เกมวิวาห์ เดิมพันรัก Betting on Love
ตอนที่ 7.
“ยังไงกับข้าวที่บ้านก็ชนะเลิศ”
“เพราะของฟรีไม่ต้องเสียเงินล่ะซิ”
“โธ่ พี่ปันปัน ถ้าพี่ไม่เอาของกินมาส่งผมถึงที่หอ ผมจะได้กินกับข้าวฝีมือแม่แบบนี้นะเหรอ”
‘ศตพร’ หรือ ‘ตงตง’ น้องชายของพรนับพันที่เวลานี้เป็นนักศึกษาแพทย์ปีสอง เขาอยู่หอพักของมหาวิทยาลัย ถ้าไม่มีวันหยุดยาวก็ไม่ได้กลับบ้าน แต่พรนับพันหรือไม่ก็มารดาของเขาจะนำขนมของกินมาส่งให้อยู่เสมอ เช่นเดียวกับวันนี้ที่พี่สาวหอบหิ้วเสบียงอาหารมาส่งน้องชาย
“เรียนเป็นไงบ้าง”
“ปีสองเองยังสบายดีอยู่” ศตพรพูดพลางเปิดกล่องอาหารดู มีของแห้งและผลไม้มากพอจะแบ่งปันรูมเมทของเขาด้วย
“ดีแล้ว” พรนับพรมองน้องชาย ถ้าตงตงรู้ว่าครอบครัวลำบาก เขาคงยอมลาออกเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายแน่ๆ ทั้งเธอและน้องเรียนด้วยทุนครอบครัวไม่ได้กู้เงินเรียนและไม่ได้ขอทุนการศึกษา การเรียนของน้องไม่แย่เรื่องขอทุนคงทำได้แต่คงไม่มีสมาธิเรียนแน่
“พี่ปันปันมีอะไรหรือเปล่า หรือที่บ้านมีเรื่องอะไร”
“เอ๊ะ ทำไมถามแบบนี้ล่ะ”
“พี่ดูหน้าเครียดๆ”
“จริงเหรอ ทำไมพี่ไม่เห็นรู้เลย”
ศตพรส่ายหน้าไปมาแล้วใช้นิ้วจิ้มที่กึ่งกลางหน้าผากของพี่สาว “เวลาพี่ปันปันเครียดชอบขมวดคิ้วจนพันกันยุ่งเหยิงแบบนี้ไง”
“ไม่มีอะไรหรอก” เธอหัวเราะแล้วปัดมือน้องชายออก “ตั้งใจเรียนก็พอแล้ว”
“พูดเหมือนแม่เข้าไปทุกวัน” ศตพรหัวเราะ “พี่ต้องหาแฟนได้แล้วนะ จะได้ไม่ต้องมาสนใจผมนัก” “เอ๋ นี่หาว่าพี่ยุ่งเรื่องของนายหรือไง”
“ผมโตแล้วนะ พี่กับแม่แค่เอาเสบียงมาส่งก็พอแล้ว ว่าแต่รอบหน้าขอคุ้กกี้เพิ่มนะครับ เพื่อนแย่งกินตลอดเลย”
“ถ้าพี่มีแฟนหรือแต่งงานไปอยู่ไกลๆล่ะ”
“ผมก็ต้องดีใจกับพี่สิ เดี๋ยวนี้มีทั้งโทรศัพท์ วิดีโอคอล ไม่ได้ติดต่อยากเสียหน่อยหรือว่าไปอยู่ไกลคนละทวีปล่ะ แต่ที่แน่ๆ พี่มีคนจะแต่งด้วยแล้วเหรอ”
“หน้าตาพี่ขี้เหร่ขนาดนายไม่คิดว่าพี่จะมีแฟนหรือไง”
“เปล่า” เขาหัวเราะเสียงดังก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พี่จะแต่งหรือไม่แต่งก็ไม่สำคัญ ถ้าพี่จะอยู่เป็นโสดผมก็จะดูแลพี่เองยังไงพี่ปันปันก็เป็นพี่สาวผมไปชั่วชีวิต”
