“ได้เวลาทานอาหารเย็นแล้วค่ะ”
ช่อพิกุลเดินกลับเข้ามาภายในห้องของคนป่วยอีกครั้งเมื่อได้เวลาอาหารเย็นที่ทางพี่ชายของคนป่วยได้เตรียมเอาไว้ให้
เธอมาพร้อมกับใจที่หวาดไหวพอสมควรเพราะตอนที่เข้ามาแนะนำตัวนั้นคนป่วยต้อนรับเธอเอาไว้ไม่ได้ที่เท่าไหร่ แต่เธอก็ยังคงเก็บอาการนิ่งไม่ได้แสดงความตื่นกลัวอะไรออกไป
“ไสหัวไปให้พ้น เพล้ง”
มือหนาของชายหนุ่มปัดเอาถาดอาหารที่พยาบาลพิเศษคนใหม่กำลังจะวางมันลงที่โต๊ะเล็กข้างหัวเตียงนอนอย่างแรง
จนถาดอาหารนั้นพลิกคว่ำกลับไปทางเดิม อาหารในถาดเทกระจาดเกลื่อนพื้นทันที
“ว้าย”
หญิงสาวที่ไม่ทันได้ตั้งตัวหลบถึงกับร้องตกใจเสียงดังออกมาเพราะถูกอาหารร้อนๆเทราดเข้าให้ที่เท้า
เธอถึงกับทรุดตัวก้มลงมองเท้าของตัวเองที่ปวดแสบปวดร้อนขึ้นในทันที ถึงจะไม่ได้ร้อนจนถึงขั้นทนไม่ได้ แต่มันก็เป็นบริเวณกว้างเต็มหลังเท้าของเธอ
“สมน้ำหน้า”
เสียงหนาของรัตติตะคอกดังใส่หน้าของหญิงสาวที่เขาไม่ต้องการแม้แต่จะมองหน้า
เมื่อได้เห็นว่าเธอนั้นได้รับความเจ็บปวดอย่างที่ควรจะได้รับโทษฐานที่ไล่เท่าไหร่ก็ยังไม่ไป
“คุณไม่ทานข้าวก็ควรจะทานยานะคะ”
ช่อพิกุลพยายามทำใจดีสู้เสือละทิ้งความเจ็บปวดไปชั่วขณะแล้วเดินไปหยิบยาที่โต๊ะตรงริมหน้าต่างมาส่งให้กับชายหนุ่ม
ในเมื่อเขาไม่อยากจะทานอาหารเย็นเพื่อบำรุงร่างกาย ก็ควรจะทานยาสักหน่อยอย่างน้อยก็เพื่อตัวเขาเองไม่ให้อาการทรุดไปกว่านี้
“กูบอกว่าให้ไสหัวไปให้พ้น”
เขาปัดแก้วที่ใส่ยาในมือของเธออย่างแรงจนหกกระจายทั่วพื้น ยาส่วนมากในแก้วนั้นเป็นยากล่อมประสาทให้เขานั้นหลับพักผ่อนได้เหมือนคนปกติ
เขาไม่จำเป็นต้องกินมันเพราะว่ากินเข้าไปเขาก็นอนไม่หลับอยู่ดี และเขาก็ไม่อยากรับอะไรมาจากพยาบาลพิเศษด้วยเพราะนั้นหมายถึงว่าเขาต้องมีคนดูแลทำอะไรเองไม่ได้
“เดี๋ยวฉันจะไปหยิบมาให้ใหม่นะคะ”
หญิงสาวยังคงพยายามทำหน้าที่ของเธอต่อเพราะเธอรับเงินเขามาแล้ว และเงินนั้นก็หมดไปแล้วด้วยเพราะเธอส่งไปให้พี่ชายเอาไปใช้หนี้งวดแรกที่ต่อรองกับเจ้าหนี้เอาไว้แล้วนั้น
“หน้าด้านจริงว่ะ”
รัตติขยับตัวลุกขึ้นนั่งตรงขอบเตียงด้วยความรวดเร็วเพราะกำลังโมโหที่ไล่กี่ครั้งคนตรงหน้าก็ยังไม่ไป
มือหนาคว้าเอาร่างบางที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมด้วยแรงมากมายกว่าเธอผู้เป็นแค่หญิงสาวร่างบอบบาง
“ว้าย”
ร่างบางถูกกระชากแรงล้มลงไปบนเตียงนอนของชายหนุ่มอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวและตั้งใจ
เธอกรีดร้องเบาๆออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับพยายามจะลุกออกจากเตียงนอนนั้นทันที
“ไล่ไม่ไปใช่ไหม”
แต่ร่างหนาที่ร่างกายยังปกติดีทุกส่วนยกเว้นตรงข้อเท้ารีบขึ้นคร่อมร่างบางที่กล้ามายั่วให้เขาโมโหเอาไว้
สองมือหนาจับกดสองมือบางลงกับเตียงนอนด้วยแรงมากมายมหาศาลไม่ให้เธอดิ้นหนีไปไหนได้
“คุณปล่อยฉันนะ”
ช่อพิกุลพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นไปจากใต้ร่างกำยำของเขาตรงนี้ พร้อมกับพยายามส่งเสียงดังๆเพื่อหวังให้ใครมาได้ยิน
“กูถามว่าไล่ไม่ไปใช่ไหม”
เขากลับใช้แรงมือกดข้อมือเธอหนักขึ้นพร้อมกับตะคอกใส่หน้าเธอด้วยเสียงอันดังลั่นอย่างไม่กลัวใครมาได้ยิน
เพราะช่วงเย็นย้ำแบบนี้ พี่ชายและครอบครัวของเขามักจะไปกินข้าวกับคนงานที่โรงอาหารที่อยู่ด้านในของไร่ศีขรินห่างจากบ้านพักของเธอเป็นกิโล
“ปล่อยนะ”
หญิงสาวยังคงพยายามจะขยับตัวหนีไปจากตรงนี้แม้หนทางจะน้อยนิดด้วยเธอสู้แรงชายของเขาไม่ไหว
แต่ก็ไม่หยุดที่จะพยายามเพราะเธอพอจะรู้ว่าถ้าหนีไม่พ้นอาจเจอเข้ากับเรื่องไม่ดีแน่ๆ
“อืม”
ใบหน้าหล่อคมของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยหนวดเขาโน้มลงหาซอกคอขาวของหญิงสาวที่เพิ่งจะพบหน้ากันไม่นาน
ซุกไซ้ไปกับความขาวของซอกคอนั้นด้วยความโกรธที่เธอยังคงกล้าอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งที่เขาไล่เธอออกแล้ว
“กรี๊ด ปล่อย”
หญิงสาวกรีดร้องดังลั่นบ้านด้วยความกลัว พร้อมกับดิ้นแรงสุดชีวิตจนเสื้อยืดที่ใส่อยู่เริ่มเปิดขึ้น
สองขาช่วยกันถีบเข้าไปที่ลำตัวของเขาเพื่อให้ตัวเองรอดออกไปให้ได้โดยไม่สนว่าคนป่วยอย่างเขาจะเจ็บไหม
“อืม”
เขายังคงใช้ปลายจมูกสัมผัสไปทั่วบริเวณซอกคอขาวๆของเธอ และก็เลยลงมาหาบริเวณเนินนมที่เสื้อผ้าปกปิดอยู่
ริมฝีปากหนาขบกัดเบาๆบนเนินนมที่มันอวบเด่นทะลุเสื้อผ้าออกมานั้นอย่างอดใจไม่ไหว เพราะเขาก็ไม่ใช่พวกตายด้านที่จะทนนิ่งได้เมื่อมีหญิงสาวมาให้กินถึงที่แบบนี้
“ปล่อยนะ กรี๊ด”
ทำเอาหญิงสาวที่ยังบริสุทธิ์อยู่อย่างช่อพิกุลกรีดร้องดังลั่นขึ้นมาอีกระลอกเมื่อเขาเข้าใกล้สิ่งสงวนบนร่างกายเธอ
น้ำตาเริ่มไหลออกมาอาบสองแก้มเมื่อยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งเขาทำร้ายทั้งที่เธอก็แค่ทำตามหน้าที่ที่เขาจ้างมาแค่นั้นเอง
“ไสหัวไปซะ ถ้าไม่อยากเจอดีกว่านี้”
รัตติยอมปล่อยเธอไปทั้งที่อารมณ์ของเขากำลังก่อตัวหนาแน่นอยากจะจับเธอกลืนกินทั้งตัว
แต่เขาต้องระงับความต้องการนั้นไว้เพราะเขาไม่ชอบผู้หญิงที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกเงินอย่างเธอ
“ฮือออ”
เธอรีบวิ่งออกจากห้องนอนของเขาไปในทันที พร้อมกับร้องไห้เสียงดังออกไปด้วยเพราะเก็บความเสียใจเอาไว้ไม่อยู่
น้ำตาไหลอาบสองแก้มอย่างไม่อาจเช็ดให้มันแห้งได้ทันเพราะหวาดกลัวที่ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้
