~ Chapter 1~
จุดเริ่มต้น
ก่อนหน้านี้ หนึ่งอาทิตย์...
-เพียงฝัน-
ฉันไม่รู้ว่าทุกคนชอบเหมือนฉันไหม ฉันชอบอากาศร้อนของประเทศไทย หม่ามี๊บอกว่าถ้าฉันได้มาอยู่ที่นี่ฉันจะต้องถอนคำพูด ซึ่งฉันก็มาอยู่ประเทศไทยได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว แต่ยังไม่รู้สึกเหมือนที่มี๊พูดเลย
ปกติฉันอาศัยอยู่อิตาลีน่ะ ก็เลยได้สัมผัสแต่อากาศหนาว พอมาอยู่ที่นี่ฉันก็เลยรู้สึกชอบ เพราะมันไม่หนาวเหน็บ แถมยังได้เปิดหูเปิดตาด้วย
“พี่วิลล์คะ พี่จะไปนานไหมคะ” ฉันเอ่ยถามผู้ชายที่กำลังขับรถอยู่ เขาไม่ใช่พี่ชายฉันหรอก ยังไงดีล่ะ คือแด๊ดดี๊ พ่อของฉันน่ะเป็นเพื่อนกับน้องของพ่อพี่วิลล์ เราก็เลยรู้จักกัน แต่ไม่ได้สนิทหรอกนะ
“ไม่รู้สิ ถ้าอยากกลับก็โทรมาหาละกัน พี่จะรีบกลับให้” ฉันพยักหน้ารับเล็กน้อย เมื่อเช้าฉันมามหาลัยกับพี่วิลล์ พอดีฉันอยากมาดูน่ะว่าที่นี่เขาเรียนกันยังไงก็เลยขอมาเรียนด้วย แต่อยู่ ๆ พี่เขาก็บอกว่ามีธุระจะไปทำ ทำให้ตอนนี้พี่วิลล์กำลังพาฉันไปที่บ้านพักของเขา เพื่อจะให้ฉันรู้จักกับเพื่อนของเขา และฝากฉันไว้ที่บ้านพักก่อน
“พี่ไม่มั่นใจว่าจะมีคนอยู่บ้านไหม ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย แต่มีผู้หญิงด้วยนะ ไม่ต้องห่วง” ฉันไม่ได้กังวลเรื่องเพื่อนของเขาหรอก ชีวิตของฉันเกิดมาก็ล้อมรอบไปด้วยผู้ชายอยู่แล้ว ซึ่งฉันก็เฉย ๆ มากกว่า
“ค่ะ” ฉันพยักหน้าเข้าใจ แอบเกรงใจพี่เขาหน่อย ๆ ที่ต้องมาดูแลฉัน จริง ๆ มันไม่ใช่หน้าที่ของพี่วิลล์เลย แต่มันเป็นหน้าที่ของเพื่อนฉันอีกคนที่เป็นน้องพี่วิลล์ แต่อิทธ์ไม่รู้หายไปไหนเห็นพี่วิลล์บอกว่าอิทธ์หนีออกจากบ้าน อ้อ ลืมบอกไปว่าฉันย้ายมาอยู่ที่บ้านของพี่วิลล์ ซึ่งก็คือบ้านอิทธ์นั่นแหละ
“ว่าแต่พี่วิลล์อย่าลืมบอกคุณอาเรื่อง...เอ่อ คอนโดนะคะ”
“ครับ ไม่ลืมหรอก” ฉันหันหน้าไปยิ้มให้พี่เขา พี่วิลล์หล่อมากแถมยังใจดี อบอุ่นมาก นั่งอยู่ข้าง ๆ เหมือนนั่งผิงไฟในฤดูหนาวเลย เมื่อกี้ฉันพูดถึงเรื่องคอนโด ฉันกะว่าจะย้ายออกจากบ้านพี่วิลล์ เพราะฉันรู้สึกเหงา และอึดอัดที่บ้านมีแต่ผู้ใหญ่ ซึ่งพี่วิลล์ก็พักอยู่บ้านพัก ส่วนอิทธ์ก็อันตรธานหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดน่ะ
