บทที่ 5

1145 Words
“น่าภูมิใจแทนแม่หนูจริง ๆ ที่มีลูกสาวที่ทั้งสวยแถมยังเก่งขนาดนี้” คนถูกชมยิ้มรับก่อนจะก้มหน้าก้มตาร้อยมาลัยต่อ โดยมีเจ้าของบ้านนั่งมองอยู่ท่ามกลางความรู้สึกมากมายที่กำลังเกิดขึ้นภายในใจ            นางชอบเด็กคนนี้ ยิ่งรู้จักก็ยิ่งรู้สึกถูกใจ และดูเหมือนไม่ได้มีแค่นางเท่านั้นที่รู้สึก            ภาพของบุตรชายที่กลับบ้านเร็วทุกวันสร้างความรู้สึกสงสัยแก่คนเป็นแม่ไม่น้อย แต่ท่านก็เลือกจะไม่ถาม รอให้อีกฝ่ายเป็นคนสารภาพออกมาเอง ว่าตกลงแล้วรู้สึกอย่างไรกับผู้หญิงน่าสงสารข้างกายนี้กันแน่ ซึ่งไม่ว่าลูกชายของนางจะรักใคร นางก็พร้อมที่จะรักด้วย            “กินอะไรกันดีเราวันนี้” คำว่า ‘เรา’ ของแม่ทำให้รู้สึกอบอุ่นไม่น้อย เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าแม่เปิดใจยอมรับอีกคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งแล้วจริง ๆ ซึ่งไม่ต้องถามเขาก็รู้ได้จากการกระทำของท่าน ที่นับวันก็เหมือนจะยิ่งเอ็นดูคณานางค์มากขึ้น ซึ่งมันไม่ได้ต่างอะไรจากเขาเลย            “ผมอยากกินต้มยำทะเล คุณนางล่ะครับอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” น้อยครั้งที่จะได้เห็นบุตรชายแสดงท่าทีเอาอกเอาใจใครสักคนออกนอกหน้าขนาดนี้ มันทำให้คนเป็นแม่อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้            ในที่สุดก็เหมือนว่าลูกจะได้เจอคนที่ทำให้หัวใจสั่นไหวเสียที ซึ่งหากลูกรักใครนางก็พร้อมจะรักด้วย ไม่สนว่าอดีตของผู้หญิงคนนั้นจะเป็นมาอย่างไร เพราะคิดเสมอว่าไม่ควรตัดสินใจจากอดีตที่ผ่านมาของเขา            “นางกินอะไรก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวนางไปเตรียมของรอเลยนะคะคุณป้า” คณานางค์ตอบกลับก่อนจะลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในครัว ปล่อยให้สองแม่ลูกได้พูดคุยกันตามลำพังต่อไป            “ดูเอาเถอะ แย่งงานแม่ทำทั้งวัน ห้ามเท่าไรก็ไม่ฟัง ไม่รู้ว่าดื้อเหมือนใคร” คำพูดนั้นคล้ายจะดุแต่ก็ไม่ใช่ มันออกจะเป็นการพูดในเชิงเอ็นดูเสียมากกว่า            “แต่แม่ก็ชอบไม่ใช่เหรอครับ”            “จ้ะ ชอบ ชอบมากด้วย อย่าทำให้แม่ผิดหวังเชียว คนนี้แม่ชอบจริง” คนได้ฟังเพียงแต่ยิ้มรับก่อนจะเดินตามร่างบางเข้ามาในครัว         “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” คำถามนั้นทำให้คนที่กำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมของสดไม่ทันเห็นว่าใบหน้าของผู้ถามนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มมากแค่ไหน            สำหรับภวินทร์แล้วเขาคงมีความสุขไม่น้อยหากได้กลับมาเห็นภาพนี้ทุกวัน ยิ่งใกล้ก็ยิ่งรู้สึกชัดเจนถึงความรู้สึกที่มีต่อเธอ            เขาไม่สนอดีตของคณานางค์ เขาสนแค่ว่าเธอจะรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า หากคำตอบของเธอคือใช่ เขาก็พร้อมที่จะรักและปกป้องเธอไม่ให้ต้องกลับไปเจอเรื่องร้าย ๆ อย่างที่เคยเจอมาทั้งชีวิตอีก            “คุณภามช่วยหั่นผักก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบรับพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวานตามนิสัย            “ได้ครับ” เสียงเข้มรับคำเบา