บทที่10. เอ่อ...

1056 Words
“เอ่อ”                 ภายใต้ท่าทีนิ่งเฉยที่เก็บอาการตื่นตกใจได้สนิท เธอมองดูร่างหนุ่มฝรั่งตัวสูงใหญ่ที่ยืนตรงหน้า มีเป้สนามใบใหญ่อยู่ข้างหลัง สวมเสื้อยืดมีตัวอักษรลาวบนอก ส่วนทรงผมนั้นเป็นผมยาวแบบเดรทร็อครกรุงรังแถมหนวดเครานั่นอีก มีแต่ดวงตาสดใสที่จ้องมองเธอพร้อมรอยยิ้มที่แสดงความเป็นมิตรให้ ดวงตาเหมือนในรูปถ่ายไม่มีผิด! “คุณอเล็กซ์  แมคเกิล!”    “โอ้ว! สิ-ริ-มา น้องสาวเจ้าฮาคีมแน่ๆ เลย” หนุ่มฝรั่งตัวโตหัวเราะเสียงดังยื่นมือไปเชคแฮนด์ทักทาย แต่หญิงสาวทำหน้าแหยก่อนฝืนทักทายตามแบบสากล ทำไมไม่เหมือนในรูปเลยนะ!  เอ๊ะ!แล้วทำไมรู้ว่าเป็นเธอ “คุณเหมือนที่เจ้าฮาคีมพูดถึงบ่อยๆ ” “หรือคะ” ‘เพิ่งรู้ว่ามีพลังจิต’ หญิงสาวยิ้มบางๆ ผายมือเป็นเชื้อเชิญให้เดินตามเธอมาขึ้นรถ “เห็นคุณถือรูปผมตั้งนานแนะ แล้วฮาคีมไม่มาเหรอ” “คุณฮาคิมติดประชุมงานกับลูกค้าค่ะ ให้ดิฉันมารับแทน” ‘เห็นตั้งนานทำไมไม่มาทักยะ!’ เธอได้แต่บนในใจ เอ่อเป็นฝรั่งที่พูดไทยได้ฉะฉานจนน่าหมั่นไส้จริงๆ   “เรียกกันห่างเหินไม่เหมือนพี่น้องเลย”        หนุ่มอเมริกันยังชวนคุยไม่หยุดเหมือนกลัวว่าคนอื่นไม่รู้ว่าเขาพูดไทยได้ชัดแจ่มขนาดไหน สิริมาเหลือบตามองเพื่อนของคุณฮาคีมนิดหนึ่ง เธอเลี่ยงตอบคำถามด้วยการเงียบและเดินเชิดหน้าตัวตรงไปรถที่มาจอดค่อยตั้งแต่เธอโทรศัพท์ตามแล้ว  “เราจะไปไหนกัน” “ไปห้องพักคุณแมคเกิลค่ะ”          ‘ไม่พาไปฆ่าหรอก’ สิริมาเก็บประโยคท้ายไว้ในใจ เจอลูกค้าเรื่องมาก ก็ยังเป็นแค่ลูกค้าไม่ค่อยเข้ามาวุ่นวายเรื่องส่วนตัว  แต่นี้เป็นเพื่อนซี้ของคุณฮาคิมจะให้ทำเย็นชาก็ดูจะไร้มารยาทไปหน่อย “เดี๋ยวซิ! ผมหิวมาก-มาก อยากกิน…กิน..ปาปาย่า ป๊อก..ป๊อก” “ห๋า! ส้มตำ!” ไอ้ประโยคนี้ดูเหมือนจะเก่าไปหน่อยไม่รู้ว่าไปฟังมาจากไหน คราวนี้เป็นเสียงลุงสมานเผลอส่งเสียงประหลาดใจออกมา หนุ่มอเมริกันโน้มตัวไปข้างหน้าข้างเบาะคนขับแล้วยิ้มทะเล้น “นะครับ หาอะไรกินก่อนเถอะ ตรงไหนอร่อยพาไปหน่อยนะครับ” ลุงสมานมองผ่านกระจกส่องท้ายรถขอความเห็น หญิงสาวที่นั่งหน้าเครียดไม่สบอารมณ์ เธอพยักหน้าอย่างขัดใจไม่ได้     “ครับ คุณแมคเกิล” “เรียกอเล็กซ์ก็ได้ครับ ผมไม่ชอบทำตัวห่างเหิน” สิริมาหันมาค้อนควักเข้าให้ นี่ท่าทางจะตกฉานภาษาไทยเสียจริงที่ชอบประชดประชันเหลือเกิน เอาเถอะ! แค่พาคุณอเล็กซ์ แมคเกิล ไปส่งที่พักให้เรียบร้อยก็หมดหน้าที่แล้ว อดทนไว้สิริมาลูกค้าเรื่องมากยังผ่านมาได้! แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก ยกเว้นดวงตาสีน้ำตาลที่ทอประกายระยิบระยับคู่นี้ อย่ามาจ้องมองเธอให้หวั่นไหวนัก! ..... แสงแฟลชกับเสียงชัตเตอร์ ทำให้สติของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ท่ามกลางนางแบบสาวสวยสุดเซ็กซี่สี่คนกลับคืนสู่โลกของความเป็นจริง เสื้อเชิ้ตปลดกระดุมเผยแผงอกกว้างโดยมีมือของนางแบบสาวขยุ้มเสื้อเชิ้ตเหมือนจะยื้อแย่งชายหนุ่มไว้ในอุ้งมือ            แต่หน้าชายหนุ่มผู้โชคดีกลับไร้อารมณ์จนช่างภาพและทีมงานพากันถอนหายใจหลายเฮือก “โอเคครับ วันนี้พอเท่านี้ก่อน” ฟีรูซเดินออกจากลุ่มนางแบบสาวทันที เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ไม่ค่อยมีสมาธินัก พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินตรงออกมาที่เดิม อยากจะขอโทษทีมงานและเผื่อว่าจะนัดเวลาใหม่แต่เสียงที่ได้ยินทำให้เท้าทั้งสองข้างเหมือนถูกตอกหมุดตรึงไว้กับที่จนขยับไปไหนไม่ได้   “แม่เป็นเจ้าของเครื่องสำอง ลูกชายเป็นพรีเซนเตอร์ อยากทำอะไรก็ต้องตามใจเค้า จะทำให้ใครเดือนร้อนก็ช่าง!” ‘อยากทำอะไรก็ต้องตามใจเค้า จะทำให้ใครเดือนร้อนก็ช่าง!’  ชายหนุ่มทวนสิ่งที่ได้ยิน เขากำมือเข้าหากันแน่นจนอยากนึกกระแทกกำปั้นใส่หน้าใครก็ได้เพื่อระบายอารมณ์ คนอย่างเขานะหรือ ทำอะไรไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น! “คุณฟีรูซจ๋าลืมมือถือจ๊ะ”    ช่างแต่งหน้าหนุ่มสำอางหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดส่งให้นายแบบหนุ่ม ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว  ฟีรูซคว้าโทรศัพท์ได้ก็หมุนตัวรีบก้าวเท้ายาว ๆ ออกมาจากสตูดิโอทันที เกลียดนักพวกชอบดูคนแค่เปลือกนอก! ชายหนุ่มหงุดหงิดรำคาญใจ ยืนกระวนกระวายอยู่ในลิฟต์  เมื่อลิฟต์เคลื่อนลงมาสามชั้นประตูลิฟต์เปิดออก ร่างชายหนุ่มในชุดสูทเรียบหรูก็ก้าวเข้ามายืนเคียงข้างน้องชายต่างมารดา “ถ่ายแบบเสร็จแล้วเหรอครับ”  ฮาคีมทักทาย เขารู้ว่าวันนี้ฟีรูซมีถ่ายแบบที่สตูดิโอชั้นบนของบริษัทฯ อาคารของบริษัทเรกิวลุสนอกจากจะเป็นรวมทั้งบริษัทในเครื่องต่างๆ ของเรกิวลุสกรุ๊ป ยังแบ่งเป็นสำนักงานให้เช่าอีกด้วย    “ไม่ลองไปทำดูเองบ้างละ เก่งไปหมดทุกอย่างนิ” ฟีรูซหงุดหงิดเหวี่ยงใส่คนอื่นไปทั่ว เมื่อไหร่กันนะ ที่ทุกคนจะมองความสามารถของเขา ไม่ใช่เพราะเขาเป็นฟีรูซ เรกิวลุส “มันไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำให้ผู้หญิงกรี๊ดได้แบบนายนี่” ฮาคีมเอ่ยยิ้มๆ ชินกับการถูกฟีรูซเหวี่ยงใส่แล้ว “ใครเป็นคนคิดหะ!  ผู้หญิงรุมทึ้งผู้ชายที่ใช้โคโลจน์ของพราว” “ต้องถามคุณหญิงกาญจนา” ฟีรูซก้มหน้านิ่ง เขาก็ไม่ค่อยชอบโฆษณาตัวนี้เท่าไหร่ให้ผู้หญิงมารุมฉุดกระชากผู้ชายคนเดียวอยู่ได้ ไม่รู้คุณหญิงแม่คิดไปได้ไง ผู้ชายหล่อหรูรวยเลิศก็ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะต้องยื้อแย่ง อย่างน้อยก็มีหญิงสาวดวงตากลมโตคนหนึ่งละ ที่ยอมลาออกจากงานดีกว่าก้มหัวให้เขา แต่ไม่ว่าจะพูดอะไรไปก็ไม่พ้นตัวเองสักเรื่อง อาทิตย์หนึ่งแล้วที่เขาหงุดหงิดไม่มีเหตุผล            
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD