“มันก็ดีหรอกนะคะ แต่มันไม่น่าแปลกไปหน่อยเหรอคะ ที่ผิดหวังจากบ้านนั้นไม่กี่เดือนก็แล่นมาขอลูกสาวบ้านนี้แล้ว รักชอบกันรึก็ไม่ สนิทสนมกันรึก็ไม่ ทำไมถึงได้ส่งผู้ใหญ่มาทาบทามเป็นการเป็นงานขนาดนี้ แล้วไม่กลัวว่าเราจะปฏิเสธไปหรือไงกันคะ”
กอบตั้งข้อสงสัยตามประสา ทว่าปานนั้นคิดนำไปก่อนเรียบร้อยแล้ว
“ก็เพราะเขามั่นใจน่ะสิว่าเราจะไม่ทำแบบนั้น ผู้ชายหล่อๆ รวยๆ สมบัติกินทั้งชาติก็ไม่หมดอย่างนี้ และเข้าตามตรอกออกตามประตูอย่างนี้ ใครไม่เอาไว้ก็บ้าแล้วล่ะ ทีนี้ก็เหลือแต่คนของเราเท่านั้น ฉันจะต้องทำให้ยอมแต่งโดยดี แกต้องคอยช่วยฉันนะกอบ งานนี้ฉันจะทำให้ยัยหนึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยล่ะ”
นี่คือเรื่องที่ทำให้ปานหนักใจไม่น้อย
“ค่ะ ฉันเชื่อมือคุณ เรื่องวางแผนทั้งหลายนี่คุณถนัดจะตาย”
แต่คนสนิทดันไม่คิดกังวลใดๆ เพราะมีเจ้านายรอบจัด
“นังกอบ!!!”
“ทั้งกวางเดินดง เออ เอ้อ เออ เอ้อ เอย หงส์บิน ก้าวซ้ายค่ะนักเรียน ตามครูนะคะ เอ้า! กินริน เลียบถ้ำ ยกหน้าค่ะ แขนตึงนะคะ ส่ายมือค่ะ เออ เอ้อ เอิง เอ้ย จีบสองมือ อำไพ”
คุณยายวันนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เมื่อมองหลานสาวกำลังสอนนักเรียนตัวน้อยๆ อยู่ในห้องกระจกใสแจ๋วมองเห็นจากด้านนอกและติดถนนหน้าบ้านพอดิบพอดี เพราะปราณปริยาวดีตั้งใจสร้างห้องสอนรำไว้ด้านหน้าจะได้ดึงความสนใจจากผู้คนที่สัญจรไปมา
ซึ่งนั่นเป็นอีกหนึ่งหนทางที่ทำให้ได้ลูกค้าเพิ่มเรื่อยๆ นับตั้งแต่เรียนจบมาได้ปีกว่าๆ แล้ว และก็มีลูกศิษย์เพิ่มขึ้นไม่น้อย
“แม่ครูครับ มีสายเรียกเข้าจากบ้านคุณน้าครับ เรียกมาหลายครั้งแล้ว ไม่รู้มีเรื่องด่วนหรือเปล่า จะให้เข้าไปบอกหนึ่งมั้ยครับหรือต้องรอ”
ไวทินเดินตรงมากระซิบบอก แต่คุณยายวันไม่ใคร่จะสนใจกับธุระของลูกสาวนัก เพราะถ้าให้เดาก็คงจะไม่พ้นอยากสั่งให้ลูกซื้อนั่นซื้อนี่ติดมือกลับบ้านด้วยแค่นั้น
และถ้าจะให้เดาต่ออีก ก็คงจะเป็นพวกอาหารฝรั่งหรืออาหารหรูหราไฮโซๆ ตามความชอบของลูกสาวนั่นเอง
“คุณยายจ๋า! ป้ากอบโทรมาบอกว่าคุณแม่ไม่สบายไปหาหมอเพิ่งจะกลับมา นอนซมอยู่ในห้องไม่พูดไม่กินอะไรเลยค่ะ”
แต่พอหลานสาวสอนเสร็จและโทรกลับไปหาผู้แม่ก็ส่งสีหน้าเศร้าสร้อยมาบอกยายด้วยความกังวล จนคุณยายวันต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“เหรอ! แล้วบอกหรือเปล่าว่าแม่เราเป็นอะไร หนักมากมั้ย”
“ไม่ค่ะ ป้ากอบแค่บอกว่าให้หนึ่งรีบกลับบ้านเท่านั้น และฝากบอกให้ชวนคุณยายกับคุณตาไปกินมื้อเย็นที่บ้านด้วย เพราะทำกับข้าวเผื่อไว้เยอะแยะแล้ว”
คุณยายวันขมวดคิ้วด้วยความสงสัยรอบสอง
“อ้าว! ไม่สบาย แล้วยังไงมีกระจิตกระใจทำกับข้าวอีกนะ ยังไงกันลูกคนนี้”
ปราณปริยาวดีเองก็เดาไม่ออก
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะคุณยาย”
“งั้นหนึ่งก็รีบกลับไปดูแม่ก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวเสร็จงานแล้วตากับยายจะตามไป”
“ค่ะคุณยาย”
ปราณปริยาวดีรีบหิ้วกระเป๋าไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปเรียกแท็กซี่หน้าปากซอย แทนการขึ้นรถเมล์เหมือนทุกวัน เพราะความเป็นห่วงแม่ และเมื่อถึงบ้านก็เห็นกอบยืนรอและทำหน้าเศร้าอยู่หน้าประตูแล้ว
พร้อมกับส่งสัญญาณให้รู้ว่าแม่นอนอยู่บนห้อง ลูกตกใจไม่น้อยที่เห็นใบหน้าแม่ซีดเซียว ผิดจากเมื่อเช้าก่อนจะออกจากบ้านมาก จึงรีบตรงดิ่งเข้าไปหาเพื่อถามอาการ
“อะไรนะคะคุณแม่! มะเร็งเหรอคะ! ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ล่ะคะ” หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความตกใจกับคำบอกของแม่
“มันก็ยังเป็นช่วงเริ่มต้นน่ะจ้ะหนึ่ง โชคดีที่หมอตรวจเจอ จะได้หาทางรักษา”
แม้คนพูดจะยิ้ม แต่น้ำตาก็ไหลออกมาอาบสองแก้ม
“คุณแม่!”
จนลูกสงสารจับใจต้องรีบกอดแม่ไว้ด้วยความรัก
“อย่าร้องไห้สิจ๊ะหนึ่ง แม่ยังไม่ตายสักหน่อย เดี๋ยวหมอก็รักษาแม่ได้ หรือถ้าจะตายแม่ก็จะยังไม่ตายตอนนี้หรอกจ้ะ แม่จะต้องส่งลูกสาวของแม่ให้เป็นสุข อยู่สบายไม่ลำบากก่อน เพราะแม่รักและห่วงหนึ่งคนเดียวเท่านั้น”
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงหนึ่งนะคะ หนึ่งดูแลตัวเองได้ คุณแม่ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้มากๆ ทำตามที่หมอบอกอย่างเคร่งคัด อย่ากินของแสลงอะไร...”
และอีกสารพัดคำบอกที่ลูกพอจะคิดออกมาได้ในตอนนี้ ยังผลให้แม่รู้สึกผิดไม่น้อยที่ต้องวางแผนแช่งตัวเอง แต่ทั้งหมดก็เพื่อลูก เพื่อหน้าตา เพื่อศักดิ์ศรีทั้นนั้น
“คุณคะมีโทรศัพท์จากคุณพาทิศบอกว่าจะมาขอพบค่ะ เห็นมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยตอนนี้รอคำตอบอยู่ คุณจะลงไปรับไหวหรือเปล่าคะ หรือจะให้กอบไปบอกว่าคุณไม่สบาย”
กอบเข้ามาบอกถึงในห้องทำเอาสองแม่ลูกงงไปตามๆ กัน
“พาทิศไหนล่ะกอบ ฉันรู้จักหรือเปล่า”
และผู้แม่ก็เสแสร้งได้แนบเนียน จนลูกสาวเชื่อสนิทใจ
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เห็นบอกชื่อแค่นี้ ว่ามีเรื่องสำคัญจะคุย และต้องมาคุยที่บ้านให้ได้ จะถึงอีกสองชั่วโมงค่ะ ถ้าคุณตกลงให้มาพบได้”
ปานแสดงละครอย่างแนบเนียน จนลูกมัวกังวลอยู่กับอาการแม่ตามไม่ทัน
“เหรอ! งั้นก็ไปบอกเขาเถอะว่าให้มาตามเวลาที่บอก อีกสองชั่วโมงฉันจะได้นอนพักผ่อนก่อนหน่อย”
“ใครกันคะคุณแม่ หนึ่งไม่เห็นเคยได้ยินชื่อนี้เลย” ลูกสาวหันไปถามแม่เมื่อกอบออกไปแล้ว
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เดี๋ยวก็คงจะรู้ล่ะ งั้นหนึ่งช่วยไปหาอะไรไว้ต้อนรับแขกให้แม่หน่อยนะ หรือไม่ก็ไปดูในครัวทีว่าขาดเหลืออะไรบ้าง จะได้ออกไปซื้อ ให้กอบอยู่คอยช่วยแม่ต้อนรับแขก เดี๋ยวเย็นนี้คุณพ่อก็จะมากินด้วย แม่ขอนอนพักเอาแรงสักชั่วโมงก่อนถึงจะลุกเตรียมตัว”