ตอนที่3 พี่เลี้ยง

2915 Words
รถหรูค่อย ๆ แล่นเข้าสู่ใจกลางของเมืองหลวงในช่วงค่ำ ข้าวหอมหลับสนิทมาตลอดทางเพราะความอ่อนเพลียแต่ก็ยังสวมกอดรูปถ่ายผู้เป็นแม่ไว้แน่นแนบกายจนในที่สุดรถก็แล่นเข้าไปจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ในเวลาสองทุ่มกว่า พริษฐ์จึงหันไปปลุกคนที่นอนหลับสบายตรงเบาะหลังให้ตื่นขึ้น “ข้าว ข้าว มาถึงแล้ว ตื่นเถอะ” “อือ...” หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วลงจากรถไปก่อนจะพบกับบ้านหลังใหญ่ที่เธอจะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นับจากนี้ “คุณพ่อคุณแม่กลับมาแล้ว” เสียงใสดังขึ้นจากในบ้านพร้อมกับร่างเล็กที่ถือตุ๊กตาหมีวิ่งออกมาสวมกอดพริษฐ์และสิตาด้วยความคิดถึง “ไงครับ คนเก่งของพ่อ” “นี่เหรอคะเพื่อนใหม่ของน้องพลอย” นิ้วป้อม ๆ ชี้ไปที่ข้าวหอมพร้อมกับรอยยิ้มดีใจ “ใช่ค่ะ พี่เขาชื่อข้าวหอม ต่อไปนี้พี่ข้าวหอมจะมาเล่นกับน้องพลอยทุกวันเลยนะคะ” สิตาตอบลูกสาวก่อนจะหันไปพูดกับอีกคนด้วยน้ำเสียงที่ต่างกันอย่าลิบลับ “นี่พลอยใส ลูกสาวฉัน ถ้าจะให้นับก็เป็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้องกับแก ฉันกับภูมิเราไม่ค่อยได้อยู่บ้านเพราะต้องทำงาน แกคงรู้นะว่าจะมาอยู่ที่นี่ กินนอนอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องช่วยฉันเลี้ยงน้องพลอยแล้วก็ทำความสะอาดบ้านด้วย” “ค่ะ” ข้าวหอมก้มหน้ายอมรับ เข้าใจสถานะของคนที่ขออยู่อาศัยอย่างเธอดี “เราไปดูห้องของพี่ข้าวกันดีกว่าค่ะ วันนี้น้องพลอยกับพี่เดือนช่วยกันเช็ดถูให้ พี่ข้าวจะได้นอนหลับสบายไงคะ” เด็กน้อยยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนจะจูงมือข้าวหอมเข้าไปในบ้านพร้อมกับเดือนแรมแม่บ้านที่นี่อีกคนเพื่อจะดูห้องที่พลอยใสว่า “ไปพักเถอะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันอีกที” พริษฐ์ยิ้มตอบก่อนที่ตัวเขาเองจะโอบไหล่เล็กของศรีภรรยาขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน สิตาจึงต้องหันไปกำชับลูกสาวอีกครั้ง “อย่ามัวแต่เล่นจนดึกล่ะ พรุ่งนี้น้องพลอยต้องตื่นไปโรงเรียนแต่เช้านะรู้ไหม” “ค่ะคุณแม่” เด็กหญิงรับปากพร้อมกับจูงมือคนมาใหม่ไปพักยังห้องที่อยู่ติดกับครัวซึ่งเป็นส่วนของห้องพักแม่บ้านที่เดือนแรม สาวใช้วัยสามสิบก็อาศัยอยู่ที่นี่ “พออยู่ได้ไหม” เดือนแรมเอ่ยถาม “อยู่ได้จ่ะ หนูอยู่ได้” “เสียดายจัง วันนี้พี่ข้าวหอมมาถึงดึกไปหน่อย น้องพลอยต้องขึ้นไปนอนแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้กลับมาจากโรงเรียน น้องพลอยค่อยมาเล่นกับพี่ข้าวหอมนะคะ” พลอยใสทำแก้มป่องรู้สึกตื่นเต้นที่จะมีเพื่อนเล่นอีกคน “จัดของไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่พาน้องพลอยไปนอนก่อนแล้วจะลงมาช่วย” เดือนแรมว่าพลางออกแรงอุ้มเด็กน้อยขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ใช้เวลาไม่นานก็กลับมาใหม่อีกครั้งเพื่อช่วยข้าวหอมจัดห้อง “ของหนูไม่ได้เยอะเท่าไหร่ หนูจัดคนเดียวก็ได้ค่ะ” ข้าวหอมตอบด้วยความเกรงใจในขณะที่กำลังรื้อเสื้อออกมาพับใส่ในตู้ คนที่อยู่มาก่อนอย่างเดือนแรมจึงทรุดกายนั่งลงบนเบาะนอนแล้วเริ่มชวนคุยด้วยทันที “งานที่นี่ก็ไม่ได้มากมายอะไรหรอกนะ ตอนเช้าก็ต้องตื่นแต่ย่ำรุ่งเตรียมมื้อเช้าเสร็จ ก็ขึ้นไปปลุกน้องพลอย ส่วนเรื่องหน้าที่รับส่งเป็นหน้าที่ของคุณภูมิเขา” “ค่ะ” “พอคุณ ๆ เขาออกไปกันหมด เราก็แค่ปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดบ้าน ถ้าวันหยุดก็เตรียมมื้อเที่ยงไว้ ส่วนมื้อค่ำคุณสิเธอไม่ค่อยทานหรอก ส่วนใหญ่จะเป็นคุณภูมิกับน้องพลอย” เดือนแรมอธิบายต่อ “งานก็ไม่ได้หนักหนาอะไร น้องพลอยก็น่ารัก คุณภูมิก็ใจดี จะมีก็แต่คุณสิตานั่นแหละ” “น้าสิเป็นยังไงเหรอคะ” “พี่บอกไม่ได้หรอก เดี๋ยวอยู่ไป เราก็คงรู้เองนั่นแหละ” เดือนแรมบอกเพียงแค่นั้นก่อนที่ตัวเองจะขอตัวกลับไปพักที่ห้องของตัวเองซึ่งอยู่ถัดไป ข้าวหอมจึงต้องรีบจัดข้าวของจะได้พักผ่อน แต่หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จหญิงสาวก็ไม่สามารถข่มตาได้เลยตลอดทั้งคืนเพราะยังคิดถึงแม่ที่ตายจากจนน้ำตาที่แห้งหายไปก่อนหน้ามันไหลรื้นออกมาอีกครั้ง “ฮือ...แม่จ๋า หนูคิดถึงแม่จัง” ร่างเล็กนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ภายในห้องสะอื้นหนักจนตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าหลับไปตอนไหน รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เดือนแรมเคาะประตูเรียกในตอนเช้าของอีกวัน “ข้าว ข้าวหอม ตื่นหรือยัง ข้าวหอม” “อือ...” หญิงสาวพลิกตัวตื่นมาบนพื้นเย็นเฉียบก่อนจะรีบออกไปเปิดประตูทำให้อีกฝ่ายตกใจไม่น้อยที่เห็นว่าข้าวหอมนั้นเพิ่งจะตื่น “ตายแล้ว ยังไม่อาบน้ำอาบท่าอีก จะหกโมงแล้วนะ” “เดี๋ยวหนูล้างหน้าล้างตาแปรงฟันแล้วรีบตามไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” ข้าวหอมลุกลี้ลุกลน รีบทำภารกิจส่วนตัวเพื่อเข้าไปในครัวช่วยเดือนแรมเตรียมมื้อเช้าให้กับเจ้านายในบ้าน หลังจากนั้นเธอจึงรับหน้าที่ขึ้นไปปลุกพลอยใสเพื่ออาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน “พอได้แล้วคุณสิ...พอเถอะ” “อีกนิดสิคะภูมิ...นะคะ สิยังไม่เสร็จเลย” “แต่นี่มันจะเช้าแล้วนะ ผมต้องไปทำงานต่อ” เสียงนั้นดังลอดออกมาจากห้องของพริษฐ์ ทำให้คนที่กำลังจะเดินผ่านเพื่อไปยังห้องของพลอยใสต้องหยุดชะงักลงแล้วเงี่ยหูฟังที่บานประตูด้วยความอยากรู้ “อีกนิดเดียวเถอะนะคะ อา...ภูมิขา” “ทำอะไรกันอ่ะ” ข้าวหอมกระซิบถามกับตัวเองในขณะที่ยังเงี่ยหูฟังอยู่ตรงนั้นเผื่อว่าคนทั้งสองต้องการความช่วยเหลือ “พอเถอะสิ ผมต้องไปทำงานแล้ว” “เดี๋ยวสิภูมิ” "คุณจะไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้นะคะ ! ภูมิ " “อ๊ะ ! ” ดวงตากลมโตของคนที่แอบฟังอยู่ข้างนอกเบิกกว้างเมื่อประตูห้องมันถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างสูงของเจ้าบ้านยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าพร้อมกับสีหน้าขมึงทึงจนข้าวหอมต้องรีบถอย “น้าภูมิ...” “ทำอะไร” อีกฝ่ายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางกระชับเสื้อคลุมขึ้นมาปิดร่างกายท่อนบนเอาไว้ “เอ่อ...พอดี...หนู...หนูจะขึ้นมาปลุกน้องพลอยน่ะค่ะ แต่หนูไม่รู้ว่าห้องน้องพลอยอยู่ไหน” “ห้องโน้น” มือหนาชี้ไปที่ห้องริมสุดก่อนที่ข้าวหอมจะรีบชิ่งไปยังห้องนั้นเพราะกลัวถูกจับได้ว่าเธอมาแอบฟังเมื่อครู่ “เกือบไปแล้วไหมล่ะ” หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หัวใจเต้นโครมครามเหมือนจะหลุดออกมา “ถ้าน้าภูมิรู้ว่าเราแอบฟัง มีหวังถูกไล่ออกตั้งแต่วันแรกแน่” “พี่ข้าวเหรอคะ” เสียงพลอยใสเอ่ยเรียกอยู่บนที่นอนสีชมพูหวานแหววทำให้ข้าวหอมรีบดึงสติกลับมาทันที “ใช่จ่ะ พี่มาช่วยน้องพลอยอาบน้ำแต่งตัวไงคะ” “น้องพลอยรู้แล้วว่าวันนี้พี่ข้าวต้องขึ้นมา น้องพลอยก็เลยตื่นรอพี่ข้าวเลยเนี่ย” “เก่งที่สุดเลยค่ะ งั้นรีบไปอาบน้ำแต่งตัวกันดีกว่าค่ะ วันนี้เป็นวันแรกของพี่ พี่ยังไม่รู้ว่าของชิ้นไหนวางอยู่ตรงไหน น้องพลอยต้องสอนพี่ก่อนตกลงไหม” ข้าวหอมแกล้งออกกลอุบายเพื่อที่พลอยใสจะได้กระตือรือร้นในการอาบน้ำแต่งตัวโดยที่อีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี “พี่ข้าวถักเปียให้น้องพลอยหน่อยสิคะ” คนตัวเล็กว่าพลางส่งหวีสีชมพูหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จ “พี่ถักไม่สวยน่ะสิ” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณพ่อบอกว่าน้องพลอยสวย