@เช้าวันใหม่ปารดีตื่่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเพลีย ๆ ไม่เต็มร้อย ไม่พร้อมที่จะทำงานเลยแต่ก็ต้องทำเพราะไม่อยากให้ใครเดือดร้อนรับเคสเพิ่มแค่เท่าที่มีอยู่ก็เยอะอยู่แล้ว
"น้องปริมเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมดูหน้าตาไม่ค่อยสดใสเลย" พิทยาเอ่ยทักหลังจากสังเกตเห็นคนตัวเล็กหหน้าตาอิดโรยและเหม่ออยู่บ่อย ๆ
"ไม่เป็นอะไรนี่คะ อาจจะคิดถึงคุณแม่คิดถึงป้าแก้วมั้งคะไม่เจอกันนานเลยตั้งแต่งานศพลุงชัยเมื่อไรจะมาก็ไม่รู้" ปารดีพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว
"เหรอ วันหยุดนี้ไปหาแม่กัน เดี๋ยวพี่พาไป" พิทยาเอ่ยชวนอย่างเอาใจ
"ค่ะ ขอบคุณค่ะ" ปารดีนึกขอบคุณคนตัวโตอย่างมากมายที่ใส่ใจความรู้สึกเธอเหลือเกิน เพราะตอนนี้เธออยากคุยกับมารดาอย่างที่สุด
_______________________
ตัดมาที่แก้วตาและดวงใจ
@บ้านแก้วตา
"พี่แก้วคะ พี่แก้วจะอยู่เคลียร์งานอีกกี่วันคะ" ดวงใจเอ่ยถามขึ้น
"ก็ 15 วัน หรือเดือนนึง ถามทำไมเหรอ"
"พี่แก้วจะบวชจริง ๆ เหรอคะ" คนน้องถามขึ้น
"อือ มันเป็นความตั้งใจของพี่อยู่แล้ว ว่าแก่ตัวไปอยากจะบวช ส่วนพี่ชัยแกจะยังไงหรือหาเมียใหม่ก็แล้วแต่แก พอดีก็มาตายจากซ๊ะก่อนก็เลยตัดปัญหาไป ยิ่งตัดสินใจง่ายไปใหญ่" แก้วตาพูดกลั้วหัวเราะแต่นัยน์ตาเศร้าเหลือเกิน
"หนูอยากจะบวชกับพี่ด้วย พ่อพิทยาเค้ารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลน้องปริมอย่างดี หนูเชื่อว่าเค้ารักน้องปริมจริงค่ะ" ดวงใจพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"เอาไว้ให้ถึงเวลานั้นก่อนเถอะ แล้วค่อยตัดสินใจ เพราะอนาคตคือสิ่งที่เรามองไม่เห็น" แก้วตาพูดไว้เผื่อ ๆ
"พี่แก้วคะ ไม่ว่าจะยังไงพี่แก้วก็ยังเป็นพี่สาวที่หนูนับถือเสมอนะคะ อย่าแบกโลกไว้คนเดียว ระบายให้หนูฟังบ้างก็ได้ หนูไม่เห็นใครดีกว่าเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองหรอกค่ะ"
"ไม่มีอะไรหรอกดวง ไปพักผ่อนเถอะ อย่าเป็นกังวลกับพี่เลย ห่วงแต่ลูกสาวเรานั่นเถอะ ไปอยู่บ้านผู้ชายไม่คิดจะไปดูลูกบ้างเหรอ ระวังเค้าจะว่าเราประเคนลูกสาวให้เค้านะ"
"คนรับประเคนเค้าก็รอแหละค่ะ แต่คนที่ถูกประเคนนี่ยังแข็ง ๆ อยู่ ดันไม่ไป ไสไม่ไปค่ะ" ดวงใจพูดกลั้วหัวเราะ
"เปี๊ยะ ว่าไปนั่นแม่ดวงนี่ นั่นลูกสาวเรานะ" แก้วตาตีที่แขนน้องสาวไปหนึ่งเปี๊ยะ แล้วบ่นไปตามประสา ส่วนน้องสาวได้แต่ยิ้มหน้าเจื่อน ๆ
"ก็หนูเชื่อว่าตาคุณพิทยาเค้าเป็นคนดีจริง ๆ นี่คะอีกอย่าง คุณท่านทั้งสองก็รักยายหนูยังกะอะไรดี" แก้วตายืนกราน
"พี่เชื่อ ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พี่ยังไม่อยากให้เธอรีบตัดสินใจอะไรไป บางทีมันอาจจะมีอะไรที่เธอยังไม่รู้อีกเยอะก็ได้" แก้วตาพูดลอย ๆ ทำเอาคนฟังคิ้วขมวดปมขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกัน
__________________
อีกด้านของโรงพยาบาลที่รักษาผู้คุมขังแห่งหนึ่ง