“ถ้าเธอมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เจอหนักกว่านี้แน่”
เขาส่งเสียงขู่ตามไปอีกเพื่ออยากให้เธอไปให้พ้นหูพ้นตา เขาไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนมาดูแลทั้งนั้น
“ไอ้คนทุเรศ ฮือออ”
ช่อพิกุลรีบวิ่งกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไปแล้วปิดประตูล็อกอย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้เขาตามเข้ามาได้
แล้วเธอก็ร้องไห้โฮออกมาด้วยความเสียใจที่ตั้งใจจะมาทำงานแต่กลับต้องมาเจอกับอะไรที่ป่าเถื่อนแบบนี้
เธออยากจะลาออกไปเสียเดี๋ยวนี้ตามที่เขานั้นออกปากไล่ แต่ทว่าเธอจะเอาเงินที่ไหนมาใช้คืนเขากันล่ะ
“โอ๊ย”
เสียงของชายหนุ่มอย่างรัตติที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนป่วยร้องดังขึ้นด้วยความเจ็บเมื่อเขานั้นพยายามเดินออกมาจากภายในห้องนอนของตัว
หลังจากที่เขานั้นไม่ได้ยินเสียงหญิงสาวและคิดว่าเธอนั้นไปแล้วก็เลยออกมาเพื่ออยากจะลองเดินด้วยตัวเองเหมือนทุกครั้งไป
“คุณ”
ช่อพิกุลที่ยังคงนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นแต่เบาลงแล้วจนแทบไม่มีเสียงรีบออกมาจากภายในห้องนอนเมื่อได้ยินเสียงของคนป่วยในความดูแลของเธอ
พร้อมกับรีบเข้าไปประคองเขาที่กำลังจะล้มลงกับพื้นด้วยความรวดเร็วอย่างไม่มีลังเลอะไรด้วยเพราะทนเห็นคนล้มลงต่อหน้าไม่ได้ แม้ภายใจจะหวาดกลัวเขาอยู่มากก็ตาม
“บอกให้ไปให้พ้นไง”
เขายังคงไล่เธอแม้ว่าเธอนั้นจะเข้ามาทำดีกับเขามากแค่ไหน เพราะเขายังคงอยากที่จะอยู่คนเดียว เขาไม่อยากจะยอมรับความจริงว่าเขาคือคนพิการที่ต้องมีคนดูแล
“พยายามทรงตัวนะคะ ต่อไปอย่าพยายามเดินเองอีก ให้ใช้ไม้เท้าที่อยู่ตรงปลายเตียงช่วยเดินนะคะ”
หญิงสาวพยายามไม่สนใจไปกับคำพูดของเขา เธอพยายามตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง
เพราะเธอรู้อยู่แก่ใจดีว่าไม่อาจลาออกตามที่เขาต้องการได้ ก็ต้องตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดีแทน
“ไม่ต้องมาสอนคนอย่างฉัน ไสหัวไป”
เขาพยายามจะผลักเธอให้ออกไปให้พ้นจากตัวเขาที่เธอเข้ามายืนเบียดอยู่ แต่ยิ่งพยายามผลักเธอก็ยังคงจับตัวเขาแน่น
“กลับเข้าห้องนอนเลยนะคะ”
หญิงสาวดันร่างหนาให้เดินกลับไปยังทางที่เธอพอจะคุ้นชินอยู่บ้างเพื่อพาเขากลับห้อง
ด้วยเธอพาเขาไปที่อื่นไม่ได้ เพราะว่าคอนแทคเลนส์ที่เธอใส่อยู่นั้นเพื่อช่วยให้เธอมองเห็นชัดเจนได้หลุดออกไปตอนร้องไห้แล้ว
ทำให้ในตอนนี้เธอกลายเป็นคนสายตาสั้นที่เห็นอะไรพอรางๆเท่านั้น ถ้าพาเขาเดินไปในทางที่ไม่รู้จักคงได้ล้มทั้งเธอทั้งเขาแน่นอน