8 ชิงปิ่นหยกกลับมา

1412 Words
เดิมทีซูเหมยกำลังปักผ้าอยู่ที่สนามหญ้า เมื่อนางได้ยินว่าพี่สาวโง่ๆ ของนางกลับมา หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มตรงมุมปากเย้ยหยัน ครั้งสุดท้ายที่ซูลี่กลับมาที่บ้านเดิมก็ถูกนางกับท่านแม่ล้อเลียนเรื่องที่พี่สาวแต่งงานกับคนโง่ จนทำให้เจ้าตัวโมโหกลับไปอย่างแค้นใจ วันนี้ซูเหมยเพิ่งรู้สึกเบื่อๆ ให้บังเอิญว่าพี่สาวของนางมาพอดี นางจึงอยากหาเรื่องกลั่นแกล้งพี่สาวคนนี้ผ่อนคลายอารมณ์สักหน่อย ซูเหมยวางงานปักลงในมือแล้วพูดกับแม่นมชราที่ยืนอยู่ด้านข้าง "แม่นมหลิว ไปเชิญท่านพ่อมาที่นี่" แม่นมเดินออกไปตามคำสั่ง ซูเหมยมองนิ้วมือที่สวยงามของนาง แล้วก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ แน่นอนว่าในเวลานี้นางยังคงสุขสบายดีอยู่ที่บ้านของตนเอง โดยมีท่านพ่อท่านแม่คอยปกป้อง และนางสามารถรังแกใครก็ได้ที่นางต้องการ ซูลี่ไม่ให้ฉู่เหิงมากับตัวเอง และกลับมาที่บ้านเดิมคนเดียว เพราะหญิงสาวกังวลว่าถ้านางทะเลาะกับซูเหมย ตนเองจะไม่มีแรงเหลือที่จะดูแลเขา ซูลี่คิดว่าการทำร้ายคนอื่นไม่ใช่เรื่องดี ถ้าหากสามารถตกลงกันได้ด้วยการเจรจามันก็คงดีไม่น้อย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับซูเหมย คนป่าเถื่อนที่ชอบรังแกผู้อื่นตั้งแต่ยังเด็ก หญิงสาวก็คิดว่าคนผู้นี้ไม่สามารถที่จะพูดคุยเจรจากันอย่างสันติได้ เนื่องจากซูเหมยชอบใช้กำลังมาก วันนี้ซูลี่จึงอยากจะลองดูพละกำลังของตนเองดูเสียบ้าง ซูเป่ยซานเป็นคนรักษาหน้า ถ้าซูลี่กับซูเหมยตบตีกันจริงๆ ในฐานะพ่อเขาย่อมไม่กล้าเข้าข้างใครแน่นอน อีกอย่างซูเหมยในวันนี้ไม่ใช่ลูกสาวที่เขาภาคภูมิใจอีกต่อไป หลังจากที่ซูเหมยแต่งงาน ไม่เพียงแต่นางไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ใดๆ ให้กับครอบครัวได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วนางกลับเก็บเสื้อผ้าวิ่งกลับมาที่บ้านเดิม สร้างความขายหน้าให้กับเขา แม้ว่านายท่านซูจะไม่ได้พูดอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ใส่ใจลูกสาวคนนี้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แต่ซูลี่นั้นแตกต่างกันออกไป นางยังมีตระกูลฉู่ให้พึ่งพา แม้ว่าตระกูลฉู่ในปัจจุบันจะไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน แต่นายท่านฉู่ผู้ล่วงลับยังคงเป็นผู้มีพระคุณของซูเป่ยซาน ดังนั้นเขายังคงเห็นความสำคัญของลูกสาวคนโต ทันทีที่ซูเหมยออกมาจากสวนหลังบ้าน นางก็เห็นซูลี่เดินมาหาตนเองด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร ก่อนที่ซูเหมยจะพูดอะไรซูลี่ก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วเอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อของน้องสาว ซูเหมยและสาวใช้ของนางตกตะลึง พวกเขานางไม่คาดคิดว่าซูลี่จะหยาบคายเช่นนี้ ทั้งสองคนมองไปที่สตรีหยาบคายตรงหน้าอย่างโง่เขลา จนกระทั่งซูเหมยถูกซูลี่จิกผม พวกนางถึงตั้งสติได้คิดจะต่อสู้ แต่ไม่รู้ว่าซูลี่ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรืออย่างไร ท้ายที่สุดปิ่นหยกก็ถูกดึงออกไปอย่างง่ายดาย เสี่ยวจ้าวสาวใช้คนสนิทของซูเหมยพยายามจะเข้าไปแย่งปิ่นหยกคืน แต่ก็ถูกซูลี่ถีบออกมาจนล้มลงพื้น เด็กสาวเค้นเสียงพูดอย่างโกรธเคือง "คุณหนูใหญ่...คืนปิ่นหยกของคุณหนูข้ามาเดี๋ยวนี้!" ซูลี่ลูบคลำปิ่นหยกในมืออยากพอใจ "นี่ไม่ใช่ปิ่นหยกคุณหนูของเจ้า...จำเอาไว้นี่มันปิ่นหยกของข้า!" ปิ่นหยกเป็นสมบัติของซูลี่ และคนในตระกูลซูนอกจากท่านพ่อและท่านแม่ของตนก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ซูเหมยมองหน้าเสี่ยวจ้าว เด็กสาวจึงรีบพูดรีบพูดปกป้องนายของตน "คุณหนูของข้าปักปิ่นหยกนี้มาตั้งแต่ดันเด็ก คนรับใช้ในจวนเป็นพยานได้...ดังนั้นคุณหนูใหญ่รีบปิ่นหยกมา มิเช่นนั้นข้าน้อยจะไปแจ้งต่อนายท่าน" ซูลี่ปรบมือในใจให้กับการโกหกอย่างหน้าซื่อตาใสของสองนายบ่าว หญิงสาวกำลังลงมือกับพวกเขาอีกครั้ง แต่หางตาของนางก็เห็นใครบางคนกำลังเดินเข้ามา ดูสิระหว่างข้ากับพวกเจ้าใครจะแสดงเก่งมากกว่ากัน! ซูลี่เปลี่ยนสีหน้าทันที หญิงสาวมองไปที่ซูเหมยด้วยความคับแค้นใจ "ปิ่นหยกนี้เป็นของข้าแท้ๆ เป็นสิ่งที่มารดาเหลือไว้ให้ ถ้าน้องสาวยืนยันที่จะเอามันไป ข้าคงได้แต่กัดฟันรายงานต่อทางการเท่านั้น” ซูเหมยมองไปที่ซูลี่ซึ่งมีท่าทีเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ นางรู้สึกว่าพี่สาวของนางเปลี่ยนไปมาก แต่ก่อนที่ซูเหมยจะได้พูดอะไรก็มีเสียงตะโกนอย่างเคร่งขรึมดังขึ้นมา "ไร้สาระ! เหตุใดต้องไปรายงานทางการ เจ้าไม่อายบ้างรึ!" เมื่อซูเหมยได้ยินว่าบิดามาถึงแล้ว นางรีบเดินไปหาและฟ้องเขา "ท่านพ่อ...พี่สาวแย่งปิ่นหยกของข้า" ซูเป่ยซานกำลังรอแขกผู้สูงศักดิ์เขาไม่มีเวลามาดูพี่น้องสองคนทะเลาะกัน "เจ้าใช้ชีวิตที่ดีอยู่ในตระกูลฉู่ ไม่ว่าจะอาหารหรือเสื้อผ้าก็ไม่ขาดแคลน...จะแย่งปิ่นหยกของน้องสาวเจ้าไปทำไมกัน" "ข้าเสียสละให้น้องสาวทุกอย่างตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อปกป้องหน้าตาของตระกูลซู ข้ายอมแต่งงานแทนนาง...