ๆ ก่อนจะลงมือช่วยเท่าที่จะช่วยได้ ซึ่งก็เหมือนว่าความช่วยเหลือของเขาจะยิ่งทำให้คณานางค์หัวหมุนไปกันใหญ่ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ว่าอะไร ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารก่อนที่จะรู้สึกหน้ามืด และโลกทั้งใบก็วูบไปอย่างที่เธอนั้นไม่ทันตั้งตัว            “คุณนาง!” เป็นภวินทร์ที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก โชคยังดีที่เขาอยู่ใกล้ทำให้รับร่างของคนที่จู่ ๆ ก็เป็นลมไปต่อหน้าต่อตาเอาไว้ได้ทัน            “เกิดอะไรขึ้นตาภาม แม่ได้ยินเสียงร้อง ตายแล้ว! หนูนาง!” ชายหนุ่มกับมารดาตัดสินใจพาคนหมดสติมาส่งโรงพยาบาล            ก่อนจะพบกับภาพที่ทำให้เขาและแม่ต้องรู้สึกสงสารคนตัวเล็ก ที่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติเพิ่มมากขึ้น ร่องรอยจากการถูกทำร้ายที่แอบเห็นจากภายนอกยังเทียบไม่ได้กับบาดแผลภายในที่มีทั้งรอยใหม่และรอยเก่า            “โชคดีนะคะที่ตอนล้มไม่กระทบกระเทือนถึงเด็กในท้อง” แต่ในนาทีถัดมาคำพูดของหมอก็ทำให้เขาต้องตกใจซ้ำเป็นรอบสองของวัน            “ครับ คุณหมอว่าอะไรนะครับ”            “อ้าว นี่ญาติยังไม่ทราบหรอกเหรอคะว่าคนไข้กำลังตั้งครรภ์อยู่ อายุครรภ์สองสัปดาห์แล้วค่ะ” คำตอบนั้นชัดเจนจนเขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง สุดท้ายถึงได้ตัดสินใจโทร.หาใครบางคนที่ควรต้องรู้เรื่องนี้ ส่วนมันจะตัดสินใจยังไงก็คงสุดแล้วแต่ความเป็นคนของมัน            “ถ้าเรื่องที่มึงจะพูดไม่สำคัญมากพอกูจะวาง…”            “คุณนางท้อง ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล สำคัญกับมึงมากพอไหมเรื่องนี้” แน่นอนว่าปลายสายถึงกลับเงียบไปพักใหญ่ทีเดียวหลังจากที่ได้ยิน ความเงียบของมันทำให้เขาเลือกที่จะกดวางสาย ที่เหลือก็แล้วแต่มันว่าจะเอายังไงต่อ เพราะว่าเขาได้ทำสิ่งที่ควรทำไปหมดแล้ว ทำไปหมดแล้วจริง ๆ เกือบชั่วโมงทีเดียวกว่าจิณจะปรากฏตัวขึ้น แน่นอนว่าเรื่องที่เพิ่งรู้ทำให้เขาช็อกจนทำอะไรไม่ถูกนานนับนาทีทีเดียว และยิ่งช็อกเมื่อได้มาเห็นบางสิ่งที่เพื่อนเปิดให้ดูเมื่อเข้ามาในห้อง มันคือร่องรอยที่ครั้งหนึ่งเขาเองก็เคยเห็นมาก่อน            แต่ไม่ว่าจะสอบถามยังไงเจ้าตัวก็เลือกที่จะปิดปากเงียบมาโดยตลอด พอหันไปถามคนรักอีกฝ่ายก็ทำเหมือนไม่อยากตอบขึ้นมาเสียอย่างนั้น สุดท้ายเขาก็ต้องปล่อยให้ทุกอย่างกลายเป็นความลับไป เพราะทำอะไรไปมากกว่านั้นไม่ได้จริง ๆ            “ใครทำ” แม้จะรู้สึกเกลียดชังผู้หญิงตรงหน้ามากแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ใจร้ายถึงขั้นจะมองผ่านร่องรอยตามเนื้อตัวหล่อนที่กำลังได้เห็น            แต่เขาเชื่ออยู่อย่างว่าใครก็ตามที่ทำร้ายผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่มีทางสู้ให้มีสภาพที่สาหัสขนาดนี้ได้นั้น คน ๆ นั้นมันจะต้องไม่ใช่คนดี            “ถ้าให้ฉันเดาคงจะเป็นคุณป้าสินี ก็อย่างว่า ลูกเมียน้อยจะให้ถูกต้อนรับอย่างดีก็คงไม่ใช่เรื่อง” ภวินทร์ตอบไปตามที่แอบรู้สึก สายตาที่มองเพื่อนดูว่างเปล่า เพราะไม่รู้จริง ๆ ว่ามันคิดอะไรอยู่ตอนนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD