ณ ลานกว้างหน้าตึกคณะบริหาร หลังพิธีรับมอบใบปริญญายุติลง นักศึกษามากมายกำลังสนุกอยู่กับการถ่ายภาพเป็นที่ระลึก บรรดาเพื่อนฝูงหรือแม้แต่ครอบครัวของเหล่านิสิตล้วนแล้วแต่มาเพื่อแสดงความยินดี
แทนไทแทบจะยืนเป็นหุ่นปั้นให้นิสิตสาวรุ่นน้อง ได้ถ่ายรูปกับเขาเป็นหนสุดท้าย จากคราแรกที่ฉีกยิ้มกว้างสุขใจ รอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆ ลดเลือน บิดาที่รับปากว่าจะมา ป่านนี้ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น มองไปยังลานน้ำพุหน้าตึกคณะ ยังเห็นเพื่อนรักถ่ายรูปอยู่กับครอบครัว ทุกคนมางานเพื่อร่วมยินดีกับภากร แต่กับเขานี่สิ ถ้าไม่มีรุ่นน้องคอยรุมล้อม เขา...ก็คงไม่มีใคร
“ไม่มาจริงๆ สินะ รับปากแล้วไม่มา ได้ยังไงกัน!” ถามตัวเองท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คน ทิ้งช่อดอกไม้ทั้งหลายลงบนโต๊ะตัวหนึ่ง แล้วบอกปัดเสียงห้วนเมื่อรุ่นน้องจะมาขอถ่ายรูปอีก เขาเหนื่อยแล้ว ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ยุริญดายังโบกไม้โบกมือเรียกเขาไปถ่ายรูปด้วยกัน เขาโบกมือกลับไปให้หล่อนราวกับรำคาญ แต่ใครเล่าจะรู้ เขาจะยืนอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร นั่นมัน...ช่วงเวลาของครอบครัวนี่นา
“แทน...นั่นแทนใช่ไหม แทน!?”
เสียงหนึ่งดังแทรกความวุ่นวายของผู้คน เขาแลหาต้นตอของเสียงนั้น แล้วสตรีที่โผล่ออกมาจากกลุ่มของนักศึกษาก็ทำให้เขาอึ้งจังงัง เจ้าตัวมิได้สวมใส่ชุดสวยงามอย่างที่เขาเจอครั้งสุดท้าย แต่สวมเพียงเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนง่ายๆ และแทบจะไม่ได้แต่งหน้าเลย แต่กระนั้นเขาก็รู้สึกดีนะ รู้สึกดีจริงๆ
“แทน...เอ่อ...ไม่เป็นไรใช่ไหม...ที่แม่มา”
เขาส่ายหน้าช้าๆ ในขณะที่มารดาเริ่มลูบเนื้อลูบตัว มือบางๆ คู่นี้ทำไมยังอุ่นไม่คลายนะ อุ่นไปถึงหัวใจเลย
“ลูกชายแม่หล่อจัง หล่อที่สุด” มัทรีชมเปาะ ลูบหัวลูบตัวลูกน้ำตาก็พานจะไหล ก่อนจะส่งค้อนให้เจ้าลูกชายไปหนหนึ่ง “ไม่เห็นบอกแม่เลยว่ารับวันนี้ แม่รู้เรื่องจากยุภาเมื่อวาน เกือบหาตั๋วเครื่องบินไม่ได้”
“นี่แม่...บินมาจากอังกฤษเหรอ”
“อือ...เพิ่งลงเครื่องเมื่อกี้ กระเป๋าเดินทางก็ไม่มี พอเลิกงานแม่ก็ขึ้นเครื่องมาเลย น้ำยังไม่ได้อาบด้วย” มัทรีพูดแล้วชักเขิน ก็บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาด้วยความรีบ กลัวมาไม่ทันนี่นา
“ดีใจด้วยนะลูกชายแม่ ลูก...เก่งที่สุดเลย” มัทรีฉวยโอกาสที่ลูกชายยังยืนนิ่ง เข้าโอบกอดเขาให้หายคิดถึง เขาโตขึ้นมาก ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นแขนขาเก้งก้างเช่นตอนที่เธอจากไป เขาโตมาอย่างดี เป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์หล่อเหลา และวันนี้เขาก็เรียนจบแล้ว โตเป็นผู้ใหญ่อีกขั้นแล้วสินะ
