บทที่ 4

1191 Words
ภวินทร์พาคนที่ตลอดทางเอาแต่นั่งเงียบขับรถมาถึงบ้านสวนของผู้เป็นแม่แทนที่จะกลับไปคอนโดฯ ของตัวเอง เพราะไม่อยากให้หญิงสาวเสียหายไปมากกว่าที่เป็นอยู่            ซึ่งแม่ของเขาก็ยินดีที่จะเปิดบ้านต้อนรับโดยไม่ถามอะไร เหมือนจะรอให้เขาเป็นคนเปิดปากเล่าให้ท่านฟังด้วยตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้นท่านยังลงมือทำมื้อดึกให้เขาและเธออย่างเต็มใจ การกระทำนั้นของท่านเรียกน้ำตาของคนน่าสงสารได้อีกครั้ง ซึ่งกว่าเขากับแม่จะปลอบให้เธอหยุดร้องได้ก็ใช้เวลานับชั่วโมง            “แม่ไม่รังเกียจคุณนางเธอเหรอครับ” ภวินทร์เอ่ยถามขึ้นหลังจากอาสาเดินไปส่งคณานางค์ที่ห้องพัก แล้วจึงกลับมานั่งคุยกับผู้เป็นแม่ที่ห้องรับแขก เพื่อเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ท่านได้รับรู้อย่างไม่คิดปิดบัง เพราะอยากจะเห็นท่าทีของมารดาที่มีต่อหญิงสาวด้วย            “มีเหตุผลอะไรที่แม่ต้องไปรังเกียจเขา อีกอย่างฟังจากที่แกเล่ามา แม่ว่าเด็กคนนั้นน่าสงสารออก เห็นรอยตามเนื้อตัวนั่นไหม ทำไมถึงได้ใจร้ายกันขนาดนี้ ทำกับเขาอย่างกับว่าเขาไม่ใช่คน”            จินดาตอบกลับไปตามที่รู้สึก ยิ่งได้รู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นนางก็ยิ่งสงสาร แต่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะไม่ใช่เรื่องของตน สิ่งที่นางกับลูกพอจะช่วยได้เห็นแต่จะมีแค่การให้ที่พักพิงเท่านั้น            ส่วนเรื่องจิตใจก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเวลาเท่านั้นที่จะช่วยเยียวยาทุกสิ่งให้ดีขึ้น อย่างหนึ่งที่นางมองเห็นในตัวของเด็กน่าสงสารคนนั้นเห็นจะเป็นแววตาที่ดูเศร้าน่าสงสาร เชื่อว่าอีกฝ่ายคงเจอเรื่องหนัก ๆ มามากทีเดียว            “ผมก็คิดแบบนั้นครับ ยังไงผมฝากแม่ช่วยดูเธอหน่อยนะครับ”            “ไม่ต้องห่วงหรอก บ้านเราก็ออกจะกว้างขวาง รั้วรอบขอบชิด หมาแมวหรือก็รับมาเลี้ยงเต็มบ้านไปหมด นับประสาอะไรกับแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีที่ไปคนเดียว”            ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มามากเลยทีเดียว เห็นชัดได้จากดวงตาคู่นั้น ที่มันช่างเลื่อนลอยราวกับคนที่ทั้งชีวิตไม่เคยพบเจอกับความสุขอย่างกับคนอื่นเขาเลย            มันเป็นเช้าที่แสนว่างเปล่าของดวงกมล ที่ตื่นมาพบว่าน้องสาวต่างแม่ได้ออกจากบ้านไปแล้ว คงมีแต่พ่อและแม่ของเธอเท่านั้นที่ดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรต่อการจากไปของคณานางค์ เพราะทั้งคู่ยังคงทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น            ต่างจากเธอที่กำลังรู้สึกผิดที่ปล่อยให้น้องสาวออกไป อีกทั้งเมื่อคืนตอนที่อีกฝ่ายถูกมารดาของเธอทุบตีนั้นเธอก็ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหมือนที่ทำมาตลอดตั้งแต่จำความได้            ‘คณานางค์ไม่มีญาติที่ไหน เพื่อนสักคนเด็กคนนั้นก็ไม่มี แล้วจะไปอยู่ที่ไหน หัวอ่อนเชื่อคนง่ายขนาดนั้นจะไปถูกใครที่ไหนหลอกหรือเปล่า’            เกิดคำถามมากมายขึ้นภายในหัว ก่อนที่มันจะหายไปเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างสูงของใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามาหา            “เดี๋ยวครับดวง”            จิณเรียกแฟนสาวพร้อมทั้งฉุดข้อมือเธอไว้ พยายามจะไม่มองหาใครอีกคนที่ทิ้งเอาไว้ข้างทางเมื่อคืน แต่มันก็ทำได้ยากเย็นเหลือเกิน            