“พอ...พอเถอะ ไม่งั้นฉันจะลากเธอลงใต้โต๊ะ เธอจะได้พิสูจน์ว่ารสชาติน้องจิหวานหอมพอหรือยัง”
“โอเค! ไม่กวนพี่ละ น้องจะกินให้เกลี้ยงเลย” พอถูกขู่ แม่ตัวแสบก็รีบทำตัวว่านอนสอนง่าย เธอกินทุกอย่างบนโต๊ะราวกับไม่ได้กินอาหารมาสามวัน แทนไทก็มองหล่อนกินเพลินไป ปากเล็กๆ นั่นอ้างับเอาของกินเคี้ยวตุ้ยๆ ไม่ห่วงสวยเลย
“กินอย่างกับหมู ผู้ชายที่ไหนจะมาชอบ”
ยุริญดายักไหล่ “ไม่สน มีพี่คนเดียวก็เหนื่อยพอแล้ว”
ตึกๆ ตึกๆ
อยู่ๆ หัวใจของแทนไทก็เต้นผิดจังหวะ หล่อนพูดบ้าอะไรละนั่น เขาไม่ได้จะคบกับหล่อนเสียหน่อย
“ฉันควรเว้นระยะใช่ไหม เธอจะได้ไม่เข้าใจผิด”
ยุริญดาทำตาโต ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อคำพูดเขานัก เธอยังกินไปเรื่อยๆ กินจนเกือบอิ่มถึงได้เขาใจในสิ่งที่เขาสื่อ
“อ้อ...นี่พี่แค่เล่นๆ กับฉันใช่ไหม”
“ก็...ทำนองนั้น เธอเห็นฉันคบใครเป็นแฟนเหรอ ฉันไม่ต้องการแฟนหรอก แฟนน่ะ ยุ่งยาก”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ ทำหน้าทำตาคล้ายเด็ก ม.ปลายที่กำลังทำความเข้าใจโจทย์เลข
“อืม...เข้าใจละ ไม่เป็นไร ฉันโอเค เล่นกับพี่ก็สนุกดี ไม่ผูกมัดด้วย” เธอยิ้มร่าราวกับเห็นเป็นเรื่องสนุก
แทนไทมองคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆ นี่ใช่แม่สาวน้อยที่เขาเห็นมาตั้งแต่เล็กๆ แน่หรือ หล่อนอยู่ข้างตัวเขาแท้ๆ ทำไมเขาไม่เคยมองเลยนะ ถ้ารู้ว่าใจถึงขนาดนี้ละก็ จัดการไปตั้งนานละ
“เธอนี่...ไม่เหมือนผู้หญิงคนไหนจริงๆ”
“แน่นอน ฉันสวยและรวยมาก ที่สำคัญฉันซิง!”
เธอย้ำคำนั้นแล้วยกแก้วน้ำผลไม้ปั่นขึ้นกระดก มีเศษสตรอว์เบอรีติดอยู่ที่มุมปาก สาวเจ้าก็ไม่รู้ตัว
แทนไทเอื้อมมือข้ามโต๊ะไป ไม่สนว่าจะมีคนมองอยู่ ลองเข้ามายุ่งเรื่องของเขาสิ เขาไม่ไว้หน้าแน่
“กินมูมมามเป็นแม่หมูแล้วยังจะซกมกอีก” ว่าแล้วปาดเช็ดริมฝีปากหล่อนด้วยปลายนิ้วโป้ง แม้ตัวแสบก็กระไร ยังแกล้งเขาด้วยการแอบจุ๊บที่ปลายนิ้วอีก
จุ๊บ!
“นี่...ทำบ้าอะไรของเธอฮะ?” ทวงถามแล้วดึงมือคืนมา ปากแดงๆ ของหล่อนกับริมฝีปากนุ่มๆ นั่นทำให้เขาเริ่มนั่งไม่สบายขึ้นมาอีกแล้ว อะไรบางอย่างที่อยู่ตรงเป้ากางเกง มันดันเข็มขัดขึ้นมาจนปวดไปหมด
“ก็พี่อ่อยฉันก่อนนี่ ถึงไม่เคยมีแฟนแต่ภาคทฤษฎีฉันแม่นนะ ฉันอ่านมา พี่จะมาไม้ไหน ฉันรู้ทันหมดแหละ” ว่าเขาแล้วหยิบกระดาษมาเช็ดปากดีๆ
แทนไทว่าจะไม่สนละ ว่าจะไม่มองหน้าหล่อนให้ร่างกายมันตื่นตัว แต่พอหล่อนปาดเช็ดริมฝีปากแรงๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสารมัน ถ้าเอาปากเขาไปเช็ดให้ละก็ ปากหล่อนคงไม่ต้องช้ำเพราะกระดาษทิชชู
“อา...ไม่ไหวละ!”
“อะไร ไม่ไหวอะไรของพี่”
“ไม่ไหวแล้วยุ อยากอะ...ไปโรงแรมกันเถอะ”
“แค่กๆๆ” ยุริญดาไอแค่กๆ เพราะความหื่นติดคอ อะไรจะขนาดนั้นพ่อคุณเอ๊ย!
“หึ! ทำเป็นไอกลบเกลื่อน”
“กลบเกลื่อนอะไรเล่า พี่หื่นจนชวนฉันเข้าโรงแรมนะ ไม่ใช่ปวดฉี่แล้วชวนฉันไปห้องน้ำ”
“ห้องน้ำก็ได้ ถ้าเธอยอม”
“พี่แทน!” น้องปีสามร้องเรียกพี่ปีสี่ เกินไปละ มันเกินไปแล้ว!
“ก็อยากอะ เธอยั่วฉันตลอดแม้แต่ตอนกิน”
“ใครยั่วพี่กันเล่า ฉันกินอย่างกับหมู”
“เออ...จริง!” ปากคมๆ ของรุ่นพี่คลี่ยิ้มกว้างอย่างลืมตัว เขาหัวเราะเมื่อสิ่งที่ยุริญดาพูดมาคือความจริง ก็ไม่รู้สินะ ดันมีความรู้สึกหวามไหวกับแม่คนที่กินเหมือนหมูนี่นา “แล้วตกลงจะไปปะ?”
ยุริญดายิ้มเจ้าเล่ห์ มองเพื่อนพี่ชายผู้หล่อเหลา แล้วอยากเอาส้อมจิ้มตา
“ไปสิพี่ เช็กอินวันนี้ พรุ่งนี้หมั้นกันนะ”
“หา!?”
“อ้าว? ก็พี่จะไม่รับผิดชอบฉันเหรอ ฉันให้ล้วงได้ ควักได้ แต่ไม่ได้จะให้เจาะไข่แดงฟรีๆ นะ”
แทนไทเม้มปากแน่น แม่ตัวแสบอย่างไรก็ยังแสบอยู่ดี
“ฉันไม่ได้รักเธอซะหน่อย ทำไมเราต้องทำแบบนั้นด้วย”
“แล้วใครบอกว่าฉันรักพี่ล่ะ! เราสองคนจะทำเรื่องไม่ดีไม่งามนะ ทำแล้วก็ต้องรับผิดชอบสิ ลูกมีพ่อมีแม่นะพี่ แล้วไหนจะพี่ชายฉันอีก พี่มาเกาะแกะฉันนี่พี่กรรู้ยัง เคลียร์กับเพื่อนแล้วเหรอ ผิดใจกันขึ้นมานี่มีเลิกคบนะ เอาจริงๆ”
“เออ! ยอม! ยอมแล้ว! ไม่ไปก็ได้วะ!”
แล้วพี่แทนคนหื่นก็ส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจ สองมือเริ่มจัดการกับสลัดผลไม้ที่นึกเกลียดตัวเองนักที่สั่งมา เขาควรสั่งสเต๊กสิ สเต๊ก!
“พี่แทน! พี่แทนคะพี่แทนขา...”
เสียงหวานของน้องเชอรี่ สาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่เรียนอยู่ปีหนึ่ง ดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาหาแทนไทที่โต๊ะ
ยุริญดามองเมินรุ่นน้อง ไม่ใช่อะไรนะ อิจฉาไง อิจฉาที่แม่คนนี้ได้ใส่เสื้อไซซ์ SS ทั้งที่รูปร่างอวบอัดกว่าเธอ มิหนำซ้ำกระโปรงก็สั้นแค่คืบเดียว เธออยากใส่บ้าง เธอเบื่อกระโปรงพลีท เธออยากใส่เสื้อไซซ์เล็ก อยากใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่า โอ๊ย...อยากแรด!
แทนไทมุ่นคิ้วยุ่งเหยิง แอบพ่นลมหายใจอย่างนึกรำคาญ เขากำลังหาทางชิ่งเชอรี่อยู่
“อือ...ว่าไง”
“ไม่อ่านแชตเลยอ่า เชอรี่ส่งไปตั้งหลายวันละ”