“อ๊ะ ถึงแล้วเหรอคะ” ฉันหันไปถามพี่วิลล์เมื่อเห็นว่าพี่เขาเลี้ยวรถเข้าบ้านหลังหนึ่ง มันไม่ใหญ่มากเหมือนกับคฤหาสน์ของพี่วิลล์ แต่เป็นบ้านที่ออกมาแบบมาให้ตกตะลึงจริง ๆ มันเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวยกสูงขึ้น มันดูเรียบ ๆ แต่กลับหรูมาก เอาเป็นว่าถ้าใครเห็นก็ต้องเหลียวมองและถามหานักออกแบบแน่ ๆ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“คือ อยู่ ๆ ก็รู้สึกเกร็งขึ้นมาอ่ะค่ะ” มันรู้สึกกลัวหน่อย ๆ กลัวว่าเพื่อนพี่วิลล์อาจจะไม่ชอบฉันก็ได้
“ไม่ต้องกลัวเลย จะมีคนคุยกับฝันหรือเปล่าพี่ยังไม่รู้เลย” ฉันอมยิ้มเล็กน้อยที่ได้ยินอย่างนั้น แสดงว่าเพื่อนพี่เขาน่าจะไม่ชอบวุ่นวายกับคนอื่น ฉันเปิดประตูรถคันหรูออกก่อนจะลงจากรถพร้อมกับเดินตามหลังพี่วิลล์เข้าไปในบ้านหลังนี้ แต่พอเปิดประตูบ้านเข้ามาเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้นทันที
“เหี้ยเอ้ย! กูบอกให้มึงไปทางนั้น”
“แล้วทำไมมึงไม่ไปเอง”
“ก็กูจะตายละ มึงดูเลือดกูด้วย”
“พอ เลิกเล่น!”
“ตายแล้วมาโทษกูทุกทีนะมึง” ฉันยืนกะพริบตาปริบ ๆ ให้กับสิ่งที่เห็น ซึ่งสภาพพวกเขาทำให้ฉันอึ้งหน่อย ๆ ก่อนที่ผู้ชายสองคนที่ยืนเถียงกันเมื่อสักครู่จะหันหน้ามาทางฉัน แต่ว่าเขาจะหันมามองฉันโดยทั้งตัวของพวกเขาใส่แค่บอกเซอร์ไม่ได้นะ ฉัน...กรี๊ดด ได้แต่กรีดร้องในใจ
“เหี้ยวิลล์ มึงมาเล่นกับกูดิ” เหมือนกับที่พี่วิลล์พูดเลย พวกพี่เขาไม่สนใจฉันเลยแฮะ มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งเขาหันไปพูดกับพี่วิลล์ที่ตอนนี้กำลังเดินหาอะไรอยู่ก็ไม่รู้
“อย่าไปเล่นกับมัน หัวร้อนสัส”
“หุบปากไปเลย กูไปชวนไอ้พอตก็ได้วะ” พี่ผู้ชายคนที่พูดเมื่อกี้ เขาเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นที่มีวิดีโอเกมเปิดอยู่ ก่อนที่พี่ผู้ชายอีกคนเขาจะนั่งลงโซฟาตัวยาวตรงเดิม
“พี่ พี่เห็นกระดาษงานผมปะ” ฉันงงเล็กน้อยที่พี่วิลล์ไม่สนใจจะแนะนำฉันให้ใครอย่างที่พี่เขาพูด แต่แล้ว
“มึงพาใครมาวะ แฟนมึง?”
“อ้อ รอให้ถามตั้งนาน” ฉันยิ้มให้พี่ผู้ชายคนนั้นที่หันมามองฉันหน้านิ่ง ๆ พอพี่วิลล์พูดอย่างนี้ก็หมายความว่าพี่เขาแค่รอให้ใครสักคนเอ่ยถามสินะ
“น้องผมเอง ที่เล่าให้ฟังว่าจะมาอยู่บ้านด้วย” ฉันยกมือไหว้พี่ผู้ชายคนนี้ เขาหน้าตาดีมาก แต่ดวงตาของเขาไม่ค่อยเห็นมิตรเลย ออกไปทางน่ากลัวหน่อย ๆ
“ฝัน นี่พี่น้ำเหนือนะ”
“หนูชื่อเพียงฝันนะคะ” ฉันพูดเสียงสั่นเล็กน้อย พี่เขามองฉันเหมือนจะเข้ามาต่อยเลยแฮะ
“ผมฝากน้องด้วยนะ ว่าจะออกไปธุระหน่อย แต่พี่ไม่เห็นงานผมจริงดิ กระดาษ A5 สีขาว”
“ไม่รู้ ไม่เห็น” พี่น้ำเหนือตอบเสียงเรียบ ๆ ซึ่งมันทำให้พี่วิลล์มีสีหน้าไม่ดีสักเท่าไร มันคงเป็นงานสำคัญที่พี่เขาจะทำมั้ง เห็นบอกว่าต้องทำโปรเจกต์ด้วย
“แล้วไอ้พี่โยไปไหน”
“ไปตายมั้ง” ฉันเผลอยกยิ้มออกมาเบา ๆ เมื่อได้ยินอย่างนั้น พี่น้ำเหนือคงหมายถึงพี่ผู้ชายคนเมื่อกี้มั้ง ดูท่าพี่เขาจะจริงจังกับเกมมาก พอแพ้แล้วก็พาลไปทั่ว
“เซ็งว่ะ ต้องมีใครเอาไปทำไรแน่ ๆ ผมวางไว้ที่โต๊ะตรงนั้นนะ ผมจำได้” พี่วิลล์เดินออกไปหางานของพี่เขาต่อ ส่วนฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรก็เลยเดินเข้าไปหมายจะไปนั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น แต่ทว่า
“อย่ามานั่งใกล้ฉัน” พี่น้ำเหนือกลับเบรกฉันซะงั้น เบรกซะหัวทิ่มเลย ฉันที่กำลังจะหย่อนสะโพกลงนั่งเป็นอันต้องยกขึ้นเหมือนเดิม ก่อนที่พี่ผู้ชายคนนั้นเขาจะเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง
“มาพอดีเลย เห็นกระดาษงานผมปะ”
“...กระดาษเอห้าสีขาว”
“อ้อ กูเอาไปรองเมล็ดทานตะวันละ”
“ห้ะ”
“มึงมาเล่นเกมกับกูหน่อยดิ” ดูเหมือนพี่เขาจะไม่สนใจพี่วิลล์เลย ซึ่งตอนนี้พี่วิลล์ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งให้กับสิ่งที่ได้ยิน
“เล่นกับผีน่ะสิ พี่แม่ง!”
“เอ้า กูนึกว่ามึงไม่เอาแล้ว มันแค่ดราฟงานไม่ใช่หรือไง”
“เห้อ พูดไปพี่ก็ไม่เก็ทหรอก”
“มึงโกรธกูเหรอ”
“เอ้อน่ะสิ”
“โทษที”
“อยากทุบหน้าพี่ชิบ!” ฉันได้แต่ยืนหน้าแห้งดูพวกพี่ ๆ เขาเถียงกัน จะนั่งก็ไม่ได้เพราะพี่น้ำเหนือไม่ให้นั่งใกล้เขา
“เห้อ~” พี่วิลล์ถอนหายใจเหมือนกับกำลังปลงกับชีวิต ก่อนที่เขาจะหันมาหาฉัน
“อยากกลับเลยไหม พี่ว่าอยู่นี่คงไม่โอเคแล้วใช่ไหม”
“อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันยังไม่อยากกลับ กลับบ้านหลังใหญ่ไปมีแต่ความอึดอัด ส่วนอยู่นี่ ฉันว่ามันก็อึดอัดนะ แต่ก็พออยู่ได้ปล่อยให้พี่วิลล์ไปทำธุระดีกว่า
“ฝันอยู่ได้ค่ะ”
“โอเค อ่ะนี่ คนนี้ชื่อวาโย ถ้าไม่จำเป็นอย่าคุยด้วยเพราะคุยไปก็ไม่รู้เรื่อง” น้ำเสียงแข็ง ๆ ของพี่วิลล์ทำให้พี่วาโยยักไหล่แล้วก็ทำหน้าทำตาล้อเลียน ซึ่งมันก็ตลกดีนะ
“พี่ไปก่อนนะ” ฉันพยักหน้ารับ ก่อนที่พี่เขาจะเดินออกไป ฉันรู้แค่ว่าพี่วิลล์ต้องส่งโปรเจกต์งานแต่ว่าเพื่อนที่ทำคู่กับพี่เขาไม่ค่อยเข้าเรียนพี่วิลล์เลยกะจะไปตาม
“ชื่อไรนะ” ฉันหันไปมองพี่วาโยที่นั่งลงโซฟาตัวเดียวกับพี่น้ำเหนือ และตอนนี้พี่น้ำเหนือก็กำลังนั่งมองมาที่ฉันเหมือนกัน
“เพียงฝันค่ะ” พี่เขาพยักหน้าเบา ๆ มันก็เลยทำให้ฉันยิ้มเจื่อน ๆ ทันที แต่ก็ดีแล้ว การมีผู้ชายหน้าตาดีแล้วถอดเสื้อเหลือแค่บอกเซอร์มาคุยด้วยแบบนี้ฉันก็เขินไปไม่เป็นน่ะสิ
“ฉันไม่ชอบมองหน้าผู้หญิงแบบเธอ”
“คะ?” อยู่ ๆ พี่น้ำเหนือก็พูดขึ้นมันทำให้ฉันยืนงงเป็นไก่ตาแตกเลย
“หึ มันคงเห็นเธอแล้วมันคิดถึงแฟนเก่ามัน เธอดูหงิม ๆ อ่อน ๆ เหมือนแฟนเก่ามันไง” ฉันอ้าปากเหวอเลยที่พี่วาโยพูดอย่างนี้ ฉันดูเป็นแบบนั้นเหรอ
“งั้นฝัน เอ่อ...ไปนั่งข้างนอกนะคะ” ฉันไม่รู้จะทำไง ก็พี่เขาพูดเหมือนกำลังไล่ฉันกลาย ๆ เลย
“เฮ้! แบบนั้นไอ้วิลล์ก็ด่าพี่สิ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ฉันกำลังจะหมุนตัวออกไป แต่ทว่า
“ไปนั่งเล่นในห้องของไอ้วิลล์ก็ได้ รีบไปเลยเดี๋ยวอยู่นานจะมีคนร้องไห้” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองพี่น้ำเหนือที่ตอนนี้เอนแผ่นหลังลงนอนที่โซฟาแล้ว ฉันไม่รู้ความสัมพันธ์ของพี่เขาหรอก แต่แววตาของพี่น้ำเหนือตอนที่มองฉันมันทำให้ฉันรู้สึกว่าพี่เขาคงเศร้ามาก
“แล้วห้องพี่วิลล์...เอ่อ”
“อ้อ เดินตรงไปเลี้ยวซ้าย แล้วตรงไปอีก ใกล้ ๆ ห้องที่เขียนว่าสกายแบรนด์” ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะยกมือไหว้พี่เขาแล้วเดินออกไปตามทางที่พี่วาโยพูด เหมือนอย่างพี่วิลล์บอกจริง ๆ ว่าไม่มีใครคุยกับฉันหรอก ว่าแต่ไหนบอกว่าบ้านมีผู้หญิงด้วย แต่ทำไมไม่เห็นเลย
“เห้อ~ สู้ ๆ เพียงฝัน” ฉันพึมพำกับตัวเองเมื่อฉันรู้สึกว่านิสัยของฉันเข้ากับคนอื่นได้ยาก ฉันจะต้องพิสูจน์ให้พ่อแม่รู้ว่าฉันสามารถใช้ชีวิตคนเดียวได้โดยไม่ต้องมีใครคอยดูแล ฉันจะทำให้ได้ ฮึบ!
กึก!
ฉันเดินไปหยุดอยู่ห้องที่เขียนไว้ว่าสกายแบรนด์ตามที่พี่วาโยบอก แต่ว่าห้องนี้มันดันอยู่ตรงกลางระหว่างสองห้องน่ะสิ
แล้วห้องไหนกันห้องพี่วิลล์
แต่ขวาร้ายซ้ายดีนะ แม่เคยบอกไว้
พรึ่บ!
“ห้องนี้แหละ” ฉันก็เลยตัดสินใจหันหน้าไปทางด้านซ้ายมือ ก่อนจะเดินไปเปิดประตู แล้วก็พบว่าไม่มีใครอยู่จริง ๆ ฉันก็เลยไปนั่งเล่นที่เตียงนอนของพี่วิลล์ แต่ทำไมห้องพี่วิลล์ถึงรกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอกของพี่เขาจังเลยนะ...