อนิจจา... แพรธาราเพิ่งโทรกลับมาบอกเขาก่อนออกจากโรงแรมไปลงเรือว่าอ่านเจอในหน้าหนังสือพิมพ์เดอะซันของอังกฤษ มีชายหนุ่มคนหนึ่งถ่ายวิดีโอฉลามขาวยักษ์ซึ่งไม่ใช่สัตว์ท้องถิ่นในเขตน้ำเย็นอย่างประเทศอังกฤษไว้ได้ จนเหล่านักวิชาการออกมาถกกันยกใหญ่ เธอยังคุยขำๆ ว่าหากได้เห็นจากบนเรือจะรีบถ่ายวิดีโอเก็บไว้บ้าง เผื่อจะไปดังถึงต่างแดน
ตอนนั้นเขายังเอ็ดเธออยู่เลยว่าเข้าป่าอย่าถามหาเสือ ลงเรืออย่าถามหาฉลาม...
แต่เขาก็แค่พูดไปตามคำโบราณ และด้วยความอดห่วงใยในความปลอดภัยของภรรยาไม่ได้ ใครจะคิดเล่า ว่าเธอจะได้เจอกับมันจริงๆ ในเวลาเดียวกับที่เรืออับปางพอดี!
ทุกวันนี้อิสรภาพจึงเป็นเพียงแสงสว่างเดียวในชีวิต แสงที่อบอุ่นและชวนให้ชื่นบานด้วยความรักสุดหัวใจของคนเป็นพ่อ
หากแต่ลูกชายตัวน้อยไม่เคยทำให้เขาร้อน...
ร้อนเป็นไฟได้เหมือนกับการได้พบเจอมนตราแค่... สองวัน!
ถ้าอยู่ด้วยกันนานกว่านี้ เขาไม่โดนไฟเผาตาย ไม่ก็เผลอพลั้งมือบีบคอยายเด็กนั่นตายไปก่อนหรอกหรือ
ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว ก่อนยืนพิงประตูอยู่อย่างนั้นด้วยความรู้สึกคุกรุ่นในอกที่ยังไม่ยอมมอด เมื่อยกมือที่กำแน่นจนเริ่มเจ็บก็พบว่าเผลอถือกิ๊บของมนตราติดมือมาด้วย กิ๊บสีดำยาวที่ด้านหัวประดับพลอยเม็ดขนาดกลางกำลังน่ารักพอดิบพอดี
พลอยแทนซาไนท์สีน้ำเงินแกมม่วงฟ้าอ่อนๆ ที่หากพลิกมุมก็จะปรับเปลี่ยนสีได้สดใสน่ามอง พันธนาการรู้จักมันดีเพราะช่วงที่แพรธาราตั้งท้องอิสรภาพ เธอแพ้ท้องแปลกกว่าว่าที่คุณแม่ทั่วไปด้วยอารมณ์รักสวยรักงามกว่าปรกติไม่รู้กี่สิบเท่าเฝ้าแต่ร้องหาเครื่องประดับเสียจนใครๆ ก็คิดว่าเธอตั้งท้องลูกสาว ตอนอายุครรภ์ได้สิบหกสัปดาห์ เธอปรารถนาอยากครอบครองพลอยชนิดหนึ่งที่นับวันยิ่งถีบราคาสูงเพราะแหล่งที่พบมีอยู่แหล่งเดียวและกำลังจะหมดลงอย่างรวดเร็ว
แพรธาราไม่อยากได้พลอยที่นำเข้ามาเสียด้วยนะ แต่เธอทำให้เขาต้องลางานยาวเพื่อพาภรรยาไปหาซื้อพลอยชนิดนี้ถึงแหล่งกำเนิดคือประเทศแทนซาเนีย
มันบ้าใช่ไหมล่ะ! แต่ก็คุ้ม... หลังจากได้มันมาทำจี้เธอก็สวมติดคออยู่ตลอดแม้ว่าจะหายแพ้ท้องและคลอดอิสรภาพออกมาแล้ว ครั้งนั้นพวกเขาหาได้เพียงแทนซาไนท์ธรรมดาหากแต่ว่ามีขนาดใหญ่ถึงห้ากะรัตซึ่งนับว่าหายากในปัจจุบัน แต่พลอยล้ำค่าราวๆ สองกะรัตที่ติดอยู่บนกิ๊บในมือเขานี้มีช่วงสีน้ำทะเลแบบอความารีนจนถึงน้ำเงินเข้มแบบไพลิน พอส่องไฟก็ออกม่วงแบบอเมทิสต์
นี่เป็นแทนซาไนท์ที่แพงมากและมีค่ามากที่สุดในหมู่อัญมณีชนิดเดียวกัน
เขาต้องรีบเอามันไปคืนเธอ...
คิดได้ดังนั้นก็หันกลับไปดึงประตูเปิดออก ก่อนชะงักกึกเมื่อคนที่กำลังจะลงไปหา ตอนนี้เดินขึ้นมาถึงห้องเขาแล้ว มนตราสะดุ้งเฮือกหันมองมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ประตูห้องที่ปิดสนิทของเขาก็เปิดผาง แถมตัวเขาที่ควรจะสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วกลับยังอยู่ในสภาพสวมเสื้อคลุมแบบเดิม สาวน้อยหยุดชะงักเพียงชั่วไม่กี่วินาทีเท่านั้นก็ก้มศีรษะให้เขานิดหนึ่งอย่างขออภัย ก่อนเดินกอดหมวกที่ถอดออกแล้วตรงไปยังห้องของอิสรภาพ หากแต่ชั่วเสี้ยวเวลานั้นพันธนาการกลับสังเกตเห็นความผิดปรกติของเธอ
นัยน์ตาที่แดงและเอ่อน้ำ
เธอร้องไห้...
