เริ่มต้น
หญิงสาวรูปร่างเพรียวบางในชุดเดรสเรียบร้อยแบบสุภาพ แต่เพราะความน่ารักสดใสของเจ้าของความสูง 155 เซนติเมตรทำให้เธอดูน่ารักน่าทะนุถนอม ใบหน้าหวานแต้มแต่งเครื่องสำอางแต่พอดีไม่จัดจ้านเกินไปอวดผิวพรรณเปล่งปลั่งและแก้มที่ฝาดสีเลือด ริมฝีปากอิ่มเคลือบลิปสติกสีส้มอมชมพูขับเน้นให้รูปปากสวยน่าหลงใหล ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าดูราวกับเด็กสาววัยไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ ทั้งที่ปีนี้เธออายุยี่สิบสี่แล้ว
‘พรนับพัน’ คือชื่อของหญิงสาวดวงตาพราวระยับ ลูกสาวคนเดียวของคุณฐากูรและคุณนับดาว เป็นทายาทรุ่นที่สามของตระกูลศุขไสยาศน์ น้องชายของเธอชื่อ ‘ศตพร’ หรือ ‘ตงตง’ อายุยี่สิบปี พรนับพันเรียนจบแพทย์แผนไทยประยุกต์ ส่วนน้องชายสอบเข้าเรียนแพทย์แผนปัจจุบัน เธอเติบโตมากับครอบครัวที่เป็นหมอพื้นบ้านเมื่อถึงรุ่นพ่อได้พัฒนาสูตรยาสมุนไพรในรูปแบบทันสมัย ปัจจุบันมีโรงงานผลิตยาสมุนไพรไทยและวางแผนขายสินค้าในต่างประเทศ เรียกว่าเป็นครอบครัวหมอก็ไม่ผิดนัก
“อยากเป็นสาวโรงงานไหม” คุณฐากูรหยอกลูกสาวคนโต แต่หญิงสาวหันมาพร้อมพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
“พ่อจะให้ปันปันทำตำแหน่งไหนดีคะ”
“เป็นลูกสาวพ่อทั้งที ก็ต้องเป็นเจ้าของโรงงานสิ”
“คุณปู่มาเห็นต้องดีใจแน่ๆค่ะ”
ดวงตากลมโตจ้องมองเบื้องหน้าอย่างตื่นเต้น อีกไม่นานสายพานการผลิตจะเริ่มต้น ตั้งแต่เธอจำความได้ก็ได้ยินคุณปู่ทองอินพูดถึงยาสมุนไพรไทย คอยสอนให้เธอรู้จักตำรับยาต่างๆ ปลูกฝังให้เธอรักด้านนี้อย่างไม่รู้ตัว จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เธอมุ่งมั่นเรียนสายวิทย์ สอบเข้าคณะแพทย์ แต่ที่หลายคนบ่นเสียดายเพราะเธอเลือกเรียนแพทย์แผนไทยประยุกต์ แต่เธอก็ไม่ได้ใส่เพราะความฝันของเธอคือสืบทอดความฝันของคุณปู่ ไม่หรอก มันไม่ใช่แค่ความฝันของปู่แต่เป็นความฝันของเธอด้วย
“โรงงานจะเปิดได้เมื่อไหร่คะพ่อ” พรนับพันถามแล้วคล้องแขนบิดา สายตาเธอมองเพียงเบื้องหน้าโรงงานผลิตยาสมุนไพรจึงไม่ทันเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของพ่อ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองพ่อ อีกฝ่ายก็ยิ้มให้
“อีกสามเดือน แต่เราจะมีทดลองก่อนเปิดจริง”
“ตื่นเต้นจังคะ ปันปันเห็นที่นี่ตั้งแต่ยังเป็นที่ดินว่างๆอยู่เลย”
พ่อเป็นคนบุกเบิกที่นี่ เดิมที่เป็นที่สวนของคุณย่าหลังจากคุณย่าเสียก็แบ่งสมบัติให้ลูกๆ อย่างเท่าเทียม ฐากูรลูกชายคนโตได้ที่ดิน 6 ไร่นี่มาครอบครอง เก็บเงินอยู่นานค่อยๆ ทำไปที่ละนิดละหน่อย หวังจะตั้งโรงงานของตัวเอง ไม่อยากพึ่งพาโรงงานคนอื่น ได้เป็นตัวของตัวเองเป็นเจ้าของกิจการของตัวเองอย่างแท้จริง หลุดพ้นจากคำดูแคลนว่าเป็นแค่หมอยาพื้นบ้าน พรนับพันไม่รู้ความคิดของพ่อ เธอเพียงอยากทำตามความฝันของปู่ทองอินที่เธอเคารพรัก โดยปกติพรนับพันทำงานที่โรงพยาบาลรัฐแผนกแผนไทยประยุกต์ หลายคนไม่เช้าใจ คิดว่างานของเธอคืองาน ‘นวด’ อย่างเดียว แต่ความจริงเธอสามารถรักษาโรคพื้นฐานได้ และความจริงพรนับพันมีแผนศึกษาต่อในระดับปริญญาโท เธอสนใจค้นคว้าเรื่องยาสมุนไพรมาก โดยเฉพาะการผลิตยาสมุนไพรซึ่งตอนนี้เป็นที่สนใจของต่างชาติ และเธอต้องการให้คนอื่นรู้ว่าแพทย์แผนไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าแพทย์แผนปัจจุบันเลย บางคนยังเข้าใจผิดว่าเป็นยาผีบอกด้วยซ้ำ
“พ่อคะ เข้าไปดูข้างในได้ไหม”
“ได้ซิ” พ่อพยักหน้ารับ
“คราวหน้าเรามาพร้อมกันทั้งครอบครัวเลยนะคะ” พรนับพันเสนอ
“ตงตงขึ้นปีสองแล้ว คงไม่ได้กลับบ้านบ่อยๆ แบบเมื่อก่อน”
“นั้นสิ กลับมาบ้านอีกทีได้พาไปตัดแว่นตาใหม่แน่ๆ” พรนับพันหัวเราะร่า เธอภูมิใจในตัวน้องชายมาก ครอบครัวของเธอไม่เคยกดดันเรื่องการเรียนหรือบังคับหรือเรียนอะไร ต้องจบมาเป็นอะไร พวกท่านให้อิสระเต็มที่ แต่สองคนพี่น้องก็ได้รับอิทธิพลจากคุณปู่
“รอบๆ นี้เราปลูกต้นไม้เยอะๆ หน่อย ให้ร่มรื่นและเป็นที่พักผ่อนของพนักงาน ตรงนั้นที่เป็นที่จอดรถก็เอาต้นไม้มาลง ปันปันว่าเราเอาพวกต้นไม้กินได้ดีไหมคะ มะม่วงมะยมอะไรพวนี้ ถ้ามีลูกจะได้เก็บกินได้”
“ตามใจปันปันเลย ยังไงลูกก็เป็นเจ้าของโรงงานนี้ด้วย”
“ถ้าตงตงได้ยินน้อยใจแย่นะคะ” เธอหัวเราะ ครอบครัวเธอสนิทสนมกันดี พูดจาหยอกล้อกันได้ ไม่เหมือนบางครอบครัวที่เธอเคยเจอที่กดดันจนชวนอึดอัด
“เข้าไปดูข้างในกันค่ะ เสร็จจากที่นี่”
หญิงสาวกึ่งลากกึ่งจูงบิดาเข้าไปด้านใน ร่างสองคนพ่อลูกเข้าไปในโรงงานโดยไม่รู้ว่าถูกแอบบันทึกภาพเก็บไว้ทั้งหมด โดยเฉพาะรูปของพรนับพัน ชายลึกลับที่นั่งในรถเก๋งจัดการส่งรูปไปทางสมาร์ทโฟน แล้วหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มไม่กี่นาทีต่อมาโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“ครับบอส” เขาตอบรับปลายสายและรอรับคำสั่ง ดวงตาฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ตอบรับคำสั่ง
“รับทราบครับบอส ผมจะอยู่ที่นี่ตามที่บอสสั่งครับ”
ปลายสายตัดสัญญาณไปแล้ว นักสืบหนุ่มจึงกล้าถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาดูรูปที่ถ่ายเก็บไว้ตามที่ได้รับหน้าที่มาแอบสืบเรื่องราวของ ‘พรนับพัน’ ว่าที่นายหญิงคนใหม่ของตระกูลหลิว งานนี้เหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่เพราะไม่รู้ว่าเจ้านายคิดอะไรอยู่ แต่ดูท่าทางคงถูกใจว่าหญิงสาวคนนั้นอยู่ไม่น้อย ไม่มีใครต้านทานรอยยิ้มสดใสและแววตากระจ่างคู่นั้นได้หรอก โดยเฉพาะท่าทางร่าเริงนั้น แต่ไม่รู้ว่า..ถ้าเข้าไปอยู่ในบ้านสกุลหลิวแล้วจะช่วยให้บ้านที่เหมือนต้องสาปกลับมาสว่างไสวได้หรือไม่ หรือถูกความดำมืดดูดกลืนจนไม่เหลือความสดใส
เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างไม่อาจทำอะไรได้ดีไปกว่านี้