บทที่ 6
หัวใจที่โบยบิน
ถึงแม้จะเรียนเก่งขนาดไหนแต่พอถึงช่วงสอบ แทนไทก็ยังต้องอ่านหนังสืออยู่ดี เขาจะไม่ตั้งใจเลย หากนี่ไม่ใช่การสอบครั้งสุดท้ายในการเรียนระดับปริญญาตรี ทว่าตอนนี้เขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เมื่อมีผู้หญิงสองคนมาทะเลาะกันอยู่ข้างล่าง เขาลุกไปดูเป็นหนที่สาม และคิดว่าไม่ไหวแล้ว
เพล้ง!
แจกันใบหรูที่ตั้งอยู่ข้างบันไดกลายเป็นอาวุธทำร้ายฝ่ายตรงข้าม บิดาผู้มากวัยของเขาเข้าไปไกล่เกลี่ยแต่ไม่เป็นผล ท่านตกอยู่ท่ามกลางการยื้อยุดฉุดกระชากของนางยักษ์สองตนที่เอวบางร่างน้อยแต่มีแรงตบตีแย่งชิงชนิดไม่มีใครยอมใคร
กรี๊ดดด!!!
พอเสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครา แทนไทก็กลับเข้าไปในห้องแล้วกวาดสมุดหนังสือบนโต๊ะลงกระเป๋า ก่อนจะวิ่งลงบันไดมา
“ผมไปบ้านไอ้กร” ร้องบอกบิดาโดยไม่มองหน้า ผู้เป็นบิดาจะห้ามก็ไม่ทัน ด้วยว่ามือสองข้างยังถูกอีหนูเล็กๆ จับไว้ฝั่งละคนไม่ยอมปล่อยนั่นเอง
ไม่กี่นาทีให้หลัง สาวใช้ก็เดินนำแทนไทมายังโต๊ะอาหารของบ้านไกรวัลย์ ยุภาที่เอ็นดูแทนไทมาแต่เล็กแต่น้อย รีบขยับจานกับข้าวกับปลาให้หลานชาย ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาฝากท้องที่นี่ แต่บ่อยเสียจนจะกลายเป็นลูกชายของเธออีกคน
“ขอโทษที่มากวนนะครับ คือว่าที่บ้าน...”
“ชู่ว์...กินเถอะจ้ะ กินแล้วค่อยขึ้นไปอ่านหนังสือ จะได้พากันสอบให้ได้เกรดดีๆ ให้ได้เกียรตินิยมกันนะรู้ไหม”
เหมือนเป็นคำสั่งมากกว่าคำอวยพร หนุ่มสาวคิดเช่นนั้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง ต่างกินข้าวกินปลาอย่างอร่อย ระหว่างนั้นการแย่งน่องไก่อ้วนๆ ของยุริญดากับน้องชายก็เกิดขึ้นเฉกเช่นทุกวัน และโดยมากแล้ว คนที่พ่ายแพ้จะเป็นพี่สาวเสียมากกว่า และนั่นก็ทำให้เสียงหัวเราะดังขึ้นตามมา
แทนไทมองภาพครอบครัวอบอุ่นของบ้านไกรวัลย์แล้วสะเทือนใจ นานแล้วกระมังที่เขาได้นั่งร่วมโต๊ะมื้อค่ำกับบิดามารดา นานจนเขาลืมไปแล้วว่ามื้อสุดท้ายที่นั่งกินด้วยกัน เขากินข้าวหมดจานหรือไม่ หรือลุกหนีไปในตอนที่บิดามารดาเริ่มต้นปะทะคารมกัน มันนานมากแล้ว แต่เชื่อไหม ภาพการมีปากมีเสียงของพวกท่านยังแจ่มชัดในหัวอยู่เลย
“แม่พี่แวะมาเมื่อวันก่อน” ยุริญดาแอบกระซิบกับคนข้างๆ
“มาทำไม”
“เอาสินบนมาให้ กระเป๋าแบรนด์เนมใบละเป็นแสนๆ ที่แม่ฉันอ้าแขนรอรับ ไม่ต้องแปลกใจถ้าต่อจากนี้แม่ฉันจะรักพี่ยิ่งกว่าลูกสาวตัวเอง”
เขาทำหน้าไม่เชื่อในสิ่งที่ยุริญดาพูด เหลือบมองน้ายุภาก็เห็นอีกฝ่ายยังยิ้มให้กันเหมือนที่เป็นมา
“ป้ามัทจะพาพี่ไปอยู่อังกฤษด้วย”
“ฉันไม่ไป”
“จริงนะ”
“อือ...”
ยุริญดายิ้มหวานให้แทนไท ยกน่องไก่ที่น้องชายเมตตาแบ่งมาให้ ให้เป็นของกำนัลแก่คนที่บอกว่าจะไม่ไปเมืองนอก มันเป็นการแสดงความรักละนะ
“ฉันไม่ชอบไก่ทอด กินเยอะเสี่ยงโรคเกาต์”
“ตำราไหน ไม่จริง!”