เพราะเขาน่ะหรือ...
แต่เขาไปทำอะไรให้เธอกันล่ะ?
“เดี๋ยวก่อน!”
โดยไม่เสียเวลาฟุ้งซ่าน ร่างใหญ่หนาก็ก้าวไปขวางพยาบาลสาวร่างบางก่อนที่เธอจะหนีเข้าไปในห้องนอนลูกชายตนสำเร็จ หากยังไม่ทันเอ่ยปากใดๆ คนตัวเล็กตรงหน้าก็เงยขึ้นมองสบตาอย่างเด็ดเดี่ยว เธอกะพริบตาเบาๆ เพื่อเก็บกลืนหยดน้ำใสๆ ไม่ให้รินไหลออกมา แล้วยกมือขึ้นประนมไหว้อย่างอ่อนช้อยงดงามจนชายหนุ่มชะงัก
“ขอโทษที่ตบคุณ... หาก... ถ้า... ฉันจะเก็บของแล้วออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดค่ะ”
เอ่ยบอกด้วยนัยน์ตาที่เอ่อนองหยดน้ำอีกระลอก จนคนเห็นภาพความอ่อนแอเหลือทนนั้นใจหายวาบไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขารู้สึกเหมือนเป็นผู้ใหญ่ใจร้ายที่กำลังกดดันเด็กไร้ทางสู้ มนตราที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้ดูราวกับเปราะบางเหลือเกิน เพียงแตะ... อาจสูญสลายหายไปดั่งฝุ่นผง
นี่ของจริง... หรือแสดงละครกันแน่...
เขาชักไม่มั่นใจแล้วสิ
“ไม่ต้อง” บอกเสียงเฉียบขาดอย่างตัดบท ก่อนเอ่ยสั่งในมาดเจ้านายดังเก่า “คุณจะไปปลุกตาอิฐใช่ไหม? ไปสิ นั่นหน้าที่คุณ”
บอกจบก็เดินสวนร่างแน่งน้อยนั้นกลับเข้ามาในห้องดังเก่าโดยไม่มองสบตาเธอให้หัวจิตหัวใจมันหายวูบวาบอีก พอกลับเข้ามาแล้ว ปิดประตูเรียบร้อย ก็นึกอยากจะตบกะโหลกตัวเองให้หายมึนงงสับสนนัก!
เขาลืมคืนกิ๊บให้เธอ...
เด็กชายอิสรภาพรู้สึกเหมือนคุณพ่อกับพี่พยาบาลกำลังเล่นซ่อนแอบกัน
และทุกครั้งพ่อจะเป็นฝ่ายหาด้วยล่ะ...
ดูอย่างวันนี้ที่เป็นวันหยุดของพันธนาการ มันก็ ‘เหมือนจะ’ ปรกตินะ กับการที่พ่อของเขามักทุ่มเวลาในวันหยุดให้ลูกชายอย่างเต็มกำลังเพื่อชดเชยช่วงเวลางานซึ่งรัดตัวและไม่แน่ไม่นอน บทจะงานเข้าก็ได้เร่งรีบออกจากบ้านไปทิ้งเขาไว้กับป้าผกาอย่างเงียบเหงา... ที่จริงไม่เหงาเท่าไหร่เพราะป้าผกาช่างพูด ช่างเอาใจ แต่ป้าผกาก็ไม่เหมือนพยาบาลส่วนตัวของเขา ไม่รู้สิ! อิสรภาพชอบมนตรามากกว่า ก็มนตราสวย... ใจดี แถมยังเล่านิทานเก่งอีกต่างหาก
เวลานอนกอดพี่สาวคนนี้แล้วซบหน้าลงกับอกอุ่นๆ ก็นุ้มนุ่มยิ่งกว่าหมอนหนุนราคาแพงที่พ่อซื้อให้ เสียจนพานเก็บไปฝันว่านอนหลับอยู่บนปุยเมฆทุกที
“พี่มนของเรา เขาไปไหนนานจังน่ะตาอิฐ เขามีหน้าที่ดูแลเราไม่ใช่รึไง?”
เสียงถาม ‘เหมือนจะ’ เรียบๆ ปรกติๆ หากกลับแฝงความหงุดหงิดไว้แบบที่แม้แต่เด็กยังรู้สึกได้ อิสรภาพเงยหน้ามองบิดาซึ่งนั่งอยู่ข้างกันบนโซฟา วงแขนแข็งแรงอบอุ่นโอบไหล่เขาไว้ขณะที่ดูแอนิเมชันสุดสนุกด้วยกัน แต่สายตากลับปราดมองประตูห้องทั้งด้านในด้านนอกอยู่เกือบตลอด
“เขาพูดอะไรกับเรา ตอนพ่อเข้ามาหาน่ะ”