ในเวลานี้แม้แต่ของดูต่างหน้าของมารดาก็ยังไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้..ท่านพ่อไม่คิดว่าท่านลำเอียงเกินไปหรือ” ใบหน้าของซูเป่ยซานร้อนเล็กน้อย เมื่อลูกสาวกล่าวขึ้นมาเช่นนี้ เขาเหลือบมองลงไปที่ปิ่นหยกในมือของซูลี่ ดูเหมือนว่าเขาจะจำได้รางๆ ว่าในตอนที่ลูกสาวทั้งสองยังเด็ก ซูลี่ร้องห่มร้องไห้มาฟ้องเขาที่ถูกน้องสาวแย่งปิ่นหยกไป ในเวลานั้นเขาไม่ได้สนใจคำขอร้องของนาง และตัดสินใจไปส่งๆ ซูเป่ยซานรู้สึกผิดเล็กน้อยต่อลูกสาวคนโต ในเวลานี้จะว่าไปคนที่เขาสามารถพึ่งพาได้นั้นมีเพียงลูกสาวคนโต แม้ว่าตอนนี้ตระกูลฉู่จะตกต่ำ แต่ก็ยังมีกิจการร้านค้าอยู่หลายแห่งที่หากำไรได้ แล้วซูเหมยล่ะ เขาเอาอกเอาใจลูกสาวคนเล็ก และสุดท้ายนางก็ทำให้เขากลายเป็นตัวตลกไปทั้งเมือง “เนื่องจากปิ่นหยกแต่เดิมก็เป็นของเสี่ยวลี่ เจ้าเป็นน้องสาวก็คืนมันกลับไปให้พี่สาวเจ้าซะ! มันไม่ใช่ของมีค่าที่จะทำให้พวกเจ้าพี่น้องมาแย่งกันให้อับอายขายหน้า” ซูเหมยไม่คาดคิดว่าบิดาของนางจะตัดสินออกมาเช่นนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าข้างซูลี่ เรื่องนี้ทำให้นางยอมรับไม่ได้ รีบยื่นมือออกไปจับแขนเสื้อของบิดา "ท่านพ่อ! มันเป็นของข้าจะเป็นของพี่สาวไปได้อย่างไร..." ซูเป่ยซานต้องไปรอรับแขกผู้สูงศักดิ์เพื่อเจรจาการค้า เขามีเรื่องไม่ต้องจัดการมากมายจึงหมดความอดทนกับลูกสาวคนเล็ก ประจวบกับพ่อบ้านเดินเข้ามาแจ้งว่าแขกผู้ส่งศักดิ์มาถึงแล้ว เขาสะบัดแขนเสื้อออกและรีบเดินตามพ่อบ้านไปอย่างเร่งรีบ ซูเหมยถูกเหวี่ยงและเกือบจะล้มลง! นางจ้องไปที่บิดาที่เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองด้วยความตกใจ ซูลี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ คนอย่างซูเหมยเป็นโรคเจ้าหญิง นางมีความคิดว่าทุกคนต้องเอาอกเอาใจนางและประคองนางไว้บนฝ่ามือ ซูลี่คิดว่าถ้าซูเหมยไม่มีปิ่นหยก วันข้างหน้านางจะต้องลำบากแน่ แต่นั้นมันเป็นเรื่องในอนาคต และนางก็ไม่มีเวลาจะไปสนใจ ตอนนี้ปิ่นหยกก็อยู่ในมือของนางแล้ว หญิงสาวจึงรีบเดินออกจากจวนไปทันที ❤️ วันนี้มาสายหน่อย ต้องขออภัยด้วยนะคะ ดูเหมือนทุกคนเฝ้ารอที่จะให้พระเอกหายเร็วๆ เดี๋ยวไรท์จะเขียนฉากเซอร์วิสให้แน่นอนจ้า ใครๆก็ชอบของแซ่บๆ เนาะ 555 อย่าลืมกดใจ คอมเม้นท์ เพิ่มเข้าชั้นเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ❤️
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD