“ปกป้องตัวเจ้าเองเถิดหลันเล่อ ลี่หลันเล่อ”
อยู่ๆ ก็เผลอเรียกชื่อลี่หลันเล่อออกมาแต่กลับเป็นเพียงเสียงแหบแห้งในลำคอ เขารู้สึกอย่างไรกัน
“ไปดีกว่าข้าจะต้องไปร่างข้อตกลงให้ดีก่อนที่จะยอมไปกับท่านอา เอะก่อนอื่นต้องไปบอกข่าวดีกับอาจารย์ก่อนว่าเราจะได้ไปที่แคว้นหานด้วยกัน”
วิ่งแน่บออกจากห้องไป จื่อจื่อก้าวเข้ามาทันทีจะได้เห็นต้าหมิงคุนถอนหายใจพอดี
“ฝ่าบาทนางน่าเอ็นดูไม่น้อย”
“ข้าไม่ได้รู้สึกอะไร”น้ำเสียงพยายามปรับไม่ให้เกิดอาการสะดุด
“หากไม่รู้สึกอะไร ที่ผ่านมาฝ่าบาทก็คงรู้สึกผิดในเรื่องของคุณหนูลี่”
“ข้าชดเชยให้นางแล้ว ตามบิดากับมารดานางกลับมาคืนทรัพย์สินและตำแหน่งขุนนางให้ในตอนที่ข้านั่งบัลลังก์ในตำแหน่งฮ่องเต้”พูดเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี
“แต่พวกเขาก็ไม่รับมัน อีกทั้งยังร้องไห้ฟูมฟายเมื่อรู้ว่าบุตรีเพียงคนเดียวของพวกเขาทุกข์ทรมานจนตาย”ต้าหมิงคุนกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ จื่อจื่อก้มหน้ารู้สึกผิดที่รื้อฟื้นเรื่องเก่าก่อน
“นางไม่ใช่ลี่หลันเล่อ”
“หรืออาจจะใช่เพียงแค่ เป็นนางที่เป็นคนใหม่ลืมเลือนทุกอย่างไปเสียสิ้นก่อนที่นางจะตาย นางต้องทนทรมานคงไม่อยากจดจำเรื่องเหล่านั้น ข้าน้อยเองอยากจะให้องค์หญิงรองผู้นี้เป็นคุณหนูลี่ ข้าน้อยจะได้คุกเข่าขออภัยกับนางด้วยจื่อจื่อเองก็รู้สึกผิดที่สุดเช่นกัน”น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอจื่อจื่อยังจำแววตาเจ็บปวดของลี่หลันเล่อได้ดีในวันที่หิมะโปรยปราย กับใบหน้าซีดเผือดที่เดินโซซัดโซเซจากไปทั้งๆ ที่อากาศหนาวเหน็บหากเขาไม่ใจร้ายอย่างในตอนนั้นนางคงไม่ต้องพบจุดจบ
“ในตอนนั้นเป็นเพราะเมิ่งเม่ยที่ตั้งใจทำให้ข้าเป็นห่วง อีกทั้งยังพบศพของใครที่ทำให้คิดว่าเป็นเมิ่งเม่ย ข้าจึงแค้นเคืองลี่หลันเล่อ หากเมิ่งเม่ยจะกลับมาเร็วกว่านั้น นางก็คงไม่ต้องตาย แต่เรื่องราวมันก็ผ่านไปแล้วเป็นนางหรือไม่ก็ …สะเทือนจิตใจข้าไม่น้อย แต่หากเป็นนาง นางก็ไม่ได้แค้นเคืองข้าอย่างที่ควรจะเป็น”
“สิ่งที่ฝ่าบาททำลงไปเพราะโทสะ ตอนนี้สิ่งที่ฝ่าบาทพยายามทำมาในทุกวันนับว่าเกินพอแล้ว ในทุกปีเมื่อครบรอบวันตายของคุณหนูลี่ฝ่าบาทจะต้องออกไปยืนหน้าหลุมศพของนาง ทั้งวันทั้งคืนไม่กินไม่ดื่มนับว่าเกินกว่าที่ฮ่องเต้ผู้เป็นใหญ่ในใต้หล้าจะกระทำ”จื่อจื่อปลอบใจ
“เพราะอย่างนั้น เพราะข้าทำกับนางแบบนั้น ข้าจึงไม่อาจครองรักกับเมิ่งเม่ยแม้จะพยายามเพียงใดก็ไม่อาจทำใจให้ครองคู่กับเมิ่งเม่ยได้ เพราะความรักที่นางมอบให้ข้า ซึ่งข้าคิดว่าแค่เพียงความหลงใหลข้าประเมินค่าความรักของนางต่ำเกินไป”
“เมิ่งเม่ยนางเข้าใจดีไม่ได้โกรธเคืองอะไร”
“นางรอข้ามาสิปแปดปีแต่จู่ๆ ข้ากลับจะต้องแต่งฮองเฮา น้องสาวเจ้าจะคิดเช่นไร”
“คงเป็นเรื่องของสวรรค์ องค์หญิงรองเองน่าเอ็นดูเมิ่งเม่ยก็คงไม่รังเกียจนางอีกทั้งนางยังมีใบหน้าเหมือนกับคุณหนูลี่ทั้งสองคนเป็นสหายที่รู้ใจกันมาก่อนสนิทกันเกินกว่าจะเกลียดชัง”
“ข้าเองมีความจำเป็นต้องแต่งนางเป็นฮองเฮาภายใต้ข้อสัญญาไม่ล่วงเกินหรือแตะต้องตัวนาง”จื่อจื่ออมยิ้ม
“ฝ่าบาทยอมรับข้อตกลงขององค์หญิงจอมซนด้วยหรือ”พูดไปยิ้มไป
“ไม่อย่างนั้นนางไม่ยอมแต่ง”จื่อจื่ออดขำเสียไม่ได้นานแค่ไหนแล้วที่ต้าหมิงคุน จะใส่ใจใครเท่ากับองค์หญิงรองคนนี้ เห็นได้ชัดว่าต้าหมิงคุนยอมนางทั้งๆ ที่จะไม่ยอมก็ได้ ไม่อยากแต่งก็แค่บังคับ เหมือนที่เคยทำกับคนอื่นๆ
ที่พำนักของถงหมิ่น
“ซือฟุ ซือฟุ ข้ามีข่าวดี”
กระโดดเข้ามาขวาง หน้าถงหมิ่นที่กำลังสวมอาภรณ์ไม่เรียบร้อยเพราะเพิ่งจะแช่น้ำอุ่น ถงหมิ่นส่ายหน้า
“ข่าวดี”ประชิดตัวซือฟุทันที
“ข้าช่วยท่าน”
“องค์หญิง ข้าเป็นบุรุษท่านเป็น..หญิงงามอีกทั้งยังเป็นถึงองค์หญิง มะ...มะไม่ต้องมาช่วยข้าสวมอาภรณ์”
ยื้อชายเสื้อไว้จากมือของหลันเล่อที่ออกแรงดึงจนร่างสูงล้มลงบนร่างของหลันเล่อเต็มแรง
“อะอะ องค์หญิง”กอดรวบไว้ ทั้งสองมือกลัวว่าหลันเล่อจะได้รับบาดเจ็บ
“อะอะอาจารย์...”หลั่นเล่อรีบลุกขึ้น ถงหมิ่นเดินเข้ามาปัดเนื้อปัดตัวให้
“เจ็บไหม”ไม่เสียหน่อยหลบตาคม
“ไหนบอกว่ามีข่าวดี”
“อือ ข้าเกือบลืมไปเสียแล้ว ฝ่าบาท ไม่สิท่านอาฮ่องเต้แคว้นหานอนุญาตให้อาจารย์กลับไปที่แคว้นหานเพื่ออารักขาข้า”กอดอกยิ้มๆ
“อืม นึกว่าเรื่องอะไร”ส่ายหน้าไปมากับท่าทีตื่นเต้นของหลันเล่อ
“อ้าวอาจารย์ไม่ตื่นเต้นหรือไร”
“จะตื่นเต้นทำไม ก็ข้าไม่ใช่คนของเผ่าปาเอ่อถัว จะมาจะไปก็ง่ายดายอีกอย่างข้าเกิดที่แคว้นหาน ทุกซอกทุกมุมรู้ไปหมดไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่ จะตื่นเต้นก็ตรงที่ไปครั้งนี้มีเจ้าไปด้วย แต่ก็อีกนั่นล่ะเจ้ามันตัวป่วนจะต้องทำข้าหนักใจแน่”
“อาจารย์ข้าแต่งไปเป็นฮองเฮาเชียวนะ”
ถงหมิ่นหุบยิ้มแววตาเศร้าสร้อย จริงสิเขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นหานและเผ่าปาเอ่อถัว ในเมื่อฮ่องเต้หลันเซ่อมอบอำนาจทั้งหมดให้หลันตี้ผู้ยโสเกรงว่าความสัมพันธ์คงไม่งดงาม เพราะพระสนมลู่ฟางก็เป็นเพียงแค่แม่เลี้ยงอีกทั้งหลันตี้ฝักใฝ่ไปทางฮองเฮาเข้าทางแคว้นใต้และยังมีลับลมคมในกับจอมโจรจิ้งจอกดำ
“ยินดีด้วย”เอ่ยได้เพียงเท่านั้น เพราะในใจเจ็บแปลบจนไม่อาจมีคำกล่าวใด