“พูดแบบนี้พี่ซึ้งเลยนะเนี้ย”
“อ้าว พูดจริงจากใจเลยนะ”
“จ้าๆ พี่เชื่อ เอาล่ะ พี่ปฏิบัติภารกิจสำเร็จแล้ว กลับก่อนนะ”
“ครับพี่ กลับบ้านดีๆล่ะ”
พรนับพันยิ้มลาน้องชายแล้ว ศตพรเดินลงมาส่งพี่สาวที่ชั้นล่างของหอพัก เขาเห็นธารณ์นั่งรออยู่ที่โต๊ะม้าหินก็ยกมือไหว้
“สวัสดีครับพี่ธารณ์ ไม่รู้ว่าพี่มาด้วยเลยคุยกับพี่ปันปันนานไปหน่อย”
“ไม่นานหรอกครับ” ธารณ์ที่วันนี้อาสาเป็นคนขับรถให้พรนับพัน
“ฝากขอบคุณป้าฉลวยด้วยนะครับ หมูแดดเดียวชนะเลิศ”
ทั้งสามประสานเสียงหัวเราะแล้วลากันอีกครั้ง ธารณ์เดินมาเปิดประตูรถให้พรนับพันขึ้นไปนั่งแล้วรีบเดินมาฝั่งคนขับเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับบ้าน
“คุณปันปันอยากไปที่ไหนอีกไหมครับ” เขาถามด้วยความเคยชินขณะรถเคลื่อนออกมาสู่ถนนใหญ่แล้ว
“อยากไปดูโรงงานค่ะ เราแวะดูโรงงานก่อนกลับบ้านได้ไหมคะ”
“ได้สิครับ” น้ำเสียงเหมือนอ่อนแรงของหญิงสาวทำให้ธารณ์เป็นห่วง เธอชอบมาดูโรงงานตั้งแต่ที่ตรงนี้เป็นที่ดินว่างเปล่าจนทุกวันนี้มีโรงงานผลิตยาสมุนไพรที่รอเปิดสายพานการผลิต ทุกครั้งเขาจะเห็นแววตาตื่นเต้นดีใจของเธอเสมอ แต่ครั้งนี้มันมีความเศร้าฉาบที่ดวงตาคู่นั้น
เมื่อรถมาถึง พรนับพันให้ธารณ์จอดรถด้านนอก เธอมองโรงงานของครอบครัวจากด้านนอก กระจกรถเลื่อนลงเพื่อมองได้ชัดขึ้น หญิงสาวคิดถึงเรื่องที่คุยกับปู่และพ่อเมื่อคืนนี้
‘ปันปันตัดสินใจแล้วค่ะ ปันปันจะลองไปเจรจากับคุณปู่หลิวดูก่อน ไปเจอผู้ชายคนนั้นสักครั้ง’
‘ก็ดี ความสุขชั่วชีวิตของหลาน หลานตัดสินใจเถอะ’ ปู่ถอนหายใจโล่งอกเพราะอย่างน้อยหลานสาวก็ไม่ได้ทิ้งขอเสนอของฝ่ายชาย
‘ปันไม่ต้องแต่งงานก็ได้นะลูก’ พ่อเริ่มลังเล พอคิดว่าลูกสาวที่รักดั่งแก้วตาดวงใจต้องไปอยู่ไกลตาแถมเป็นการแต่งงานด้วยเงื่อนไข ก็กลัวว่าลูกสาวจะถูกคนอื่นรังแกเอาได้ เขาเลี้ยงลูกทะนุถนอมในอุ้งมือจะให้คนอื่นมาทำร้ายได้อย่างไร ส่วนเรื่องโรงงาน ถ้ามันถึงที่สุดก็คงต้อง...
‘ถ้าแต่งงานโดยไม่เคยเจอหน้าหรือรู้จักกันเลยคงไม่ดีนัก แต่ถ้าได้เจอตัวเป็นๆ ลองดูท่าทีของฝ่านนั้น ถ้า...ถ้าเขาไม่เลวร้ายจนเกินไป ปันปันก็จะแต่งงานกับเขาค่ะ’
หญิงสาวถอนหายใจ เธอตัดสินใจแล้ว ทำเอกสารลาออกจากงานจัดการเรื่องงานที่คั่งค้างและส่งตารางนัดหมายคนไข้ให้แพทย์คนอื่นช่วยรับช่วงต่อ เธอลาออกกะทันหันทำเอาอาจารย์หมอถึงกับตกใจมากเพราะไม่มีวี่แววว่าเธอจะลาออก
‘ถ้าบอกว่าลาออกไปแต่งงานจะหัวเราะไหมคะ’ เธอยิ้มทะเล้นเหมือนพูดเล่นแบบที่เธอชอบทำ
‘จริงรึ’ อาจารย์หมอถามอย่างไม่เชื่อนัก เพราะไม่เคยเห็นว่าที่สามีของพรนับพันเลย แม้รู้ดีว่าเป็นเรื่องส่วนตัวแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้
‘ปันปันจะไปช่วยกิจการของครอบครัวค่ะ’
‘อ้อ เรื่องกิจการของที่บ้านเหรอ ก็ไม่น่าแปลกใจ เธอเองก็เป็นทายาทของตระกูลศุขไสยาศน์ หมอยาพื้นบ้านที่ได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียง’
‘ค่ะ’
เอกสารลาออกของเธอจึงเรียบร้อยด้วยดี เพื่อนร่วมงานประหลาดใจไม่น้อย แต่เธอไม่ได้บอกใครเรื่องแต่งงาน เธอเองก็ไม่มั่นใจกับการแต่งงานครั้งนี้นัก เก็บให้เรื่องมันเงียบที่สุดน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าให้คนอื่นรู้ว่าเธอแต่งงาน
คนที่เศร้าจนแสดงออกชัดเจนก็คือแม่ของเธอเอง แม่คงอยากปกป้องเธอสุดกำลังแต่จนใจที่ติดปัญหาเรื่องเงิน พรนับพันไม่ดูรูปหรืออ่านประวัติของผู้ชายคนนั้น เธอตั้งใจจะเดินทางไปพบเขาเอง ด้วยความสัมพันธ์อันดีของปู่หลิวกับปู่ทองอิน ครอบครัวทางนั้นคงไม่มีใครกล้ารังแกเธอแน่ ถ้าได้เจอกับผู้ชายคนนั้น...อาจตกลงเงื่อนไขการแต่งงานกันได้ เฮ้อ เธอถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน เหมือนเตรียมตัวไปเจรจาธุรกิจ ไม่ใช่ไปดูตัวว่าที่สามีเลยสักนิด
“พี่ธารณ์ค่ะ กลับกันเถอะค่ะ” เจ้าของดวงตาคู่สวยเอ่ยขึ้นแล้วหันไปยิ้มให้เขา “ถ้าปันปันไม่อยู่ที่นี่ ฝากพี่ธารณ์ดูแลทุกคนและโรงงานแทนปันปันด้วยนะคะ”
“คุณปันปันจะไปไหนครับ” ธารณ์งุนงงกับคำพูดแปลกๆของเธอ แต่ก็สตาร์ทรถตามสั่งทันที
“ไปเจรจาธุรกิจค่ะ”
หญิงสาวหัวเราะเสียงใส ใช่สิ การแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรักและเต็มไปด้วยเงื่อนไขการเงินแบบนี้เรียกว่าเป็น ‘ธุรกิจ’ ก็เหมาะสมแล้ว เอาล่ะ ได้เวลาจัดกระเป๋าเดินทางไปเจอว่าที่สามีแล้ว