แทนไทจุกความจริงจนพูดไม่ออก ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่สวยจะไม่ออกจากบ้าน กลับมายืนอยู่ตรงนี้แล้วบอกว่ามาหาเขาแต่น้ำไม่ได้อาบ ขึ้นเครื่องมาหาเพราะรู้ว่าลูกชายรับปริญญา แต่กลับอีกคนที่เขาสั่งดิบดี กลับไม่มีวี่แววว่าจะมา และคงจะไม่มาจริงๆ
“ขอบคุณครับ...ที่มา” บอกคนที่เอาแต่ลูบหน้าลูบตาเขาไม่หยุด ดีจังที่ได้รู้สึกว่าเป็นคนสำคัญอีกครั้ง
“ไม่มาได้ยังไง ถึงลูก...ไม่ยอมบอกแม่ ถึงจะ...ไม่อยากให้มา แต่พอแม่รู้ แม่จะไม่มาได้ยังไง ลูกอาจจะโกรธแม่ในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่แม่ไม่ได้โกรธลูกนี่นา แม่ยังรักลูกชายของแม่เสมอ รักไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ”
แทนไททนไม่ไหวแล้ว เขายอมละทิ้งทิฐิแล้ววาดแขนโอบกอดมารดา กอดอีกฝ่ายไว้ด้วยความคิดถึงคะนึงหา หยดน้ำตาลูกผู้ชายแอบรินไหล แต่รีบเช็ดออกไปมิให้ใครได้จ้องมอง
ยุริญดามองจากจุดที่ยืนอยู่ ทันได้เห็นสองแม่ลูกกอดกัน เธอยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น ในที่สุดแม่ลูกก็ได้โอกาสปรับความเข้าใจ เธอเฝ้ารออยู่สักพัก ก่อนหาจังหวะโบกไม้โบกมือให้แทนไทมารวมกลุ่มถ่ายรูปด้วยกัน และคราวนี้แทนไทก็ยอมมา น้ามัทรีบินมาจากอังกฤษเพื่อลูกชาย ในขณะที่ลุงไตรนั้น แม้แต่เงาเธอก็ไม่เห็น บางอย่างกำลังจะเปลี่ยนสินะ เธอควรตั้งรับอย่างไรดี ความรู้สึกในอกนี้ เธอจะจัดการกับมันอย่างไร ไม่ใช่แค่วันสองวันที่ได้เห็นเขา ได้พูดคุย ได้สัมผัสเกินคำว่าชิดใกล้ แม้ความสัมพันธ์ยังไม่ถึงกับลึกซึ้งทางกาย แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าใจคงเจ็บปวด หากต้องจากลา...
สองครอบครัวนั่งรถตู้กลับไปด้วยกันหลังจากถ่ายรูปจนหนำใจ ทุกคนต่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเพราะต้องยืนอยู่กลางแดดเป็นชั่วโมงๆ บิดามารดาของเธอนั้น พอขึ้นรถมาโดนแอร์เย็นๆ ก็พากันผล็อยหลับ แต่บนรถยังแว่วเสียงเจ้าตัวแสบสไมล์คุยกับริษา และมีเสียงภากรแทรกขึ้นเป็นระยะ ป้ามัทรีเองก็หลับอุตุเพราะเพลียจากการเดินทาง
“ดีกันแล้วเหรอ” เธอถามคนข้างๆ แทนไทยักไหล่ก่อนตอบ
“เปล่า”
“อ้าว?”
“ก็...ฉันไม่ได้โกรธแม่ซะหน่อย ฉันเปล่า...”
ท่าทีอ้อมแอ้มตอบช่างน่าเอ็นดู แม่มางานรับปริญญา คงจะดีใจสินะ ยิ้มหน้าบานเลย
“พี่จะไปอยู่กับแม่หรือเปล่า”
“เคยถามแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็ถามอีก เผื่อเปลี่ยนใจ”
พอแทนไทนิ่งคิด ยุริญดาก็เริ่มหวั่นๆ
“อย่ามาไร้สาระนะยุ”
“ก็พี่ตอบไม่ตรงคำถาม”