⇒อีกด้านของคนที่รอฟังข่าว เขาวางโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูไว้บนโต๊ะข้าง ๆ ตัว และนั่งคิดทบทวนอะไรไปเรื่อยเปื่อย บังเอ็ญเหลือบเห็นข้อความใหม่บนหน้าจอโทรศัพท์จึงเข้าไปเปิดดูแล้วยกยิ้มมุมปาก แล้วกดอะไรยุกยิก ๆ สักพักก็วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม ⁈
_________________________
@วันหยุด
พิทยาและปารดีเดินทางไปหาแก้วตาและดวงใจที่บ้านที่ภูเก็ตเขาเลือกที่จะใช้การเดินทางโดยสายการบินเพราะสะดวกและประหยัดเวลา เขาได้ไฟล์ช่วงเช้าจึงมาถึงท่าอากาศยานภูเก็ตในช่วงสาย ๆ และได้รับการอำนวยความสะดวกจากแดนไตรเพื่อนรักในการรับจากสนามบินมาส่งยังที่บ้านแก้วตาป้าของปารดีจึงทำให้การเดินทางลื่นไหลดีไม่มีติดขัดอะไร
@บ้านแก้วตา
"นู่น มากันแล้ว ลูกสาวเธอเป็นไงล่ะ ได้บินมาหาแม่จนได้ ก็บอกแล้วให้กลับ ๆ เห็นมั๊ยมาแล้วนู่น หยุดหรือขอเปลี่ยนเวรละนั่น" แก้วตาบ่นน้องสาวกระปอดกระแปดหลังจากเห็นหลานสาวและว่าที่หลานเขยขับรถเข้าเข้ามาในบ้าน
"ก็หนูไม่อยากทิ้งพี่แก้วนี่คะ อีกอย่างน้องปริมก็มีคนดูแลแล้วด้วย ไหนจะคุณตาคุณยายของเค้าอีกประคบประหงมกันมาตั้งแต่อยู่ปีสองจนจบจนทำงาน สงสัยจะเป็นลูกหลานกันตั้งแต่ชาติที่แล้ว หึหึ" ดวงใจแก้ต่างแต่ยิ้มในหน้าเพราะคลายใจไปหนึ่งเปราะเพราะคนรักของลูกสาวได้มาสารภาพว่ารักลูกสาวและพร้อมจะให้เกียรติดูแลปกป้องในฐานะภรรยาอย่างเปิดเผย
"จุ๊ จุ๊ จุ๊ หยุดพูดเถอะ นู่น เดินมานู่นแล้ว" แก้วตาจุ๊ปาก
อีกด้านของผู้มาใหม่
"สวัสดีค่ะ ป้าแก้ว แม่คิดถึง ..พรึ่บ.. (คนตัวเล็กสับเท้าเข้ามากอดไว้ทั้งแม่และป้าในคราวเดียวกัน)
"อะไรเนี่ย มากอดป้ากับแม่พร้อม ๆ กันเนี่ย เจ้าปริม ไหนป้าขอดูหน้าคุณหมอหน่อยซิ ทำไมทำตัวเหมือนเด็กล่ะ" แก้วตาลูบผมหลานสาวเบา ๆ อย่างเอ็นดู ในขณะที่ชายหนุ่มที่ติดตามมาด้วยได้แต่ยิ้มจนตาหยี
"สวัสดีครับป้าแก้ว สวัสดีครับแม่ดวง"
"ไหว้พระเถอะลูก/สวัสดีจะพ่อพิท" แก้วตาและดวงใจรับไหว้ชายหนุ่มยิ้ม ๆ แล้วหันไปทางหลานสาวต่อ
"จะมาอยู่กี่วันละปริมเอ้ย พักที่นี่สักคืนเป็นไง จะได้ไม่เหนื่อย" แก้วตาถามหลานสาวด้วยความห่วงใย
"ก็จะพักหนึ่งคืนค่ะ พรุ่งนี้กลับ มะรืนไปทำงานตามปกติค่ะ ป้าคะหนูอยากกินไก่ต้มซีอิ้วฝีมือป้าจัง" ปารดีพูดอย่างอ้อน ๆ
"หือ อยู่ที่นู่นไม่ได้กินละซิ ได้ เดี๋ยวป้าทำให้ในตู้เย็นมีไก่พอดีเลย" แก้วตาตอบหลานสาวแล้วหันไปส่งสายตาให้น้องสาวเป็นเชิงบอกว่าเธอไปเตรียมเครื่องปรุงซิ เพราะคนตัวโตส่งข่าวว่าจะมาก่อนนี้แล้ว และหลานสาวของเธอมาทีไรจะขอกินเมนูนี้ทุกครั้ง
ด้านดวงใจรู้คิวรีบลุกไปในครัวพร้อมกับหยิบนู่นจับนี่เพื่อเตรียมวัตถุดิบให้พี่สาว
"ให้ผมช่วยนะครับแม่ดวง นอกจากเมนูของน้องปริม แม่ดวงอยากทานอะไรอีกมั๊ยครับเดี๋ยวผมแสดงฝีมือเอง" เป็นพิทยาที่กล่าวขึ้นมือก็เปิดตู้เย็นหาวัตถุดิบที่พอจะทำเป็นเมนูได้
"แม่กินอะไรก็ได้ นี่ก็ว่าจะทำน้ำพริกปลาสดอีกสักอย่าง กินกับผัก แล้วก็ผัดผักแค่นั้นก็คงพอแล้วหละพ่อพิท ถ้าพ่อพิทอยากกินอะไรก็ตามสบายเลยนะ ทำเอาเองเลย แม่ไม่ค่อยถนัดทำกับข้าว ไม่เหมือนป้าแก้วเค้า รายนั้นเค้าแม่ค้าข้าวแกงเก่า อร่อยทุกอย่าง แต่ไม่ค่อยว่างทำ หึหึ" ดวงใจพูดยิ้ม ๆ
"ได้ข่าวว่าป้าแก้วจะลาออก จริงหรือครับแม่ดวง"
"ก็ตามนั้นหละจ้ะ แกตั้งใจมานานแล้ว แกคงอิ่มกับชีวิต น้องปริมก็เรียนจบมีการมีงานทำ นี่ลุงชัยก็มาตายจากแกก็คงไม่มีห่วงอะไรแล้วน่ะจ้ะ" ดวงใจพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"แม่ดวงทราบเรื่องปูมหลังของลุงชัยแล้วใช่มั๊ยครับ?"
"เพิ่งรู้หลังจากเผาศพลุงชัยไปไม่นานนี้เองจ้ะ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจหรือโกรธเคืองอะไร มันคนละส่วนกัน ยังคงเคารพลุงชัยเหมือนเดิม ทุกคนเคยทำผิดมาด้วยกันทั้งนั้นไม่เว้นแม้แต่ตัวแม่เอง" ดวงใจพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่เบาและแผ่วลงไปมากพร้อมกับผ่อนลมหายใจออกยาวหลังจากพูดจบ
"แม่ดวงครับ ถ้าพ่อปราบยังมีชีวิตอยู่ แม่ดวงจะว่ายังไงครับ" พิทยาเงียบอยู่นานก่อนจะพูดมันออกมา
"อย่าพูดในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้เลยพ่อพิท มันไม่เกี่ยวกัน แม่กับเค้าเราจากกันมาตั้งนานก่อนที่จะเกิดเรื่องแล้ว แม่เตรียมของเสร็จแล้ว เดี๋ยวไปตามป้าแก้วมาปรุงก่อนนะ เดี๋ยวคนนั้นเค้าจะโมโหหิวซ๊ะก่อน"
พิทยาพาร์ท
ผมละอ่อนใจกับครอบครัวนี้จริง ๆ ครับ อยากให้น้องได้มีครอบครัวที่อบอุ่นแต่ทำไมมันยากยิ่งกว่าเรื่องของตัวเองเสียอีก ดู ๆ น้องก็ไม่ได้ปฏิเสธผม แต่เหมือนมีกำแพงอะไรสักอย่างที่ทำให้น้องไม่เปิดปากรับคำ แต่จะทำไงได้ล่ะครับก็มันรักไปแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุดละครับ
หลังจากรับประทานมื้อเช้าและมื้อเที่ยงรวบยอดเป็นมื้อเดียวกัน พิทยาขออนุญาตผู้ใหญ่ของบ้านไปนั่งดูงานในสวนหลังบ้าน ส่วนสามคนที่เหลือได้แต่นั่งคุยกันกระหนุงกระหนิงด้วยความคิดถึง
"แม่คะ หนูโตแล้วนะคะ หนูสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ เลี้ยงแม่ได้แล้วนะคะหนูอยากให้แม่เชื่อใจหนู" ปารดีเกริ่นนำเพราะเธอตั้งใจมาเพื่อเค้นความจริงจากปากมารดาให้ได้
"ยังไงคะลูก หนูต้องการจะบอกอะไรแม่หรือเปล่า" ดวงใจเอ่ยถามอย่างรู้สึกหวิวกลัวใจลูกสาวเหลือเกิน
"มันถึงเวลาแล้วหละดวงเอ้ย บอกลูกไปเถอะ ดีกว่าลูกจะไม่รู้อะไรเลย ทางนั้นก็มีศัตรูอยู่จะได้รู้เขารู้เราน๊า" แก้วตาเอ่ยเตือนสติน้องสาวให้ฉุกคิดถึงเรื่องนี้ไม่ใช่มัวแต่ปกปิดเรื่องของตัวเอง
"แม่คะ พ่อหนูชื่อปราบ ใช่มั๊ยคะ แล้วพ่อหนูนามสกุลอะไรคะ"
อีกด้านของคนที่เกิดกระหายน้ำจึงตั้งใจจะเดินเข้ามาเอาน้ำดื่มบังเอิญมาได้ยินพอดีจึงหยุดเท้าไว้แค่นั้นเพราะไม่อยากให้ทั้งสามคนกระอักกระอ่วนใจจนเกินไป