"คุณหมอครับ มีนักโทษชื่อนายเชิด เลิศปิติสุข จากคำบอกว่าว่าหลังกินอาหารแล้วน้ำลายฟูมปากแล้วล้มลง จากนั้นผู้คุมได้เรียกรถฉุกเฉินแล้วเจ้าหน้าที่พาตัวมารักที่นี่ครับ" พยาบาลหนุ่มรายงานสถานการณ์เบื้องต้นโดยมีนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรยืนขนาบข้าง
"งั้นเหรอ เดี๋ยวผมขอตรวจร่างกายคนไข้หน่อยนะ ตำรวจต้องอยู่ด้วยใช่มั๊ย"
"ใช่ครับ ใช่ครับ ขออภัยถ้าคุณหมอไม่สะดวก" นายตำรวจชั้นสัญญาบัตรกล่าวราบเรียบ
"โอเค งั้นนำคนไข้เข้ามาเลย ผมจะได้ตรวจร่างกาย" คุณหมอนิติเหตุนิติคดีผู้รับเคสกล่าวอย่างหนักแน่น นาทีต่อไปบุรุษพยาบาลได้เข็นคนไข้เข้ามาและจัดให้นอนบนเตียงเป็นที่เรียบร้อยแล้วออกจากห้องไป
"โอเค ทุกคนออกไปหมดแล้ว มีอะไรจะบอกหมอมั๊ยครับคุณเชิด” หมอหนุ่มเอ่ยขึ้นเบา ๆ พอได้ยินแค่สองคน
"คนที่ฆ่าพีรพัฒน์มันเป็นคนใกล้ตัวของเพื่อนรุ่นพี่ของนายครับ มันผูกใจเจ็บแต่ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไร" เชิดกล่าวทำทีเหมือนเล่าอาการเจ็บป่วยทั่วไป
"คุณเชิดหมายถึงคนที่เป็นปมเรื่องทั้งหมดคือศัตรูเก่าของคุณเขตแดนน่ะเหรอ" คุณหมอหนุ่มกล่าวต่อ
"ใช่ครับ มันมีพวกพ้องมากมาย มีเครือข่ายโยงไยที่สาวไม่ถึงตัวมันครับ แต่เท่าที่รู้ผมสงสัยเพื่อนของนายครับ มันจ้องจะเล่นงานผมที่เป็นพยานปากเอกครับ แต่ผมไม่กลัวตายหรอกครับ ยังไงเสียครอบครัวของผมก็อยู่ในความคุ้มครองของนายแล้ว" นายเชิดกล่าว และทำทีเป็นอ้าปากหาวเหมือนคนหายใจไม่อิ่ม จากนั้นแพทย์จึง ออกซิเจนแคนนูล่ามาใส่ให้ และทำทีตรวจร่างกายไปเรื่อย
"เพื่อนของนายคุณเชิดคือนายปราบที่ตายไปแล้วน่ะเหรอ?" คุณหมอซักไปทำทีเป็นปรับบริเวณเกจ์ปรับออกซิเจนไปอย่างเนียน ๆ
"ไม่ใช่ครับ ยังมีอีกคนหนึ่ง แต่ไม่ค่อยลงรอยกับนายปราบเท่าไร มักจะมีปากเสียงกันบ่อย ๆ ด้วยครับ ส่วนนายปราบก็จะหัวร้อน แต่แกเป็นคนจริงใจนะครับ แต่เพื่อนอีกคนของนายนี่แหละที่บอกให้ผมพูดใส่ร้ายนายปราบซึ่งผมก็จำเป็นต้องทำไปเพราะรับเงินเค้ามาแล้ว ตอนนั้นผมลำบากน่ะครับ" เชิดตอบไปตามความจริงและทำทีเป็นหายใจลำบากมากขึ้น
"ไม่ต้องกังวลหรอกคุณเชิด ขอบคุณที่ช่วยพูดความจริง ที่นี่จะมีคนดูแลคุณเชิดอย่างดีไม่ให้ใครมาแทรกแซงได้วางใจเถอะ" หมอหนุ่มนิติคดีนิติเหตุพูดยิ้ม ๆ และเดินออกไปคุยอะไรกับตำรวจสักพักแล้วเดินออกไป
-----------------------
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้→นายตำรวจชั้นสัญญาบัตรหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพราะเขาตั้งระบบสั่นไว้ เขาพบข้อความรหัสลับจึงเข้ารหัสไปเปิดดูข้อความทันที เขารู้ว่าวันนี้จะมีเหตุผิดปกติที่โรงพยาบาลและได้รับคำสั่งให้มาดูแลเคสนี้ โดยไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นเคสอะไร ทำไมต้องมา ถึงตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เขาไม่ได้ทำตามเพราะเป็นคำสั่งของนายใหญ่ แต่ที่เขาทำตามเพราะเขาเลือกที่จะยืนหยัดอยู่ข้างคนดีต่างหาก