นปกติของคนมีอาชีพบริการอยู่แล้ว ปราณปริยาวดีรีบยกไหว้ตอบ และรอให้อี้ออกไปก่อน ถึงได้เดินไปนั่งตรงสตูปล่อยให้ให้ช่างเพศที่สาม ทำงานได้ตามสบาย
“งั้นพี่ล้างเครื่องสำอางออกให้ก่อนดีกว่านะคะ คุณหนึ่งจะได้สบายหน่อย พี่รบกวนช่วยถอดสร้อยกับตุ้มหูออกให้ทีค่ะ ของแพงแบบนี้พี่ไม่กล้าแตะค่ะ กลัวจะหาย คุณหนึ่งจะเก็บเข้ากล่องเลยก็ได้นะคะ พี่เอามาด้วย เสร็จแล้วพี่ถึงจะแกะผมให้ และต้องค่อยๆ ทำด้วย เดี๋ยวคุณหนึ่งเจ็บ ทนง่วงหน่อยนะคะ คงไม่หนีสองสามชั่วโมงค่ะ ยังไงพี่ก็ฝากคุณหนึ่งอธิบายให้คุณหนึ่งเข้าใจด้วยนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าพี่แย่งเจ้าสาวมาจากอก พลอยโกรธพี่ล่ะแย่เลยค่ะ...”
และอีกสารพัดความกลัว ที่ช่างขยันบอกกล่าวพร้อมแสดงท่าทีนอบน้อมมาหา จนปราณปริยาวดีไม่อาจจะขุ่นเคืองใดๆ ได้ แม้จะต้องทนนั่งเจ็บเวลาถูกดึงกิ๊ปออกจากผม ที่ยีไว้จนแน่นก็ตาม
อีกใจก็อยากจะขอบคุณช่างด้วยซ้ำ ถ้าจะใช้เวลาจากนี้ไปถึงเช้าเลย จะได้ไม่ต้องกลับไปเห็นสีหน้าหมางเมินของเขา
แต่ผ่านไปสามชั่วโมง ปราณปริยาวดีก็อยู่ในชุดนอนผ้ายืดสำลีสีชมพู เป็นกางเกงขายาวแขนยาวตรงชายมีผ้าลายสก๊อตตกแต่งสวยเก๋เรียบร้อยแล้ว ช่างกลับไปแล้ว หลังจากเป่าผมเสร็จ
แม้อยากจะล้มตัวลงนอนบนเตียงสักแค่ไหน และไม่พร้อม จะทำหน้าที่เมียให้กับผู้ชาย ที่ไม่เคยแม้แต่จะพูดคุยกันสักคำเดียวยังไง แต่ก็หวาดเกรงว่าจะถูกตำหนิติเตียน ในเรื่องบกพร่องต่อหน้าที่เมีย
ร่างสูงโปร่งจึงลุกจากเตียง แล้วเดินไปเปิดประตูอย่างเชื่องช้า เพื่อหมายจะไปอีกห้อง ใจก็ภาวนาขอให้เขาหลับเพราะความเหนื่อยอ่อนกับงานอันยาวนานด้วยเถิด
จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากัน จะได้ไม่ต้องอึดอัดเหมือนตอนส่งตัว แต่ยังเดินไม่ถึงหน้าห้องด้วยซ้ำ ก็เห็นหญิงวัยกลางคนเดินขึ้นบันไดมา
ซึ่งปราณปริยาวดีไม่รู้ว่าเป็นใคร มีความสำคัญยังไงในบ้านนี้ แต่ก็หยุดยืนและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ตามนิสัยของตัวเอง สุดาเองก็ยิ้มให้เช่นกัน และเอื้อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลท่าทีนอบน้อม
แม้จะรู้อยู่แก่ใจ ว่าเจ้านายทั้งสองพูดยังไงถึงสะใภ้คนนี้ และแม้ตัวจะสนิทกับคุณผู้หญิงของบ้านสักแค่ไหน สุดาก็ไม่คิดจะตีตัวเสมอใครตามนิสัยของคนเจียมเนื้อเจียมตัวที่มีนั่นเอง
“คุณหนึ่งจะเข้านอนเหรอคะ แต่ป้ายังเห็นคุณหนึ่งนั่งกินกับเพื่อนตรงสนามอยู่เลยนะคะ ตอนป้าเดินสวนกับช่างเมื่อตะกี้”
“ค่ะ”
ปราณปริยาวดีไม่รู้จะพูดอะไรออกมาได้ นอกจากคำนี้และยิ้มบางๆ ให้คนตรงหน้า ก่อนจะก้าวเดินไปหน้าห้องด้วยอาการโล่งอกโล่งใจ ที่เขายังไม่มา จะได้รีบๆ นอนรีบๆ หลับ รีบๆ หนีหน้าเขา
สุดาเองก็กำลังจะเดินไปห้องนอนของตัวเอง ที่อยู่ติดกับห้องคุณผู้หญิงอีกฟากของตึก แต่ทั้งสองต้องชะงักฝีเท้าเอาไว้แทบจะพร้อมกัน เมื่อได้ยินเสียงพูดอู้อี้อ้อแอ้ดังมาจากทางบันได
“ผมยังไม่เมาสักหน่อยมิ้นท์ ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวนาน จะรีบกลับไปไหน คุณต้องอยู่กับผมทั้งคืน ไม่งั้นผมไม่ยอมจริงๆ ด้วย”
ปราณปริยาวดีเดินกลับมายืนอยู่ข้างหลังสุดา เมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงคือสามีป้ายแดงของตัวเองที่เดินเซไปเซมา โดยมีหญิงสาวสวยและมาดมั่นประคองปีกมา
“จะอยู่ได้ยังไงกันคะ คืนนี้หนึ่งแต่งงานแล้วนะคะ จะให้มิ้นท์ไปอยู่ในห้องหอหนึ่งได้ยังไงกันคะ”
“แต่งก็ส่วนแต่งสิ แต่ผมจะนอนกับคุณคืนนี้และในห้องหอของผม ใครไม่เกี่ยวก็ให้ไปนอนที่อื่นสิ ถ้าคุณไม่นอน ผมจะลงไปกินกับพวกนั้นต่อนะ”
ประตูห้องหอถูกเปิดออกด้วยมือบางของคนประคองเจ้าของร่างสูงใหญ่มา ไม่กี่วินาทีทั้งคู่ก็หายเข้าไปในห้อง ประตูปิดไม่สนิทประหนึ่งอยากจะให้คนข้างนอก
ได้ยินเสียงหรือได้เห็นภาพความเป็นไปภายในห้องก็ไม่ปาน และแน่นอนว่าปราณปริยาวดีไม่รีรออะไร จึงก้าวเดินมาหาประตู แล้วค่อยๆ แง้มมันออก โดยมีสุดาตามมาไม่ห่าง
“หนึ่งคะอย่าสิคะ อะไรกันหนึ่ง ปล่อยมิ้นท์สิคะ เราจะมีอะไรกันในนี้ไม่ได้นะคะ”
“ทำไมจะไม่ได้ มิ้นท์ทำเหมือนเมื่อคืนเราไม่ได้นอนเตียงนี้ด้วยกันอย่างนั้นล่ะ มานี่เร็วเข้า อย่ามาทำให้ผมอารมณ์ค้างสิ ผมคิดถึงคุณจะแย่ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้ผมมีความสุขเท่ามิ้นท์มาก่อนเลย”
“นี่เป็นห้องหอของหนึ่งนะคะ จะให้มิ้นท์นอนได้ยังไง เดี๋ยวเมียหนึ่งก็มาฉีกอกมิ้นท์พอดีสิคะ ถ้าคิดถึงมิ้นท์ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันที่คอนโดสิคะที่รัก อย่างอแงนะคะคนดีของมิ้นท์”
รัตติกาลที่หาได้เมามากมายเท่าอีกคน แสร้งทำเป็นห้ามปราม แต่มือไม้นั้นโอบรัดร่างชายที่ตัวเองรักเอาไว้อย่างแนบแน่น ตั้งแต่ถูกเขาพาไปทิ้งตัวลงนอนทับกลีบกุหลาบรูปหัวใจนั้นแล้ว