แต่งตัวยังไงก็สวย” เด็กน้อยกระพริบตาปริบ ๆ จนข้าวหอมหลุดขำพรืดออกมา “โอเคค่ะ งั้นพี่จะทำให้สุดฝีมือเลยนะคะ” ว่าแล้วหญิงสาวจึงลงมือถักผมให้พลอยใสจนเสร็จ แม้จะออกมาดูเบี้ยวไปบ้างแต่อีกฝ่ายก็ยังพอใจอยู่ไม่น้อย “สวยจังเลยค่ะ” “น้องพลอยเสร็จหรือยังลูก” เสียงสิตาเอ่ยเรียกก่อนที่ประตูจะเปิดออกเมื่อเห็นว่าพลอยใสเพิ่งจะแต่งตัวเสร็จก็อดไม่ได้ที่จะหันไปดุข้าวหอม “ตายแล้วนี่มันจะสายแล้วนะ ทำไมยังไม่เสร็จอีก” “ขอโทษด้วยนะคะ พอดีหนูไม่รู้ว่าอะไรมันวางไว้ตรงไหน เลยช้านิดหน่อย” “ถ้าไม่รู้แล้วทำไมไม่ให้เดือนแรมมาช่วยล่ะ” “พี่เดือนกำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่น่ะค่ะ” ข้าวหอมก้มหน้าตอบ พลอยใสเห็นดังนั้นจึงรีบแก้ต่างให้ด้วยอีกคน “น้องพลอยตื่นสายเองค่ะคุณแม่ อย่าไปโทษพี่ข้าวเลยค่ะ” “ไม่ต้องมาออกรับแทนเลย แต่งตัวเสร็จแล้วก็ลงไปข้างล่างได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสายรู้ไหม” มือเรียวลูบศีรษะเล็กแผ่วเบาพลางหยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมาสะพายให้ “วันนี้แม่คงต้องไปก่อน เดี๋ยวให้คุณพ่อไปส่งนะคะ” “อีกแล้วเหรอคะ” พลอยใสงอนแก้มป่อง พักหลังมานี้ดูเหมือนว่าสิตาจะงานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาให้เธอเลย “เอาไว้แม่จะกลับมาทานข้าวเย็นด้วยนะคะ” “ว่ายังไงครับสาว ๆ เสร็จหรือยังเอ่ย” พริษฐ์เดินเข้ามาในห้องทำให้พลอยใสรีบผละจากสิตาไปหาอ้อมกอดของพ่อแทน “คุณพ่อขา คุณแม่ไม่ได้ไปส่งน้องพลอยอีกแล้วค่ะ” “คุณแม่เขามีนัดกับลูกค้าน่ะครับ เดี๋ยวพ่อไปส่งเองนะ” ร่างสูงทรุดกายนั่งคุกเข่าตรงหน้าลูกสาวเพื่ออธิบายให้เด็กน้อยเข้าใจ “คุณแม่งานยุ่งทุกวันเลย เดือนหน้าโรงเรียนน้องพลอยจะจัดงานกีฬาสีแล้ว แบบนี้พ่อกับแม่จะได้ไปด้วยกันไหมคะ” “แม่คงไปไม่ได้หรอก เห็นทีน้องพลอยคงต้องบอกคุณพ่อไปหาแม่ใหม่ไปแทนแล้วล่ะ” สิตากระแทกเสียงใส่ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ไม่สนใจเลยสักนิดว่าพลอยใสจะรู้สึกยังไง “คุณแม่เป็นอะไรไปเหรอคะ” “คุณแม่คงเหนื่อยน่ะค่ะ เรารีบลงไปทานข้าวกันดีกว่านะ” พูดจบพริษฐ์จึงจูงมือน้อย ๆ ลงไปยังชั้นสองของบ้าน เห็นสีหน้าที่บอกบุญไม่รับของเขา ข้าวหอมก็รู้ได้ทันทีว่าทั้งสองคงจะทะเลาะกันเมื่อตอนเช้านี้เพราะสังเกตเห็นรอยแดงเล็ก ๆ ตรงมุมปากของสิตา ชายหนุ่มนั่งลงยังโต๊ะอาหารที่มีสิตานั่งอยู่ก่อนแล้วแต่อีกฝ่ายกลับทำท่าทีรังเกียจเหมือนว่าเขาไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น “คุณแม่ขา เย็นนี้คุณแม่จะไปรับน้องพลอยไหมคะ” น้องพลอยหันไปถามผู้เป็นแม่อีกครั้ง “แม่ไปไม่ได้หรอกค่ะ บอกพ่อให้ไปรับแทนนะคะ” “นี่คุณ จะพูดอะไรก็ช่วยรักษาน้ำใจลูกหน่อยสิ งานที่บริษัทมันยุ่งมากจนไม่มีเวลาให้ลูกเลยเหรอ” พริษฐ์กระแทกเสียงใส่ด้วยความลืมตัวเดือนแรมเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาข้าวหอมออกไปที่ครัวทันที “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลย” ข้าวหอมเอ่ยถาม “เป็นแบบนี้มาสักระยะแล้วล่ะ แต่เราไม่ต้องไปสนใจเรื่องของคุณเขาหรอก รีบไปอาบน้ำอาบท่าดีกว่าจะได้ไปช่วยฉันทำความสะอาดบ้านต่อ” “ค่ะ” ข้าวหอมรับคำก่อนจะหันไปมองที่ห้องอาหารอีกครั้งเห็นสิตาเดินออกจากบ้านไปทั้งที่พลอยใสยังนั่งร้องไห้โฮอยู่บนตักของพริษฐ์ก็อดสงสารไม่ได้ หญิงสาวจึงตัดสินใจกลับไปหาพลอยใสอีกครั้ง “เดี๋ยวพี่ไปส่งเองเอาไหมคะ” “พี่ข้าว...ฮือ...คุณแม่ใจร้ายจัง” เด็กน้อยโผเข้ากอดข้าวหอมก่อนจะร้องไห้หนัก “คุณแม่ไม่ได้ใจร้ายหรอกนะคะ แต่ว่าคุณแม่งานยุ่ง คุณแม่ต้องรีบเคลียร์งาน จะได้รีบกลับมาอยู่กับน้องพลอยไง” “จริงเหรอคะ” “จริงแท้แน่นอนค่ะ” ข้าวหอมยืนยันเสียงหนักแน่น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าก่อนที่เธอจะมาทั้งสองคนมักจะมีปัญหาอยู่ก่อนแล้วและคนที่ได้เจ็บปวดที่สุดก็ดูเหมือนจะเป็นพลอยใส “ถ้าอย่างนั้นวันนี้คุณพ่อให้พี่ข้าวไปส่งน้องพลอยนะคะ” “แต่พ่อต้องรีบไปทำงาน...” ชายหนุ่มได้แต่เก็บคำพูดเอาไว้เพราะเห็นว่าพลอยใสทำหน้าเจียนจะร้องไห้อีกครั้ง “ตกลงค่ะ ให้พี่ข้าวไปส่งก็ได้” “เย้ ! คุณพ่อใจดีที่สุดเลย” พลอยใสยิ้มออกมาทั้งน้ำตาก่อนที่ข้าวหอมจะขันอาสาป้อนข้าวให้จนหมดจาน จากนั้นจึงพากันออกไปรอที่รถ เพียงไม่นานพริษฐ์ก็เดินตามออกไปด้วยความรีบร้อนเพราะเขาจะต้องขับรถวนกลับมาส่งข้าวหอมอีกครั้งก่อนจะแยกไปทำงาน “พี่ข้าวเคยมากรุงเทพ ฯ ไหมคะ” “ยังไม่เคยเลยค่ะ” “งั้นเดี๋ยวน้องพลอยเป็นไกด์ให้พี่ข้าวดีไหมคะ” “ดีสิคะ” “ตรงนั้นเป็นสวนสาธารณะในหมู่บ้านของน้องพลอยค่ะ คุณพ่อชอบพาน้องพลอยมาเล่น เดี๋ยววันหยุดน้องพลอยจะพาพี่ข้าวมานะคะ” เสียงสองสาวต่างวัยพูดคุยอยู่ตรงเบาะหลังอย่างสนุกสนาน ทำให้พริษฐ์ที่กำลังขับรถเผลอยิ้มออกมาด้วยความลืมตัวเพราะเขาเองก็ไม่เคยเห็นพลอยใสมีความสุขแบบนี้มานานแล้วนับตั้งแต่วันที่ภรรยาเริ่มเปลี่ยนไปเพราะติดงานจนแทบไม่มีเวลาให้ หลังจากที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เขารับช่วงต่อจากครอบครัวเริ่มไปได้ด้วยดี สิตาจึงขอแยกออกไปบริหารบริษัทย่อยสาขาสอง และตั้งแต่วันนั้นมาสิตาก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป “วันนี้ฉันกลับบ้านดึกหน่อย ฝากบอกน้องพลอยด้วย” เสียงข้อความเด้งเข้ามาในมือถือในขณะที่เขากำลังจ้องมองข้าวหอมที่อาสาเดินไปส่งพลอยใสที่หน้าประตูรั้วโรงเรียน เมื่อหญิงสาวเดินกลับมาเขาจึงต้องรีบเก็บสมาร์ตโฟนไว้ที่เดิมแล้วสตาร์ทรถกลับไปที่บ้านทันทีโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเพราะมัวแต่คิดถึงข้อความที่สิตาส่งมา เป็นอย่างที่เขาคิดไม่มีผิด วันไหนที่เขาไม่สามารถทำตามความต้องการของสิตาได้ เธอก็มักจะโมโหแล้วลงใส่ลูกเสียทุกครั้งจนเขาเองก็เริ่มจะเหนื่อยหน่าย หลังจากที่อยู่กินกันมาย่างสู่ปีที่หกก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างมันกำลังไปได้สวย บริษัทย่อยที่สิตาดูแลก็ทำกำไรมหาศาล ชีวิตคู่เหมือนจะราบรื่นจนกระทั่งวันที่สิตาปริปากบอกความจริงกับเขาว่าเธอเป็นโรคเสพติดความเจ็บปวดและมักจะร้องขอให้เขาทำรุนแรงทุกครั้งที่มีอะไรกัน เมื่อเขาปฏิเสธ สิตาก็มักจะโมโหและไปลงกับพลอยใสเสียทุกครั้ง จนพักหลังมานี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มจะสั่นคลอนเพราะสิตาเปลี่ยนไป จากที่เคยกลับบ้านตรงเวลาก็มักจะหายไปจนดึกดื่นกว่าจะกลับก็ปาเข้าไปในตอนเช้าของอีกวัน เพื่อรักษาความเป็นครอบครัว พริษฐ์จึงต้องหลับหูหลับตาตอบสนองความต้องการของสิตามาโดยตลอดจนเขาเองก็เริ่มจะรับไม่ไหวทำให้มีปากเสียงกับสิตาอยู่บ่อยครั้ง กระทั่งวันที่เธอบอกว่าจะรับข้าวหอมมาอยู่ด้วย เห็นพลอยใสดีอกดีใจเขาจึงตกปากรับคำแล้วเดินทางไปรับหญิงสาวมาอยู่เป็นเพื่อนพลอยใสทันที เผื่อว่าสภาพจิตใจของลูกสาวจะดีขึ้นมาบ้าง “เย็นนี้บอกเดือนว่าไม่ต้องเตรียมมื้อค่ำนะ ฉันจะพาน้องพลอยไปทานข้าวนอกบ้าน เธอสองคนจะกินอะไรก็ทำกินกันได้เลย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อวกกลับมาส่งข้าวหอมที่บ้าน เขาเหลือบมองร่างเล็กที่สวมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ลงจากรถไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะขับรถออกไปทำงานต่อ พยายามไล่ความคิดเรื่องสิตาออกไปจากหัว ไม่รู้เลยสักนิดว่าตอนนี้ภรรยาของตัวเองกำลังกอดก่ายอยู่กับผู้ชายอีกคน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD