คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยววัยสามสิบหกส่งยิ้มกว้าง เขาสนใจกุลนิดาตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรกตอนที่หญิงสาวจูงน้องน้ำอิงมากฝากเรียน ครั้งนั้น เขาคิดว่าหญิงสาวอาจเป็นน้าสาวของน้ำอิงมากกว่าคุณแม่ ดูอย่างไร กุลนิดายังสาวและสวยมาก ไม่เหมือนผู้หญิงผ่านการใช้ชีวิตครอบครัวมาแล้ว ส่วนเขาจูงลูกชายมาฝากเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้เพราะเห็นเป็นโรงเรียนเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงด้านการเรียนการสอน
อาชวินยังมีร้านกาแฟสดเล็กๆ อยู่ติดกับโรงเรียนนี้ด้วย ซึ่งผู้ปกครองมักจะแวะเวียนไปดื่มกาแฟที่ร้านของเขาเสมอหลังจากส่งลูก
“คือผมอยากช่วยกุลครับ” เขาพูดเสียงอ้อมแอ้มเบาหวิว
ดวงตากลมโตของกุลนิดาแฝงแววขบขัน ใจจริงอยากเดินหนีให้พ้น วันพ่อเป็นวันที่ผู้ปกครองบางคนเคยตั้งคำถามยามเธอจูงมือของน้ำอิงเดินเข้างานเมื่อปีก่อนก็ถาม แล้วปีนี้คงจะถามด้วยประโยคเดิม
‘คุณพ่อน้องน้ำอิงไม่มาร่วมงานด้วยเหรอคะ’
‘วันพ่อทั้งที คุณพ่อน่าจะมาร่วมงานนะคะ’
และทุกครั้งกุลนิดาจะยิ้มบางๆ แล้วตอบอย่างสุภาพ
‘คุณพ่อไม่ได้มาค่ะ ถ้ามาก็คงจะเห็นแล้ว’ และจูงลูกสาวที่เธอเชื่อมั่นว่าไม่เคยขาดแคลนความรักความอบอุ่นเข้าไปร่วมงานเงียบๆ
“คุณอยากช่วยอะไรกุลหรือคะ วันพ่อทีไรมีแต่ผู้ปกครองคอยถามกุลว่าทำไมพ่อน้ำอิงไม่มางานวันพ่อ” กุลนิดาหัวเราะสดใส ดูไม่ทุกข์ร้อน
“ผมจะบอกกุลว่า ปีนี้ผมจะช่วยเอง ถ้าไม่อยากให้เกิดคำถาม ให้น้ำอิงไหว้ผมเป็นพ่อแทนก็ได้ เดี๋ยวผมเป็นตัวแทนพ่อให้น้ำอิงกราบแทน”
กุลนิดายิ้มไม่ออก มุกแบบนี้ แม้แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะเจอ
ช่างกล้า
ใครอยากได้มาเป็นพ่อของลูกไม่ทราบ
จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อกุลนิดาเริ่มสนใจใครคนหนึ่งอยู่เหมือนกันลูกสาวเธอชอบพูดถึงแต่เขา เสียดาย เช้าวันนี้ เธอพลาดเห็นรอยยิ้มอบอุ่น ใบหน้าหล่อเหลาน้องๆ พระเอกฮอลลีวูดของทีเชอร์อลัน ที่ผู้ปกครองสาวๆ พากันแอบมองตาปรอย แล้วมักจะขอเข้าไปถ่ายรูปคู่ด้วยเวลามีงานโรงเรียน
ริมฝีปากอิ่มบิดยิ้มให้หวานขึ้น “ไม่เป็นไรค่ะ กุลเกรงใจ ขืนทำแบบนั้น ผู้ปกครองคนอื่นคงมองกุลกับคุณแปลกๆ แล้วอาจจะมีข่าวอะไรตามมาอีกเยอะ”
“จะแปลกยังไงครับ กุลก็รู้ว่าผมตามจีบกุลมาตั้งแต่น้ำอิงเริ่มเข้าเรียนที่นี่แล้ว”
“แล้วกุลก็บอกคุณไปแล้วว่า...” กุลนิดายิ้ม ไม่อยากพูดทำร้ายจิตใจคนช่างตื๊อเป็นครั้งที่ร้อยแปด
“ครับ ผมรู้ กุลไม่สนใจผม แต่ผม...”
“เอาแบบนี้ดีกว่าค่ะ เรื่องน้ำอิงขาดพ่อ กุลคงไม่รบกวนคุณ ปีนี้คุณตาของน้ำอิงว่าง ท่านเกษียณแล้ว เดี๋ยวกุลชวนคุณตาของน้ำอิงมาร่วมงาน” ที่จริงตาของน้ำอิงเสียชีวิตไปแล้วเธอแค่หาข้ออ้างตัดรำคาญ “หรือถ้าไม่มีใครมา น้ำอิงก็เข้มแข็งพอ แกรู้ค่ะว่ามีแม่ก็แทนพ่อได้ กุลทำความเข้าใจกับน้ำอิงแล้วตั้งแต่แกเริ่มพูดคุยรู้เรื่องแกก็รู้แล้วว่าแกไม่มีพ่อ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
“กุลเข้มแข็งมากนะครับ แต่จะดีแค่ไหนที่เด็กๆ จะมีพ่อและแม่ เป็นครอบครัวอบอุ่น น้องพีทจะได้รู้สึกไม่ขาดแม่ในวันแม่ ส่วนน้ำอิงก็จะได้มีพ่อให้ไหว้ในวันพ่อ”
“กุลรับความหวังดีนี้ไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วยนะคะ”
ท้ายประโยค กุลนิดาสบตาเขาแน่วนิ่งเหมือนทุกครั้งที่เธอพูด อาชวินคงไม่ใส่ใจ หรือไม่รับฟัง ว่าเธอไม่สนใจจะเอาเขามาทำหน้าที่พ่อของลูก
ระหว่างที่ยังไม่ทันพูดคุยกันจบ และกุลนิดาพยายามหาทางเลี่ยงการสนทนา ร่างสูงโปร่งด้วยสูทอาร์มานีสีเทาเข้มก้าวเดินอย่างรวดเร็วมาด้วยความเร่งรีบอยู่ไกลๆ
กุลนิดาเบนสายตาไปมองทางนั้นพอดี คนที่กำลังเดินมาสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตร เด่นสะดุดตาด้วยดวงตาสีฟ้า ใบหน้าหล่อคมคาย เขาเป็นนักธุรกิจสมองคม คนดังร่างกำยำนั้นมีเซ็กส์แอพพีลรุนแรงมาก รังสีความหล่อกระชากสายตาผู้ปกครองที่กำลังจูงลูกหลานเพื่อส่งเข้าชั้นเรียนให้ทันเวลาหันไปมอง
“อุ๊ย ดูนั่นสิเธอ ผู้ปกครองของน้องคนไหน หล่อจัง เหมือนพระเอกฮอลลีวูดไม่มีผิด”
ยิ่งเขาฟังภาษาไทยรู้เรื่องแล้วหันกลับไปส่งรอยยิ้มกว้างพร้อมกับพูดเป็นภาษาไทย
“ไม่ใช่นะ หน้าคุ้นๆ เหมือนนักธุรกิจดังที่กำลังมีข่าวเข้ามาเทคโอเวอร์สายการบินในประเทศไทย ใครไม่รู้แต่หล่อเนอะ”
ไรอันได้ยิน เขาฟังภาษาไทยเข้าใจแม้ยังพูดไม่เก่งนัก“ขอบคุณครับ”
ทำให้ผู้คนแถวนั้นแทบอยากจะกรี๊ดสลบ
กุลนิดาไม่มีทางลืม เขาคือมิสเตอร์ ไรอัน คาเตอร์ ผู้ชายที่กุลนิดาคิดว่าชาตินี้คงไม่เจอเขาอีกแล้ว หัวใจดวงน้อยดิ่งวูบลงอย่างกะทันหัน แล้วในนาทีนั้น สายตาดุดันน่าสะพรึงกลัวอย่างยากจะบรรยายหันมาสบเข้ากับดวงตาที่กำลังตระหนกยิ่งกว่ากวางน้อยหลงฝูงเข้าพอดี
“คุณไรอัน พระเจ้าช่วย! ซวยแล้ว โผล่มาที่นี่ได้ไง!!”
“อย่าหนีนะ เจอตัวแล้ว” เสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์แต่ชวนให้ลุ่มหลงดังขึ้น “เกรซี่ ในที่สุดผมก็เจอคุณแล้ว”
แน่นอนเขาเป็นคนรักเด็ก ปรารถนาจะมีลูกมาตลอด ในเมื่อรู้ว่ามีลูก แม้จะไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ แต่เรื่องอะไรเขาจะปล่อยให้สายเลือดของคาเตอร์มีความเป็นอยู่อย่างลำบาก งานนี้ไม่ได้มาตามแค่ลูก แม้แต่แม่ของลูก เขาก็สนใจจะเอากลับไปให้ได้....