ลูกคือชีวิตจิตใจของคนเป็นแม่ กุลนิดาเองก็เหมือนกัน เธอไม่มีทางปล่อยให้คนที่ไม่ได้เลี้ยงดูมาชุบมือเปิบไปง่ายๆ โดยอ้างอุบัติเหตุทางร่างกายในคืนนั้นแล้วเรียกตัวเองว่า ‘พ่อ’ เพื่อที่จะแย่ง ‘น้ำอิง’ ไปจากเธอ เขามันก็แค่คนเมาที่มั่วคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขาแล้วฉกความสาวไปจากเธอ
เธอเคยพาน้ำอิงย้ายบ้าน ย้ายโรงเรียนหนีเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนที่น้ำอิงอายุได้สองขวบ ไรอันจ้างนักสืบตามหาตัวเธอกับลูกจนเจอ เธอไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องที่เธอมีลูกได้อย่างไร แต่ถ้าให้คาดเดาคงต้องรู้จากอินทิรา เพราะอินทิราเคยพบเธอกับลูกและบอกว่า
‘ยัยเด็กนี่ ผลผลิตจากความผิดพลาดคืนนั้นละสิ’
เธอโกรธมากแต่ก็ไม่แปลกใจทีอินทิราทักน้ำอิงแบบนั้น น้ำอิงเหมือนพ่อมาก เหมือนจนเธอเองยังน้อยใจเสมอทั้งใบหน้าลูกสาวเหมือนเธอแค่มีนัยน์ตาสีดำ
สำหรับเศรษฐีหมื่นล้านที่อยากจะสืบรู้เรื่องของใครสักคนก็คงไม่ใช่เรื่องยาก
กุลนิดาไม่คิดว่าเขาจะตามหาเธอถึงที่นี่ เธอเองก็ทั้งอับอายทั้งเสียใจจนไม่อยากถามหาความยุติธรรมจากใคร ไม่อยากรู้ว่าในคืนนั้นอะไรทำให้มันเกิดขึ้น ชีวิตวัยสาวที่ข้ามช็อตทำให้เสียศูนย์ไปเหมือนกัน
กุลนิดาไม่เคยคบหาผู้ชายในสถานะแฟนแต่มีสามีและได้ลูกสาวเป็นของแถมติดท้องมาจากอุบัติเหตุบนเตียงในคืนนั้น ทางเลือกที่คิดออกตอนนั้นคือทำใจให้ลืม แม้จะอยากด่าทอ อยากหาที่ระบายใส่ใครสักคน แต่คนนั้นจะเป็นใครกันล่ะ ในเมื่อเธอดันไปอยู่ผิดที่ผิดเวลาส่วนเขาก็มาก่อนเวลาเอง
หลังจากคิดตกว่าจะลืมทุกอย่าง เธอก็ย้ายที่อยู่ เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ แต่ผ่านเวลามาถึงตอนนี้ เธอถึงรู้ว่าหนีไม่พ้น ไรอัน คาเตอร์ยังตามหาตัวเธออยู่ และเขารู้แล้วว่าคืนนั้นเป็นเธอ ไม่ใช่อินทิรา และเธอมีลูกติดท้องมาด้วย
กุลนิดาไม่ชักช้าอีกเธอรีบหันหลังวิ่งหนี ขณะที่อาชวินร้องเรียกตามหลัง
“กุลครับ เป็นอะไรครับ”
กุลนิดาหัวไวรีบร้องบอกเสียงตระหนก “ผู้ชายคนนั้นเป็นไอ้โรคจิตที่ตามเฝ้าฉันอยู่ค่ะ คุณพ่อน้องพีทช่วยกันเขาออกไปทีนะคะ กุลกลัวค่ะ”
เมื่อสาวที่ชอบบอกแบบนั้น อาชวินก็รีบเอาตัวไปขวางหน้าร่างกำยำที่วิ่งมาถึงพอดี
“คิดจะหนีผมไปไหน! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”
ไรอันมองเห็นแผ่นหลังไวๆ ของกุลนิดาที่วิ่งหายไปทางหลังตึก เสียงดุกร้าวไล่หลังกุลนิดาไป
“อย่าหนีนะ จับได้น่าดู ผมตามหาคุณไปทั่วรู้ตัวบ้างไหม” แล้วหันไปสั่งการ “ครูซแกจัดการไอ้หน้าจืดนี่ซิ สงสัยเป็นหนึ่งในสามที่กำลังตามจีบเมียฉันแน่” เขาได้รับรายงานมาแบบนั้นแล้วบังเอิญเดาถูก
สิ้นคำสั่ง ครูซก็จัดการล็อกคอไอ้หน้าจืดที่กล้ามาขวางทางรักของเจ้านายไว้ บอดี้การ์ดมืออาชีพอย่างครูซไม่ต้องออกแรงมากก็ล็อกตัวของอาชวินไว้ได้ไม่ยาก
“โอ๊ย ปล่อยนะโว้ย”
“อยู่เงียบๆ จะได้ไม่เจ็บตัว กล้าดียังไงวะมายุ่งกับเมียเจ้านายฉัน”
“ใครเมียเจ้านายแก อย่าบอกนะว่า...” อาชวินอึ้งเป็นไก่ตาแตก
ขณะที่ไรอันวิ่งตามร่างเล็กที่ช่วงขาสั้นกว่าเขามากแต่ทำไมวิ่งเร็วนัก เขาเองก็ยังงง พอมาถึงมุมตึกก็เห็นลานจอดรถ แต่มองไม่เห็นว่ากุลนิดาขับรถคันไหนออกไป ร่างสูงสบถหยาบคายในลำคอ ดวงตาสีฟ้าเข้มจัดทันที
“แม่ตัวแสบ คิดว่าจะหนีพ้นหรือไง จับได้น่าดู”
แต่ไม่ทันคิดว่าคำสบถอย่างหงุดหงิดทำให้แม่หนูสองคนอายุราวสี่ขวบที่กำลังจูงมือกันเข้าเรียนพากันร้องไห้จ้าด้วยความตกใจกลัว เมื่อเห็นเขาวิ่งผ่านหน้า แต่ปลายมือของเขาเผลอไปชนถุงขนมที่เด็กคนหนึ่งถือติดมาด้วย
“ลุงขอโทษครับ” ไรอันหยุดวิ่งแล้วย่อตัวลงไปเก็บขนมห่อใหญ่ “นี่ครับ ลุงเก็บให้แล้ว”
“แงๆ”
“อย่าร้องสิ ลุงไม่ได้แกล้ง เอานี่ เอาเงินไปกินขนม”
เขาจะควักเงินออกมา แต่กลายเป็นว่าในกระเป๋ามีแต่บัตรเครดิต
“ขอติดไว้ก่อนนะ วันหลังมาที่นี่แล้วลุงจะเอาโดนัทอร่อยๆ มาฝาก”
“แงๆ”
“ลูกแม่เป็นอะไรกันคะ”
หญิงสาวคนหนึ่งรีบวิ่งกระหืดกระหอบตามมา มองหน้าคนตัวโตที่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก แต่ดวงตาของมนุษย์แม่ที่มองอย่างกล่าวหาทำให้ไรอันจะเดินหนีก็ทำไม่ได้
“ผมไม่ได้ทำอะไรหนูน้อยสองคนนี้นะครับ สาบานได้ ผมแค่กำลังวิ่งตามภรรยา”
ไรอันถอนหายใจยาวเหยียดเมื่อเด็กทั้งสองยังร้องไม่หยุด กว่าจะเคลียร์กับแม่ลูกครอบครัวนี้ได้ ทำให้ในที่สุด เขาก็ตามกุลนิดาไม่ทัน
กุลนิดาถอนหายใจโล่งอก หลังมองกระจกมองหลังแล้วไม่เห็นรถใครขับตามมา เธอขับออกไปในเส้นทางลัดด้านหลังโรงเรียน เลือกขับเข้าไปตามตรอกซอกซอยเพื่อหลบหลีกการติดตามที่อาจจะตามมา
เมื่อถึงออฟฟิศที่ทำงาน ก่อนเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเริ่มทำงาน กุลนิดาดึงลิ้นชักโต๊ะทำงานแล้วคว้ายาแก้ปวดซัดเข้าปากไปสองเม็ดรวด
“ซวยจริงๆ ย้ายหนี แล้วยังตามมาอีกจนได้”
กุลนิดายกมือนวดขมับ เรื่องน้ำอิงเป็นลูกของเธอที่เกิดจากเขา ไม่มีใครรู้นอกจากอินทิรา เธอเก็บความลับของอินทิราแล้วขอร้องให้อินทิราเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เธอไม่ต้องการให้พ่อของลูกรู้ แต่เวลานี้ไม่มีเวลามานั่งคิดว่าเขารู้ได้อย่างไร ต้องคิดว่าหากไรอันรู้ที่อยู่ของเธอกับลูก เธอต้องทำอย่างไรมากกว่า
กุลนิดามั่นใจในระบบความปลอดภัยของสถานศึกษา หากไม่มีบัตรผู้ปกครอง ทางโรงเรียนไม่มีทางยอมให้บุคคลภายนอกรับลูกสาวเธอออกไปจากโรงเรียนแน่ แต่เพื่อความสบายใจ กุลนิดาจึงโทร.ไปย้ำกับทีเชอร์ผู้ดูแลห้องเรียนของลูก ห้ามไม่ให้ใครมารับลูกแทนเธอ แม้เขาจะอ้างว่าเป็นพ่อเด็กก็ตาม
“ทราบค่ะคุณแม่ ปกติทางโรงเรียนของเรามีมาตรการในการดูแลเด็ก เราไม่อนุญาตให้น้องไปกับใครแน่ ถ้าไม่ใช่ผู้ปกครองที่ลงทะเบียนรับส่งนักเรียนกับทางโรงเรียนไว้”
“ขอบคุณค่ะทีเชอร์ ถ้าอย่างนั้นกุลก็เบาใจ ฝากน้ำอิงด้วยนะคะ”
ทั้งวันกุลนิดานั่งทำงานอย่างไม่เป็นสุข นึกห่วงลูกสาวอยู่ตลอดเวลา ดวงตาก็คอยเหลือบมองนาฬิกาอยู่ตลอดอยากให้ห้าโมงเย็นเร็วๆ จนสุดท้ายต้องลางานครึ่งวัน โชคดีที่โรงเรียนเอกชนของลูกสาวอยู่ไม่ห่างจากที่ทำงานมากนัก หากรถไม่ติด สิบห้านาทีก็ถึงแล้ว