หลังจากได้สติเขาก็ตัดสินใจวนรถกลับไปแต่แม่ตัวดีนั่นก็ไม่อยู่แล้ว เธอทำให้เขาวิ่งหาราวกับคนบ้า สุดท้ายก็เจอแต่ความว่างเปล่า            “ดวงยังไม่อยากคุยกับคุณตอนนี้ค่ะ คุณกลับไปก่อนนะคะ” ดวงกมลตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เวลานี้เธออยากอยู่คนเดียวเพื่อที่จะได้ทบทวนหลาย ๆ สิ่ง ก่อนจะตัดสินใจว่าจะเอายังไงกับความรักต่อดี            เธอรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะพยายามมองโลกในแง่ดีว่าทุกอย่างอาจเป็นอุบัติเหตุ อย่างไรเขากับน้องสาวของเธอก็เกินเลยกันไปแล้ว จะให้เธอทำใจยอมรับเรื่องนี้แล้วทำเหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นเธอทำไม่ได้ หากเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่คนในสายเลือดเดียวกันก็คงดี ถ้าเป็นแบบนั้นบางทีเธออาจจะยอมให้อภัยเขาสักครั้ง            “แต่ผม…”            “นะคะจิณ กลับไปก่อน ถือว่าดวงขอ” จิณชั่งใจอยู่นานทีเดียวถึงจะยอมปล่อยมือคนรัก ก่อนจะหันไปถามคนใช้ที่บังเอิญเดินผ่านมา            “คณานางค์อยู่ไหน” อย่างไรก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเธอทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร เพราะเขาไม่เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะเป็นเรื่องบังเอิญ            “คุณนางเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ” คำตอบที่ได้ทำให้เขาเบาใจที่เธอกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ก่อนที่มันจะปวดหนึบเมื่อได้รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่หัวหินส่งผลรุนแรงกว่าที่คิด แม้จะบอกตัวเองว่าอย่าสนใจ แต่ใจเจ้ากรรมกลับรู้สึกผิดอย่างห้ามไม่อยู่            ทำไมเขาจะต้องรู้สึกผิดกับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงร้ายกาจที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องวุ่นวาย เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่คณานางค์มาอาศัยอยู่กับภวินทร์และมารดาของเขา หลายครั้งที่เธอพยายามจะย้ายออกเพราะรู้สึกเกรงใจ แต่ก็เป็นทุกครั้งที่ทั้งคู่เอ่ยปากห้ามไว้            โดยเฉพาะป้าจินดาที่ไม่เพียงแต่อนุญาตให้เธอมาอาศัยอยู่ด้วยเท่านั้น ท่านยังแบ่งงานร้อยมาลัยที่รับทำอยู่มาให้ ทำให้เธอเริ่มกลับมามีรายได้เป็นของตัวเองอีกครั้ง แม้จะไม่มากอะไรแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยชีวิตให้ผ่านไปแต่ละวัน มันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นที่ไม่ต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดที่ยิ่งจะเพิ่มขึ้นทุกวัน            “เรียบร้อย ถึงว่าสิลูกค้าป้าพากันชมไม่ขาดปาก หนูไปเรียนร้อยมาลัยมาจากไหนเหรอจ๊ะ” จินดากล่าวชมหลังรับเอามาลัยมาจากคนข้างกาย ฝีมือประณีตขนาดนี้ต้องเป็นศิษย์มีครูอย่างแน่นอน            “คุณแม่ของนางท่านเป็นคนสอนให้ค่ะคุณป้า” หญิงสาวตอบไปตามความจริงก่อนจะรู้สึกคิดถึงมารดาขึ้นมา            เธอจำได้ดีว่าชีวิตที่ได้อยู่กับท่านคือช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุด แม้จะลำบากเพราะต้องหาเช้ากินค่ำ แต่มันทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่ได้หลับตาลงบนอ้อมกอดของคนที่รักเธออย่างแท้จริง คนที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง จะคิดถึงกันบ้างหรือเปล่า ส่วนเธอคิดถึงท่านทุกวัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD