ทางด้านดวงใจที่ได้ยินลูกยืนยันเช่นนั้นก็รู้สึกจนใจ คิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่ลูกสาวควรจะรับรู้ความจริงเสียที
"น้องปริม น้องเป็นลูกของพ่อปราบ นฤนาทปรีดา ซึ่งพ่อปราบเป็นเพื่อนกับคุณพรมแดน ในตอนนั้นแม่กำลังเรียนมัธยมปลายอยู่เลย พ่อกับแม่พบกันโดยบังเอิญ เกิดถูกใจกันคบกันเรื่อยมาจนเราเกินเลยกัน แล้วพ่อก็พาแม่เข้าบ้าน จากนั้นแม่ก็มีหนู แล้วก็หนีออกจากบ้านหลังนั้นมา" ดวงใจเล่าในส่วนของตนเองแล้วเงียบอยู่ไปพักใหญ่เหมือนต้องการจัดการกับอารมณ์ของตนเอง
"แล้วทำไมแม่ถึงหนีออกมาล่ะคะ แม่บอกหนูได้มั๊ย" ปารดีซักต่อ
"มันผ่านไปแล้วละลูกอย่ารื้อฟื้นเลย คนตายก็ตายไปแล้ว" ดวงใจกล่าวอย่างปลง ๆ
"บางทีสิ่งเราคิดมันอาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้นะดวงเอ้ย อย่ากลัวที่จะพูดความจริงอย่าสู้กับหัวใจตัวเองเลยเพราะมันไม่มีวันชนะหรอก" แก้วตาถึงกับเอ่ยปากเตือนสติน้องสาวทั้งที่ก่อนนี้ไม่เคยอยากจะยุ่ง
"แม่คะ ตอนหนูเข้าเวรดึกมีผู้หญิงที่ผ่านมา มีผู้หญิงวัย 65 ปี แต่ดูแก่เกินวัยมากค่ะ ชื่อคุณปราง นฤนาทปรีดา เป็นผู้ป่วยที่มีรอยโรคกลุ่มหัวใจและหลอดเลือดค่ะ แม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ใช่มั๊ยคะ เธอน่าสงสารมากนะคะ"
"……." ดวงใจเงียบ แต่มีน้ำใส ๆ เอ่อคลอตา
"นั่นคือชื่อของป้าหนูจ้ะ" ดวงใจเอ่ยออกมาจนได้ในที่สุด
"ดวงใจ มันผ่านมานานแล้ว พูดออกมาเถอะ พูดกันให้จบในวันนี้ อย่าเก็บไว้อีกเลย" แก้วตาเอ่ยเตือนอีกครั้งเพราะเธอรู้มาจากนายพรมแดนเพื่อนรุ่นน้องของนายใหญ่ว่านายปราบยังไม่ได้เลยร้ายอย่างที่คิด
"แม่คะ แม่รู้มั๊ยคะว่าเค้าเก็บกระดูกพ่อไว้ที่วัดไหน" ปารดีเอ่ยถามตามความน่าจะเป็นนั่นยิ่งทำให้ทุกคนในวงสนทนาเงียบไปตาม ๆ กัน
"ตอนนี้ผมอยากให้ทุกคนนิ่ง ๆ อย่ากระโตกกระตากไปครับ เพราะผมรู้มาว่าการตายของพ่อปราบมีเงื่อนงำ เป็นปมอาฆาตของใครบางคนที่ขัดผลประโยชน์กันกับป๊าเขตแดนครับ มันน่ากลัวตรงที่เราไม่รู้ว่ามันเป็นใคร จะเล่นงานใครก่อนดังนั้นผมยังไม่อยากให้น้องปริมอย่าเพิ่งแสดงตัวว่าเกี่ยวข้องกับพ่อปราบไปก่อนน่ะครับ" พิทยาอธิบายแทรกขึ้นเพื่อยุติความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อไว้ก่อน
"แล้วพ่อปราบเกี่ยวอะไรด้วยกับเรื่องนี้คะ ทำไมเค้าถึงได้ฆ่าพ่อหนู" ปารดีถามคนพี่ด้วยแววตาไหววูบ
"มันเป็นปมบาดหมางของผู้ใหญ่น่ะครับ พี่เองก็ไม่ค่อยรู้เท่าไร รู้แต่วาทางนั้นอาฆาตอยู่ครับ พี่เป็นห่วงน้องปริมนะครับ" พิทยากล่าวราบเรียบ
………………………………….
@เซฟเฮาส์
อีกด้านของคนที่แอบฟังอยู่ถึงกับน้ำตาซึมเมื่อรู้ว่าลูกสาวของตัวเองรักและเคารพเขาขนาดนี้ ขนาดยังไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ยังเรียกร้องความเป็นธรรมให้ขนาดนี้ และดีใจเป็นที่สุดที่รู้ว่าภรรยาที่รักยังมีเยื่อใยกับเขาอยู่ เพราะฟังจากน้ำเสียงแล้วน่าจะเป็นเช่นนั้น
"นายรู้ใช่มั๊ยว่าถ้านายแสดงตัวตอนนี้ ลูกกับเมียของนายจะเป็นอันตราย"
"อืม รู้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉั๊นทนมาได้เท่าอายุของลูกยังทนมาแล้วเลย จะอะไรกะอิเรื่องแค่นี้ ฉั๊นอยากจะรู้นักว่าไอ้เวรนั่นมันแค้นอะไรพวกเรานักหนา หรือเป็นเพราะพี่ชายร่วมโลกของนาย" ชายวัยกลางคนสบถบ่นไปตามประสาคนปากไว
"เอาน่าเพื่อน ไหน ๆ ก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วน่า เฮียแกก็เบาไปเยอะแล้วนะ พวกเดียวกันน่า"
"เออ ก็ถึงยอมให้ความร่วมมืออยู่นี่ไง แต่อย่าช้าไปกว่านี้นะ ฉั๊นสงสารพี่ปราง คิดถึงลูกคิดถึงเมียด้วย ทีแกยังคืนดีกับเมียแกแล้วเลย"
"ไอ้นี่เว้ยเห้ยบ่นจริงแล้วตอนนี้กุได้อยู่กับเมียกูมั๊ย ก็มาขลุกอยู่แต่กับมึงเนี่ย จนเค้าคิดว่ากุมาอยู่กับเมียน้อยแล้ว"
"เออ กุละเบื่อเต็มที ไอ้แผนลวงศัตรูของมึงเนี่ย…" ชายวัยกลางคนลากเสียงยาว
"เอาน่า แต่ว่าตอนนี้กุต้องกลับก่อนนะเพื่อน" …ปึ่บ ๆ (เสียงตบที่ไหล่ของเพื่อนรักเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ
"อือ เก็บรอยด้วยหละมึง"
"เออ" ชายวัยกลางคนทำท่าจะเดินออกมาแต่บังเอิญได้พบใครอีกคน
"ไง ไอ้เดียว มึงต้มกุซ๊ะเปื่อยนะ ไอ้ดอง นี่ถ้ากุไม่เห็นว่ามึงเป็นพ่อตาของลูกชายกุละมึงเอ้ย" เขตแดนกล่าวหน้ายิ้ม ๆ แต่แอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
"เฮีย คือ ผมไม่ได้…" ยังไม่ทันที่พรมแดนจะพูดจบก็ถูกชายรุ่นพี่พูดแทรกขึ้เสียก่อน
"ทำอะไรไม่ปรึกษาเลย รู้มั๊ยว่ามันเสี่ยง ถ้าแกเป็นอะไรขึ้นมาอีกจะทำไง ลูกสะใภ้ของเฮียจะเป็นไง น้องสาวของเฮียจะเป็นไง แล้วนั่นเพื่อนรักแกอ่ะมันอวตารมาเกิดใหม่เหรอ ปล่อยข่าวว่าตายห่าไปแล้วไม่ใช่" เขตแดนหันไปทางอีกคนซึ่งกำลังเดินมาทางนี้
"สวัสดีครับเฮียเขต ไม่เจอกันซ๊ะนานเลย ยังแข็งแรงอยู่นะครับ"
"เออ กุไม่ได้เจ็บป่วยอะไร มึงอ่ะระวังตัวไว้ให้ดี มันไม่ปล่อยพวกมึงสองคนแน่ นายเดียวครั้งนั้นมึงรอดมาได้แต่ครั้งนี้ห้ามประมาทเด็ดขาดนะ นายด้วย..ปราบ" เขตแดนกล่าวเสียงเข้ม
"แสดงว่าเฮียรู้แล้วเหรอครับว่ามันเป็นใคร" พรมแดนเอ่ยถาม
"พอจะเดาได้น่ะ ก็กำลังสืบอยู่เหมือนกัน พวกนายก็ระวังตัวให้มากล่ะ"
"ครับเฮีย/ครับ" พรมแดนและปราบรับคำรุ่นพี่อย่างว่าง่าย
"ส่วนนาย นายยังมีน้องปริมกับพี่สาวที่รอนายอยู่นะ ไม่ใช่ตัวคนเดียว อีกอย่างเรื่องเมียนายผู้หญิงน่ะ ถ้าไม่รักไม่ครองตัวเป็นโสดมานานขนาดนี้หรอก" เขตแดนเตือนสติเพื่อนของผู้ที่รักเสมือนน้องชายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพราะกังวลในความห่ามของเขาเหลือเกิน