EP 8

1151 Words
“อ้าว! ทำไมตื่นเร็วจังเลยหนึ่ง แต่งตัวหล่อจะไปไหนล่ะนั่น สร่างเมาแล้วเหรอ” แต่พิไลพรรณก็ให้แปลกใจอย่างที่สุด เมื่อเห็นลูกลงมาข้างล่างตอนสิบโมง ในสภาพเรียบร้อยและพร้อมจะออกข้างนอกด้วย พลาธิปหันไปหาแม่ขณะรับกุญแจจากน้อยมาถือไว้ในมือ “ผมมีนัดกับลูกค้ากินมื้อเที่ยงครับ แล้วเจอกันนะครับคุณแม่” ผู้แม่อดแปลกใจไม่ได้ แต่ก็หันไปยิ้มให้แม่บ้านด้วยความดีใจที่ลูกเปลี่ยนไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับสภาพเมามายเอคืน “งั้นกาแฟคงไม่ต้องต้มให้แล้วใช่ไหมคะคุณผู้หญิง” สองสาวใหญ่ต่างยิ้มให้กันด้วยความขำ โดยเฉพาะพิไลพรรณ ที่เป็นคนเส้นตื้นถึงกับปล่อยก๊ากออกมาทันทีเลย ทว่าอีกไม่กี่วันต่อมากลับขำไม่ออก เมื่อลูกกลับเข้าบ้านหลังกินมื้อเย็นเสร็จสิ้นลง ลูกก็บอกเสียงราบเรียบ ประหนึ่งเป็นเรื่องทั่วๆ ไปไม่มีสลักสำคัญอะไร “ผมจะแต่งงานครับคุณแม่” จนผู้แม่ต้องถามย้ำอีก “อะไรนะ เมื่อกี้หนึ่งว่าอะไร หรือแม่หูฝาดจนฟังผิดไป” พลาธิปนั่งเอนไปกับพนักพิงชุดรับแขกราคาหลายแสน พร้อมกับขาขึ้นไขว้ห้างอย่างอารมณ์เย็น “ไม่ครับ คุณแม่ฟังไม่ผิดหรอก ผมบอกว่าผมจะแต่งงาน อยากให้คุณแม่หาผู้ใหญ่ไปสู่ขอให้ผมเร็วที่สุดครับ” “ขอใครเหรอตาหนึ่ง ทำไมมันรวดเร็วอย่างนี้ เมื่อไม่กี่วันแม่ยังเราเสียใจจะเป็นจะตายเพราะอกหักอยู่เลย นี่มันอะไรกัน” “หรือคุณแม่อยากจะให้ผมเป็นแบบเดิมอยู่ล่ะครับ ไม่ดีเหรอครับที่ผมจะลงหลักปักฐานมีครอบครัวสักที ผมอายุจะสามสิบแล้วนะครับ ถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องมีเมีย และผู้หญิงคนนั้นก็คือ ปราณปริยาวดี ศรีสวัสดิ์วัฒนา” เขาเน้นตรงชื่อเสียงหนักๆ “นั่นมันนามสกุลแม่เอนี่ เขามีน้องสาวด้วยเหรอ แม่จำได้ว่ามีแต่น้องชายคนเดียวนี่นาตาหนึ่ง” ผู้แม่ครุ่นคิดอย่างหนัก “มีครับแม่ ก็น้องสาวที่อยู่บ้านติดๆ กันไงครับ” ลูกชายเลยไขข้อข้องใจให้อย่างใบหน้าเรียบเฉยระคนสะใจนิดๆ ส่วนผู้แม่กลับตกใจจนเผลออุทานออกมา ทำเอาสุดาอยู่ในครัวได้ยินเสียงต้องรีบวิ่งออกมาสังเกตการทันที “อะไรกันตาหนึ่ง! อย่าบอกนะว่าเราจะแต่งงานกับแม่ลูกเมียน้อยนั่น แม่ไม่ยอมเด็ดขาด! หนึ่งก็รู้ว่าแม่เกลียดผู้หญิงพวกนี้เข้าไส้! ตายกี่ชาติก็อย่าได้เจอะได้เจอคำว่าเมียน้อยอีกตลอดไป หนึ่งจำไม่ได้เหรอว่าเราต้องกล้ำกลืนคำคนพวกนี้มากแค่ไหน!” “ผมรู้ครับ แต่ผมอยากจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้เท่านั้น ถ้าคุณแม่ไม่ไปขอให้ผม ผมก็จะไม่แต่งกับใครเลยตลอดชีวิตนี้” ลูกชายรู้ดีว่าแม่โกรธและจะไม่ยอมทำตามคำขอแน่ๆ เพราะคิดมาก่อนหน้าเรียบร้อยแล้ว จึงรีบส่งประโยคเด็ดขึ้นมาขู่นิดๆ เพื่อทำให้แม่ยอมแต่โดยดี และแน่นอนว่าเขาเดาใจแม่ถูกเผง “แล้วเราไปรักไปชอบแม่นั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนบอกเกลียดพวกเมียน้อยเหมือนแม่ไง ทำไมถึงได้เปลี่ยนความคิดซะล่ะ” เพราะจากน้ำเสียงแข็งกระด้างเมื่อครู่ค่อยๆ ผ่อนผันลงเป็นแค่เสียงห้วนๆ บวกกับคำถามประชดประชันไปหา “ความรักมันเป็นเรื่องบังคับกันไม่ได้ไม่ใช่เหรอครับ คุณแม่บอกผมเอง และผมก็รักและจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้คนเดียวเท่านั้น และจะต้องเร็วที่สุดด้วย ผมไม่เกี่ยงเรื่องค่าสินสอดหรืออะไรทั้งนั้น ถ้าเป็นไปได้คุณแม่ไปขอพรุ่งนี้เลยนะครับ ถ้าคุณแม่ไม่ไปผมจะไปบอกคุณพ่อบอกคุณลุงช่วยจัดการให้แทน” แล้วเขาก็เดินขึ้นห้องด้วยท่าทีสงบ ผิดกับผู้แม่ที่ในใจให้ร้อนรนปานไฟเผา เมื่อได้คำขาดจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจนยากจะหาทางหลีกเลี่ยงได้ “ฉันจะทำยังไงดีล่ะสุดา ช่วยฉันคิดทีสิว่าฉันจะทำยังไง” ผู้เป็นแม่บ้านใหญ่ได้แต่ถอนหายใจหนักๆ ออกมา เมื่อได้ยินทุกคำที่สองแม่ลูกพูดคุยกันเมื่อครู่ พร้อมกับความไม่เข้าใจ ความไม่เห็นด้วย ความไม่น่าจะเป็น และอีกสารพัด ‘ความไม่’ ที่สุดามีในใจ   “ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ยังให้คำตอบอะไรไม่ได้ ปานเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่จะต้องถามหลายคน ไม่ว่าจะเป็นลูกสาว  คุณพี่ ไหนจะคุณตาคุณยายที่รักและหวงยัยหนึ่งยิ่งกว่าชีวิตอีก ยังไม่รวมต้องให้คุณพี่ไปปรึกษาคุณปู่คุณย่าอีกนะคะ ท่านรักและเอ็นดูยัยหนึ่งมากค่ะ เพราะเห็นว่าเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย เอาไว้ถ้าปานได้คำตอบแล้วจะนัดวันที่ทุกคนสะดวกแล้วจะโทรไปแจ้งนะคะว่าให้มาอีกครั้งวันไหน” ปานเอ่ยด้วยน้ำเสียงและท่าทีเป็นการเป็นงานกับแขกที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ต้อนรับ “ผมเข้าใจครับคุณปาน ทางผมก็มาแบบเร่งด่วน ไม่ได้บอกได้กล่าวล่วงหน้าด้วย เอาไว้ผมจะรอโทรศัพท์จากคุณปานอีกทีแล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่นะครับ งั้นผมกับพี่ชายขอตัวก่อนนะครับ” พาทิศเอ่ยด้วยท่าทีไม่ต่างจากเจ้าบ้าน แล้วก็หันไปหาผไทผู้เป็นพี่ชายที่น้องชายอุตส่าห์ไปหอบหิ้วมาจากบ้าน ตามคำสั่งของเมียว่าให้มาหยั่งเชิงฝ่ายนี้ดูก่อน และก็เป็นอย่างที่เขาคาดคิดไว้คือยังไม่ได้เรื่องอะไร เพราะต้องรอตามคำที่ปานบอกไว้เท่านั้น และทันทีที่แขกกลับไปแล้ว ปานก็ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจไม่น้อย ผิดกับท่าทีเรียบเฉย นิ่งๆ เมื่อครู่จนคนสนิทที่แอบฟังเจ้านายกับแขกคุยกันจนรู้เรื่องทั้งหมดโดยไม่ต้องถามเลยสักนิด “แล้วคุณจะทำยังไงล่ะคะ คุณหนึ่งถึงจะยอมแต่งกับแฟนเก่าคุณเอได้ ไหนจะคุณตาคุณยายอีก” ปานหันไปหาคนถามด้วยสายตาตำหนินิดๆ ชอบใจหน่อยๆ ที่ไม่ต้องเปลืองน้ำลายเล่าให้ฟังก็รู้เรื่องหมดแล้ว “เอาไว้ให้ฉันนอนคิดแผนก่อนก็แล้วกัน แต่ที่แน่ๆ ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้ว่าที่ลูกเขยสมบูรณ์แบบอย่างนายหนึ่งหลุดมือไปแน่ หรือแกไม่เห็นด้วย” ปานหันไปหาคนนั่งอยู่กับพื้นใกล้ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD