บทที่ 6

1211 Words
ส่วนเขาจะคิดแบบไหน หรือรู้สึกยังไงก็คงไม่สำคัญอีกแล้วในตอนนี้เพราะความหวังที่เคยมีมันหายไปหมดจนไม่กล้าแม้แต่จะคิด            “ดูแกจะรู้เรื่องของผู้หญิงคนนี้ดีเหลือเกินนะ” อันที่จริงมันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องมาหงุดหงิดเลยสักนิด แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกหงุดหงิดที่ต้องมาเห็นท่าทีของเพื่อนที่ดูจะเป็นห่วงเป็นใยคนบนเตียงเหลือเกิน            “นั่นเป็นเพราะว่ากูชอบเขา ที่ต้องพูดกับมึงตรงๆ เพราะถ้ามึงไม่คิดจะรับผิดชอบ กูจะขอเป็นคนรับผิดชอบเขาเอง” คิดดีแล้วกับเรื่องนี้ ถ้ามันยืนยันว่าจะไม่รับผิดชอบ เขาจะเป็นคนทำหน้าที่นั้นเอง            “ไอ้ภาม!”            “กูไม่รังเกียจไม่ว่าแม่หรือลูก แต่เพราะกูมั่นใจว่ามึงคือพ่อของเด็กในท้องเขา กูเลยให้สิทธิ์มึงได้ตัดสินใจก่อน มึงเลือกเอาเองก็แล้วกันว่าจะเอายังไง” คำทิ้งท้ายของเพื่อนทำให้จิณรู้สึกโกรธอีกฝ่ายไม่น้อย แต่โกรธมันไปก็เท่านั้น เพราะมันไม่ช่วยให้สถานการณ์ตรงหน้าดีขึ้น มีแต่จะแย่ลง          เกือบสามวันแล้วที่คณานางค์ต้องนอนอยู่เฉย ๆ บนเตียงตามที่หมอสั่ง มันเป็นสามวันที่แสนทรมานเหลือเกินในความรู้สึก เมื่อต้องตื่นขึ้นมาพบว่าเธอกำลังตั้งท้อง และตอนนี้พ่อของลูกก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว            ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะทำยังไงกับเธอต่อ จะโกรธแค่ไหนหลังจากที่ได้รู้ หรืออาจเกลียดกันจนไม่อยากมองหน้า สิ่งเดียวที่รู้คือเด็กในท้องไม่ได้ทำอะไรผิด และเธอไม่ได้เสียใจเลยสักนิดที่รู้ว่ามีเขา            “วันนี้คุณหมออนุญาตให้กลับบ้านแล้วนะครับ” เป็นภวินทร์ที่เอ่ยขึ้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเครียดไม่แพ้คนบนเตียง            เพราะนี่ก็ผ่านมาสามวันที่ไอ้จิณมันเงียบหายไป นั่นทำให้รู้ว่าบางทีมันอาจเลือกแล้วว่าจะไม่รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งถ้ามันเลือกแบบนั้นจริง ๆ เขากับมันคงคบกันต่อยาก เพราะเขาเกลียดคนที่ไร้ความรับผิดชอบ            ความคิดทั้งหมดเป็นอันชะงักเมื่อประตูห้องถูกเคาะเบา ๆ ก่อนที่ใครบางคนจะปรากฏตัวขึ้น            “คุณจิณให้ผมมารับคุณนางครับ” เป็นสุดเขต คนสนิทของจิณที่กล่าวขึ้นเพียงสั้น ๆ ก่อนจะลอบมองหญิงสาวบนเตียงอย่างพิจารณา            ผู้หญิงคนนี้คือคนที่กำลังอุ้มท้องลูกของเจ้านาย เขาต้องดูหน้าเธอไว้ เพื่อที่ต่อจากนี้จะได้ช่วยดูแลไม่ให้ได้รับอันตรายทั้งแม่และเด็ก            “ไปเถอะครับคุณนาง อย่างน้อยก็ให้ไอ้จิณมันรับผิดชอบในสิ่งที่มันทำกับคุณ” ภวินทร์ที่เห็นว่าที่คุณแม่เอาแต่นิ่งเงียบตัดสินใจเอ่ยขึ้นเบา ๆ ใช่จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังลำบากใจ แต่เขาเชื่อว่านี่มันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด อย่างน้อยก็เพื่อคณานางค์กับเด็กในท้องของเธอ         รีสอร์ทปลายจันทร์คือสถานที่ที่มาถึง แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาที่นี่ แต่มันกลับเป็นครั้งแรกที่คณานางค์รู้สึกไม่อยากเข้าไปด้านในนั้น            เพราะไม่รู้เลยว่าเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง หลายครั้งที่หญิงสาวเกิดความรู้สึกอยากจะหมุนตัวแล้ววิ่งหนีไปให้ไกล แต่มันก็ทุกครั้งคนที่ทำตัวเหมือน ‘ผู้คุม’ ของเธอทำท่าวิ่งตาม ราวกับจะรู้ว่าเธอกำลังคิดจะทำสิ่งใดอยู่            “คุณจิณรออยู่ด้านในครับ” เพราะหญิงสาวไม่ยอมขยับสุดเขตถึงได้เอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายมาส่งที่ห้องรับแขกภายในบ้าน บ้านที่ตอนนี้มีใครบางคนนั่งรออยู่            “เธอนั่งลง ส่วนแกจะไปไหนก็ไป” คำสั่งแรกดังขึ้นทันทีที่ทั้งสองมาถึงจุดหมาย และก็เป็นสุดเขตที่หมุนตัวเดินออกไปจากบ้านตามคำสั่ง แม้จะรู้สึกสงสารอีกคน แต่ใครเลยจะกล้าขัดใจเจ้านาย            ‘โชคดีนะครับคุณนาง’             “เธออยู่ที่นี่ได้จนกว่าเด็กในท้องจะคลอดเท่านั้น เด็กคลอดเมื่อไรฉันจะตรวจดีเอ็นเอทันที ถ้าผลออกมาว่าเขาเป็นลูกฉันจริงฉันจะเลี้ยงเขาเอง ส่วนเธอจะไปตายที่ไหนก็เชิญ” คำพูดยาวเหยียดของเจ้าของบ้านดังขึ้นทันทีที่เธอทิ้งตัวนั่ง และมันทำให้เจ็บลึกทันทีที่ได้ยิน            “ตะ…แต่นางอยากอยู่กับลูก” ลูกที่แม้จะไม่ได้เกิดมาด้วยความรัก แต่แกก็เป็นลูกของเธอ เขาไม่มีสิทธิ์มาพรากลูกไปจากเธอ “ผู้หญิงร้ายกาจอย่างเธอไม่สมควรเป็นแม่ใครทั้งนั้น แค่ลูกฉันต้องอาศัยท้องมาเกิดก็น่าขยะแขยงมากพอแล้ว อย่ามาเรียกร้องอะไร เพราะเธอไม่มีสิทธิ์” เขาช่างใจร้าย ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือท่าทีเขาก็แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาเกลียดเธอ  นั่นคือสิ่งที่เธอรู้สึกได้            “แต่นาง…”            “หุบปาก! ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้อีก ถ้าขืนเธอยังดื้อรั้นหรือคิดจะหอบลูกของฉันหนีไป รับรองได้เลยว่าฉันจะทำให้คนที่เธอรักต้องสูญเสียทุกอย่าง เริ่มจากพ่อเธอเป็นคนแรก” นั่นไม่ใช่คำขู่ เธอรู้ว่าคนตรงหน้าทำได้ทุกอย่าง เพราะเขามีเงินมีอำนาจมากพอที่จะทำมัน ต่างจากเธอที่ไม่มีอะไรจะไปสู้รบตบมือกับคนอย่างเขาได้เลย สามวันแล้วที่คณานางค์ย้ายเข้ามาอยู่ที่ไร่ปลายจันทร์ แม้จะได้รับการต้อนรับอย่างดี แต่เธอกลับรู้สึกได้ถึงความไม่เป็นมิตรจากใครหลาย ๆ คน ถึงจะรู้หญิงสาวก็ยังคงวางตัวเฉยด้วยไม่อยากมีเรื่อง            “มาถึงแล้วก็นั่งเถอะหนู กำลังท้องกำลังไส้ยืนนาน ๆ มันไม่ดี” เป็นเกษมที่เอ่ยขึ้น พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้น้ำเสียงดุ ๆ ของตนเองทำให้แม่ของหลานตกใจไปมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ก็ยากเหลือเกิน            ยอมรับว่าตอนที่ลูกเข้ามาบอกว่าจะพาผู้หญิงที่กำลังอุ้มท้องลูกของมันเข้ามาอยู่ด้วยเขาตกใจไม่น้อย ยิ่งพอรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ยิ่งตกใจ แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นความยินดีที่จะได้หลานไว้สืบสกุล            “เมื่อไรแกจะพาเมียไปฝากท้อง” คำว่า ‘เมีย’ จากปากพ่อทำให้รู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไร เพราะหากจะให้พูดกันตามที่รู้สึกแล้วล่ะก็ ผู้หญิงคนนี้เป็นได้มากสุดแค่คนที่เข้ามาเพื่อทำลายชีวิตดี ๆ ของเขาเท่านั้น            หล่อนไม่ใช่ ‘เมีย’ เพราะถ้าจะให้เขานับผู้หญิงที่นอนด้วยเป็นเมีย ป่านนี้เขาคงมีเมียเป็นร้อยไปแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD