9
ซวยละ!!!
มนสิชาหน้าร้อนจนต้องกุมแก้ม แม้จะอยู่คนเดียว มันเป็นเอฟเฟกต์ของสาวขี้อายแบบเธอเวลาต้องมาพูดเรื่องความรู้สึกของตัวเอง ถึงแม้เธอเป็นคนซื่อสัตย์ต่อตัวเองก็เถอะ ต้องการอะไร คิดอะไรก็ยอมรับ และเรื่องเพศ เรื่องเซ็กซ์ มันธรรมดา เมื่องานที่ทำอยู่มันสุมหัวทุกวัน เพียงแต่ในชีวิตจริง เธอไม่เคยมีความตื่นเต้นหรือมีเรื่องตื่นเต้นแบบที่เคยอ่านก็เท่านั้น
มนสิชาชอบคิดว่าตัวเธอคงเป็นโรคจิต โหยหา อยากลอง อยากรู้ว่า ถ้ามีสัมพันธ์สวาทกันแบบในหนังสือ อารมณ์มันจะเป็นยังไง แม้ว่า... เธอมีธันย์ภพเป็นสามีก็จริง แต่ไม่เคยเรียกร้องเรื่องพวกนี้จากเขา ส่วนหนึ่งเพราะ อายเกินกว่าจะบอกกล่าว เธอยังติดความคิดที่ว่า ผู้ชายน่าจะสังเกตได้ว่าผู้หญิงอยากให้ดูแลเอาอกเอาใจแบบไหน เหมือนพระเอกในนิยายที่นางเอกไม่ต้องเอ่ยบอกก็ทำให้นางเอกมีความสุขได้ในหลายๆ เรื่อง อีกเรื่องคือเขามีผู้หญิงมากมายจนเธอรู้สึกรับไม่ได้และไม่อยากให้เขาแตะต้อง มันเป็นความหยิ่ง เป็นอคติที่ทำให้ชีวิตแต่งงานของเธอลุ่มๆ ดอนๆ นั่นยังไม่สำคัญเท่าเหตุผลอีกอย่างที่เธอไม่อยากนึกถึงมัน
หญิงสาวอ่านข้อความที่หนุ่มแปลกหน้าส่งมาซ้ำอีกครั้ง ตัดสินใจว่า จะยอมเผยความคิดของตัวเอง เพราะไหนๆ เขาก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร จะมีโอกาสได้เจอกันหรือเปล่าไม่รู้ และไม่รู้จะคุยกันแบบนี้ไปได้กี่วัน ก่อนที่จะเริ่มต้นคุยนั้น เธอบอกทุกคนแล้วว่า ยังไม่พร้อมจะนัดเจอ อยากคุยแลกเปลี่ยนทำความรู้จักกันจนกว่าจะมั่นใจ ซึ่งที่จริงมันเป็นการยืดระยะเวลาและเป็นการคัดสรรคนที่เข้ามาหาด้วย คนที่มุ่งหวังเฉพาะนัดกันไปทำเรื่องอย่างว่าก็จะถอยออกไป ส่วนคนที่เข้ามาก็จะมีระยะห่างในการคุย คือไม่คะยั้นคะยอว่าจะเจอกันเมื่อไหร่ มนสิชาคิดว่า เธอแค่อยากลองคุยแลกเปลี่ยนเฉยๆ แก้เบื่อบ้าง เผื่อได้มุมมองใหม่ๆ บ้าง พออารมณ์อยากทำงานกลับมา เธอก็ชิ่งไป หยุดและเลิกคุยกับทุกคน แค่นั้น...
‘ขอถามหน่อย ปกติแล้วเซ็กซ์ของพี่เป็นแบบไหน แล้วเคยไปอะไรกะใครเยอะมั้ย’ เธอไม่ตอบแต่ถามกลับแทน
กฤษฎิ์ซึ่งมองหน้าจอรอคำตอบมาเกือบยี่สิบนาที ระหว่างรอเขาทำงานไปด้วย วันนี้ลูกค้ามาสั่งของไม่เยอะ ทำให้มีเวลาเล่นอินเทอร์เน็ตได้ตลอด และเขากำลังสนใจสาวคนนี้อยู่จึงไม่ได้คุยกับใครมากมายนัก
‘ถ้าที่ถามหมายถึง พี่ไปมีอะไรกับผู้หญิงจากแอปนี้เยอะมั้ยก็ไม่ครับ พอมีคนที่ติดต่อกันอยู่สองสามคน แล้วก็สาวที่รู้จักกันจากบีทอล์ก พี่พอมีกิ๊กอยู่บ้าง แต่พี่ชอบมีอะไรกับเธอที่ระเบียงนะ มันให้อารมณ์ตื่นเต้นดี แต่กิ๊กพี่ไม่ค่อยชอบ เขากลัวคนเห็นน่ะ’
คำตอบเปิดเผยที่ส่งกลับมาทำให้มนสิชานิ่วหน้าคิด แล้วเขามีกิ๊กกี่คนกัน
‘แบบนั้นก็น่าจะตื่นเต้น เท่าที่มนอ่านๆ มาจากในเน็ต เขาว่าพวกที่ชอบโชว์เพราะมันช่วยให้ตื่นเต้น มีอารมณ์มากๆ แล้วทำไมกิ๊กพี่ไม่ชอบล่ะ เปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็โอนะ โน้ตยังบอกเลย ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง ที่ระเบียงบ้างก็ได้ อิอิ กิ๊กพี่ไม่ยอมแล้วพี่ทำไง’ เธอเย้าเขากลับไป แต่สัญชาตญาณศิลปินก็อดจินตนาการตามที่อ่านไม่ได้
‘กิ๊กพี่เขาอายน่ะ อย่างที่บอกพี่ชอบทำอะไรที่มันตื่นเต้น เวลาทำพี่ไม่ได้ถอดเสื้อผ้าเขาหรอกนะ เพราะระเบียงไม่สูงมาก แล้วก็เป็นแค่ราวเหล็กไม่ใช่กำแพงปูน เขาใส่กระโปรงพี่ก็ยืนอยู่ข้างหลัง ทำกันแบบนั้น มองมาจากไกลๆ ก็คงเหมือนแฟนยืนกอดกัน หยอกกัน แต่พี่ว่าคนมองมาก็คงรู้แหละว่าเราทำอะไรกัน’
‘พี่นี่หน้าไม่อายมากๆ’
‘ก็มันตื่นเต้น พี่ชอบแต่ไม่มีโอกาสทำบ่อยนักหรอก กิ๊กไม่ค่อยยอมเท่าไหร่ พูดถึงความชอบนะ พี่ชอบสถานที่สวยๆ เหมือนรีสอร์ตต่างจังหวัดที่สวยๆ น่ะ พี่ชอบแล้วก็อยากทำอะไรกับสาวในที่แบบนั้น พี่ว่ามันให้ความรู้สึกดีนะ’
‘ถ้าจะเชี่ยวชาญ ช่ำชองจนน่ากลัวละ แต่มนคิดว่า มันก็น่าสนใจอยู่นะ’
‘จริงๆ นี่พูดจากใจจริงนะ กิ๊กที่คบๆ กัน มีเวลาก็เจอกัน เราเหมือนเพื่อนกันมากกว่า แต่เป็นเพื่อนแบบพิเศษ คุยกัน เที่ยวกัน มีเซ็กซ์กัน แต่ไม่ผูกมัด พี่ว่าพี่ชอบแบบนี้นะ มันทำให้เรามีอิสระแล้วก็ไม่ต้องเจ็บปวด มันจะต่างจากความรู้สึกเวลาเลิกกับแฟน แล้วมนล่ะ ยังไม่ตอบเลยแบบไหนที่มนคิดว่าต้องการ’
‘มนโรคจิตนะ’ เธอส่งข้อความไปแล้วก็ยิ้มขำ นึกถึงความโรคจิตหรือแอบจิตของตัวเอง
‘ยังไง’
‘ก็...อยากเจอคนเก่งๆ แฟนไม่เก่ง มนอยากรู้ว่าถ้ามีอะไรกับใครสักคนแล้วเสร็จแบบถึงใจสุดๆ อารมณ์มันจะเป็นยังไง’
‘เดี๋ยวนะ’ ชายหนุ่มส่งข้อความกลับมา ‘เมื่อกี้ที่เล่าเรื่องมีอะไรกันที่ระเบียง มนบอกน่าสนใจ นี่แสดงว่าเราชอบอะไรที่มันตื่นเต้นหรือเปล่า’
‘ไม่รู้สิ มนไม่เคยทำนี่ เลยคิดว่าน่าสนใจ’
‘แล้วเคยทำอะไรมามั่ง เซ็กซ์ที่เคยมีเป็นยังไง เล่าให้ฟังได้ไหม’
เอิ่ม... นี่มันเป็นการสัมภาษณ์ซักถามประวัติที่ถึงแก่นเกินไปไหม เธอจะตอบยังไงล่ะทีนี้ มนสิชาชักคิดหนัก
‘เล่าไรดีล่ะ มนไม่เคย แต่อยากลอง” เรื่องราวที่เคยผ่านตาจากการอ่านการทำงานแวบเข้ามาในหัว ‘มนแค่รู้สึกว่าตัวเองขาดในเรื่องนี้ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลยคิดว่ามันน่าสนใจมั้ง ได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยสักครั้งก็คงดี พี่ล่ะนอกจากระเบียงแล้วเคยทำอะไรสุ่มเสี่ยงที่ไหนอีก’