“ไม่ว่างไง งานพี่เยอะ” ตอบแล้วยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบ เชอรี่หน้าเง้าหน้างอใส่เขา หล่อนนั่งลงแล้วเบียดร่างที่มีหน้าอกอุ่นๆ มาถูไถที่แขนใหญ่ซ้ำๆ ผู้ชายอ่านะ พอถูกยั่วเข้าหน่อยก็คล้ายว่าจะใจอ่อน เขาเผลอมองหน้าอกน้องเชอรี่ ไซซ์ที่เคยได้สัมผัสนั้นมันใหญ่จนล้นมือทีเดียว
“ไม่ใช่ว่ามีคนอื่นนะ เชอรี่งอนจริงๆ”
คนถูกถามไม่หือไม่อือ ผลักจานสลัดออกห่างเมื่อมันไร้ความอร่อย
ยุริญดาเองก็รวบช้อนเพราะอิ่มขึ้นมาดื้อๆ เชอรี่มองหล่อนด้วยดวงตาที่ไม่เป็นมิตรนัก
“พี่แทนมากับป้านี่ได้ไงคะ” เชอรี่พยักพเยิดใส่รุ่นพี่ปีสาม ปกติถ้าเห็นพี่ยุก็ต้องเห็นพี่กรด้วย แต่คราวนี้มีแค่สองคน เลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
“อะแฮ่ม! บังเอิญน่ะ บังเอิญ...” เขาตอบน้องปีหนึ่งแล้วเฝ้าดูว่าแม่ตัวแสบจะทำอย่างไร
“ไม่ใช่ว่าจะมาอ่อยเพื่อนพี่ชายใช่ไหม แหม...เนียนเชียวนะ”
แม่เชอรี่ปีหนึ่งเริ่มหาเรื่องใส่ตัว ไม่รู้ละนะ ของแบบนี้ต้องกันไว้ก่อน
ยุริญดาเม้มปากแน่น ก่อนจะยกแก้วน้ำปั่นขึ้นจิบสวยๆ ตายังมองน้องนักศึกษาผู้ปากหมาไม่รู้กาลเทศะ
“เชอรี่”
“อะไร?”
“ไม่เสือกสิคะ เชอรี่ไม่เสือกเรื่องพี่นะคะ”
ยุริญดาโต้คืนพร้อมรอยยิ้มหวาน เชอรี่หน้าเจื่อน ส่วนแทนไทอมยิ้ม
“พี่แทน! เพื่อนพี่ว่าเชอรี่ได้ยินไหมคะ”
แทนไทไม่หือไม่อือ เอาแต่นั่งอมยิ้มแล้วมองวงหน้าของยุริญดา หล่อนเองก็จ้องเขาอยู่ แต่ไม่รู้ว่าคิดอะไรกันแน่ ดวงตาคู่นั้นช่างอ่านยากเสียจริง
“เป็นรุ่นน้องต้องเคารพรุ่นพี่สิ นี่พี่นะคะไม่ใช่ป้า ทีหน้าน้องโบกแป้งหนาเป็นกิโลฯ พี่ยังไม่ทักไม่ท้วงเลย พี่มีมารยาทมากนะคะ!”
“นี่แก...แก!”
“ชู่ว์...ไม่ขึ้นเสียงใส่รุ่นพี่สิคะ เดี๋ยวโดนหมายหัวนะน้อง” สั่งสอนแล้วแสร้งยิ้มส่งให้ ก่อนจะหยิบเอาสายกระเป๋าขึ้นคล้องไหล่
“จะไปแล้วเหรอ” แทนไทถาม
“อือ...ก็อิ่มแล้วนี่ ไปกันเถอะค่ะ”
ยุริญดาทำทีชวนบุรุษคนเดียวที่นั่งอยู่ เชอรี่หูผึ่งทันใด
“จะไปไหนกัน”
“โรงแรมมั้ง”
แม่ตัวแสบของแทนไทโต้คืนน้องนักศึกษาแล้วก้าวออกจากโต๊ะ แทนไทแทบจะกระโดดตามไป แต่ติดที่ร่างเขาถูกเชอรี่เกาะอยู่ เขาสลัดหล่อนจนพ้นทาง เร่งฝีเท้าก้าวออกมาหน้าร้าน ทันได้จับแขนยุริญดาที่ยืนรอข้ามถนน
“เธอจะไปไหน”
“ไปห้องสมุด อ่านหนังสือรอเข้าเรียน”
“เอ้า? ไหนบอกจะไปโรงแรม”
“โรมแรมกะผีน่ะสิ ฉันล้อเล่น พี่ไปกะน้องเขาเถอะ ไปปลดปล่อยนะพี่นะจะได้ไม่อารมณ์ค้าง อย่าลืมซ้อนถุงยางด้วยล่ะ เห็นน้องเชอรี่แรดขนาดนั้นแล้วฉันเป็นห่วง” แนะนำเขาแล้วก็ยิ้ม