“ก็...เขาว่ามา”
“กินๆ ไปเถอะน่า ถ้าป่วยขึ้นมาปวดขาเดินไม่ได้ เดี๋ยวฉันแบกพี่เอง”
แทนไททำหน้าประหลาด จ้องคนข้างๆ ที่กำลังยักคิ้วให้เขาอย่างทะเล้น ยุริญดายังแอบกระซิบกระซาบกับเขาอีกหลายความ จนบิดาหล่อนเห็นเข้าแล้วสั่งให้เลิกคุยกัน จะได้กินข้าวกินปลาให้เสร็จสิ้นเสียที
วันวานผ่านผันเหมือนดวงตะวันที่ขึ้นสลับกับดวงจันทร์ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนบัดนี้แทนไทและภากรก็ได้เรียนจบสมใจ
ภากรเข้าทำงานที่บริษัทของครอบครัวในระหว่างที่รอรับใบปริญญา เขาทำได้ดีเพราะก่อนจะเรียนจบก็ได้ศึกษางานไว้บ้างแล้ว ผิดกับแทนไทที่ทุกอย่างเหมือนเริ่มจากศูนย์ เขาพยายามเรียนรู้งานในบริษัทของบิดาบ้าง แต่สิ่งที่เรียนมากับงานจริงนั้น อาจเรียกได้ว่าช่างแตกต่าง เขาไม่มีประสบการณ์ และคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมสำหรับการทำงาน
ทุกวันเขาต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งรู้สึกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ ทว่าแม้ไม่ชอบใจแค่ไหนก็ไม่เคยปริปาก ด้วยรู้ว่าตัวเองเป็นลูกชายคนเดียวที่ต้องแบกรับบริษัทใหญ่โตนี้ไว้
เทวัฒน์กรุ๊ป จะต้องดำเนินต่อไปในอนาคตโดยมีเขาเป็นผู้นำ น่าหนักใจนะ ในเมื่อเขายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะทำมันได้ดีหรือเปล่า
พรุ่งนี้แทนไทไม่ได้เข้าบริษัท ด้วยว่าถึงเวลาแล้ว วันสำคัญของเขา วันรับปริญญา เขาคิดว่าตัวเองคงไม่ตื่นเต้นกับงานพิธีการอะไรแบบนี้ แต่ลึกๆ แล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายอย่างเขาจะเรียนจบแล้วจริงๆ เขาเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายพร้อมสรรพ พร้อมรายงานตัวในเช้าวันพรุ่งนี้ แต่บิดานี่สิ ห้าทุ่มแล้ว แต่ท่านยังไม่กลับมาบ้านเลย เขาแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านทราบล่วงหน้าแล้ว แต่อยากบอกท่านอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
ลูกชายคนเดียวของบ้านเทวัฒน์เฝ้ารอบิดาด้วยใจจดจ่อ และเมื่อนาฬิกาบอกเวลาใกล้เที่ยงคืน บิดาที่เคารพก็กลับมาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่พักนี้เขาค่อนข้างคุ้นหน้า เจ้าหล่อนไม่ใช่เด็กสาววัยขบเผาะ แต่อายุอานามไล่เลี่ยกับมารดาเขา ทั้งสองโอบประคองกันเข้ามาในบ้านด้วยอาการเซน้อยๆ ด้วยกันทั้งคู่
“อ้าว? เจ้าแทนแสนดีลูกชายผมนี่เอง! แทนแท้นแทน! แทนไทลูกชายสุดที่ร้ากกก...” ไตรทศ เทวัฒน์ ร้องเรียกลูกชายด้วยเสียงอ้อแอ้ พวงแก้มของหนุ่มใหญ่ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์สุรา คนที่มาด้วยกันทิ้งร่างเขาลงบนโซฟา ก่อนหย่อนกายลงไปบ้าง ใบหน้าสวยของอีกฝ่ายยังส่งยิ้มพร่ำเพรื่อให้แทนไท
“พรุ่งนี้พ่อจะไปงานไหม ถ้าไม่ไปผมจะได้ไม่ต้องรอ”
“ไปสิวะ! ไปสิ! ลูกรับปริญญาทั้งทีทำไมจะไม่ไป อ้อ...พรุ่งนี้ๆๆ พรุ่งนี้! พรุ่งนี้พ่อมีเรื่องจะบอกลูกด้วยน้า...”
“คุณไตร อย่าเพิ่งสิคะ ฉันยังไม่ได้รับปากเลยนะ”
สตรีที่บิดาพามาด้วย เอ่ยท้วงวาจาเขา แทนไทก็ชักงง
“อะไรครับ บอกอะไร”
“ไม่ๆๆ พรุ่งนี้ๆ พรุ่งค่อยบอก พรุ่งนี้ผมจะจัดเซอร์ไพรส์ให้คุณกับลูกชายผม แต่ตอนนี้ต้องไป...ไปนอนดีกว่า ง่วงมากเลย...อือ...”
ไตรทศร้องอืออา ยันกายขึ้นมาพร้อมกับสตรีในอ้อมแขน ก่อนจะพากันเดินขึ้นข้างบน
“พ่อ พรุ่งนี้ไปแน่ใช่ไหม อย่าสายนะ”
“ครับลูกชาย! รับทราบคร้าบบบ”
คนเป็นลูกส่ายหัวให้บิดาวัยเลยหนุ่ม อายุก็มากขึ้นทุกวัน ไม่รู้ว่าจะดื่มอะไรนักหนา หวังว่าพรุ่งนี้จะตื่นทันนะ ถ้าบอกว่าจะไปก็ต้องไปนะพ่อ ต้องไป!