แทนไทกัดฟันกรอดๆ แม่คนนี้คุยดีด้วยไม่ได้ หักหลังกันตลอด ทำไมมาพูดให้อยากแล้วชิ่งหนี มันน่าจับตีก้นนัก
ยุริญดายิ้มขัน เห็นหน้าพี่แทนแล้วสมใจ คงอยากจะฟัดกับเธอยันเช้า รอไปก่อนนะคะคุณพี่
“เอ๊ะ? นั่น...ป้ามัทนี่นา” เธอทักขึ้นมาเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของถนน สตรีร่างสูงโปร่ง หน้าตาสะสวย เจ้าหล่อนกำลังเดินตรงมาทางนี้ คงไม่แปลกหากว่าอีกฝ่ายไม่เคยประกาศว่าจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ และคงไม่แปลก หากว่าคุณป้าคนสวยจะไม่ใช่มารดาของแทนไท เธอรีบยกมือไหว้เมื่ออีกฝ่ายข้ามถนนมา ส่วนคนที่ยืนข้างๆ นั้น ตัวแข็งเป็นหุ่นไปแล้ว
มัทรี มนวัตร สตรีวัยสี่สิบปลายๆ ยิ้มให้เด็กสาวที่เห็นมาแต่เล็กแต่น้อยเพราะบ้านอยู่ติดกัน ส่วนอีกคนนั้น หากไม่ติดว่าเขาโตแล้ว ก็อยากจะดึงเขามากอดแรงๆ
“ป้ามัท? มาเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
ยุริญดาถามอย่างตื่นตะลึง ก็นึกว่าอีกฝ่ายอยู่อังกฤษเสียอีก
“ไม่กี่วันก่อนน่ะ ป้ามาทำธุระแถวนี้ก็เลยแวะมาหา เผื่อว่าจะได้เจอลูกชาย แล้วก็ได้เจอจริงๆ หนูยุสบายดีใช่ไหมจ๊ะ”
“ค่ะ สบายดี ทุกคน...สบายดีมากๆ ป้ามัทละคะ”
“จ้ะ ป้าก็สบายดี แล้ว...”
มัทรีมองบุรุษตัวสูง ที่ใบหน้ามีเค้าของตัวเอง
“ฉันไปรอที่ห้องสมุดแล้วกัน”
แทนไทตัดบทแล้วจะชิ่ง แต่ถูกแม่ตัวแสบดึงแขนไว้
“พี่! อยู่ก่อนสิ จะไม่คุยกับป้ามัทหน่อยเหรอ” ยุริญดาท้วงถาม แต่อีกฝ่ายอึกอักอ้ำอึ้ง เธอเลยเป็นฝ่ายถอยออกมาให้แม่ลูกได้คุยกัน
มัทรีมองลูกชายคนเดียวอย่างพิจารณา เอื้อมมือไปหาหมายว่าจะแตะตัวสักนิด แต่ลูกชายกลับเบี่ยงกายหนี คนเป็นแม่ได้แต่ยิ้มอย่างขออภัย หยดน้ำใสรื้นขึ้นมาในดวงตาคู่งาม
“ขอโทษนะแทน แม่ขอโทษ”
“ผมไม่อยากได้ยินแล้ว กลับไปเถอะ”
แทนไทไม่ยอมมองหน้ามารดา การหย่าร้างระหว่างบุพการีเมื่อห้าปีก่อนทำให้เขาเสียศูนย์ไม่น้อย ตอนนี้เขาทำใจได้แล้ว เขาอยู่ได้โดยไม่ต้องมีพ่อหรือแม่ แค่มีเงินก็พอ
“อย่าไล่แม่เลย แม่...ตั้งใจมาหาลูกนะ”
คนเป็นลูกยิ้มเยาะเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“บ้านก็ยังอยู่ที่เดิม ไม่เห็นไปหาสักที”
“ก็รู้นี่นาว่าทำไมแม่ถึงไม่ไป เจอหน้าพ่อเราก็คงได้ทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้น” ปฏิเสธลูกด้วยความจริงที่ลูกย่อมรู้อยู่แก่ใจ ที่มานี่ ก็เพราะอยากจะคุยกับลูกตามลำพังโดยไม่มีสายตาของอดีตสามีคอยกวนใจ