ธนดลนั่งคุยสลับฟังครู่ใหญ่แล้วต้องจำใจลาเมื่อพนักงานในร้านเข้ามากระซิบบอกบางอย่างกับเจ้าตัว สายตาพราวระยับมอง
ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มของขวัญข้าวอย่างอาวรณ์ไม่อยากลุกไปแต่คงเป็นคำสั่งของพี่ชายเลยขัดไม่ได้ลุกออกไปในที่สุด
“ใช่ซี้” จู่ๆเสียงธิดารัตน์ก็ว่าเสียงแหลมขึ้นตอนคล้อยหลังธนดลไปแล้วนั่น จนต้องหันมาถามงงๆ “อะไรแอล”
“ข้าวน่ะไม่ต้องไปเรียนอะไรหรอก เพราะต้องเคยเช็ดหัวบันไดบ้านตัวเองให้แห้งๆ นี่คนหนึ่งละแล้วเดี๋ยวมีอีกเชื่อเรา”
ขวัญข้าวกรอกตามองไปทางอื่นอย่างไม่ค่อยรู้สึกอะไรด้วยนักกับคำของเพื่อนรัก แล้วค่อนปนขำไม่ได้
“โบราณชะมัดแอล สมัยนี้เขาไม่ต้องล้างเท้าก่อนเข้าบ้านกันแล้วไหมอ่ะ”
“เออ” กระแทกเสียงตอบอย่างหมั่นไส้กลับไป
ตอนรู้ว่าขวัญข้าวจะไม่เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อนรักอย่างธิดารัตน์หัวฟัดหัวเหวี่ยงแทนเลยทีเดียว ร่ำๆจะไปคุยกับบิดาของเธอ ขออนุญาตให้เรียนเพราะรู้ว่าขวัญข้าวอยากเรียนต่อ แต่สุดท้ายขวัญข้าวเองที่ขอร้องว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของเธอดีกว่า เจ้าตัวบอกว่าอยากช่วยเหลือบิดาก่อนในตอนนี้
“แอลอ่านนิยายเยอะไปแล้วนะเราว่า”
“อ้าว เห็นท่าทางนายดลแล้วอดคิดแทนไม่ได้หรอก เราว่านะถ้าข้าวอยู่กันสองคนกับนายดล รับรองได้โดนนายนั่นเขมือบลงพุงแน่ๆ”
“พูดเกินไป” ขวัญข้าวขำก่อนว่าต่อ “เราไม่ให้เขมือบใครจะมาเขมือบเราได้”
“จ้า แม่คนเก่ง”
คุยกันมาถึงตรงนี้ก็พอดีมีเพื่อนชายร่วมรุ่นคนหนึ่งกับชายอีกคนเดินยิ้มปรี่มาแต่ไกล ทักเมื่อหยุดยืนตรงโต๊ะของสองสาว
“แอบมานั่งอยู่นี่เอง พี่ดามหาตั้งนานแหนะ”
ขวัญข้าวส่งยิ้มให้แล้วว่า “เบื่อเสียงดังข้างในค่ะพี่ดาม”
“อีกรายแล้วไง” ธิดารัตน์ว่าให้ได้ยินสองคนกับเธอ แล้วเสยกแก้วขึ้นดื่มปิดรอยยิ้มขันๆของตนเอง
ดามเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูงมาก มักสวมแหวนทองไม่ก็สร้อยคอทองคำเส้นใหญ่ เขาเป็นลูกชายของคุณอาศักดิ์ เพื่อนรุ่นน้องของบิดาขวัญข้าวที่ค่อนข้างสนิทสนมกัน ลูกๆอย่างขวัญข้าว ก้านเพชรพี่ชายของเธอและดามจึงสนิทกันไปตามปริยาย
“ไม่เห็นบอกพี่ว่าจะออกมางาน พี่จะได้ไปรับ ค่ำมืดจะกลับบ้านยังไงละคะคนสวย” ดามต่อว่าด้วยถ้อยคำเป็นห่วงอย่างที่พยายามแสดงให้คนอื่นเห็นว่าเขาและเด็กสาวเป็นมากกว่าพี่น้องคนรู้จักกัน
“โอย ยัยข้าวโตขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องรับส่งเป็นเด็กอนุบาลหรอกค่ะพี่ดาม”
“ว่าได้หรือแอล เกิดหนุ่มที่ไหนมาฉุดไป พี่จะทำยังไงเล่า ไม่ได้หรอกคนนี้พี่หวง จะให้พ่อไปขอแล้วเนี่ย’”
“โอย...เลี่ยนค่ะ” ธิดารัตน์สวนกลับทันควัน เพราะเป็นคนปากไวอยู่พอตัว คนที่พอรู้นิสัยดีก็จะไม่ถือสานัก ขวัญข้าวไม่พูดอะไรทำเพียงยิ้มฟังเท่านั้น
“ข้าวเพิ่งสิบแปดเองนะพี่ดาม”
“พี่รอได้ครับ นานแค่ไหนก็จะรอ”
ธิดารัตน์เบ้ปากยกแก้วขึ้นดื่มพลาง หมั่นไส้นายดามนี่อีกคน เพื่อนเธอยังไม่ใช่วัยต้องออกเรือน มาเกี้ยวอยู่ได้
ดามนั่งคุยอยู่ด้วยอีกนาน แล้วถึงขอตัวออกไปรับสายสนทนาตรงบริเวณอื่นจากนั้น
“กว่าจะไปได้ นี่ข้าวชอบผู้ชายแบบพี่ดามไหม บอกเราที”
“พี่ดามคุยสนุกแล้วก็ตลกดีนะ” ขวัญข้าวบอกแต่ข้อดีของดามแต่ไม่ได้ตอบว่าชอบหรือไม่ จนคนถามอดค้อนประหลับประเหลือกให้ไม่ได้แล้วบอกจริงจัง
“ชอบคุยก็พอนะยะ อย่าเอามาทำพันธ์”
ฟังน้ำคำค่อนขอดนั่นแล้วหัวเราะก๊ากทันที
“สัญญาสิ”
“อะไรล่ะ”
“ว่าจะไม่เอานายดามมาทำพันธุ์”
ธิดารัตน์มองเพื่อนด้วยสายตาคาดคั้น ขวัญข้าวมักมีความคิดอะไรที่เธอเองก็คาดเดาไม่ได้อยู่เสมอ อยากเรื่องเรียนนี่เหมือนกัน
คนถูกคาดคั้นแกล้งยิ้มยั่วใส่ แล้วปิดปากไม่สัญญาสัญญิงอะไรด้วย เลยได้รับบทสวดจากอีกฝ่ายไปแทน
สองสาวนั่งคุยกันต่อจากนั้น เมื่อเห็นว่าดึกพอควรได้เวลากลับ ถึงได้แยกย้ายกันในเวลาเกือบเที่ยงคืน งานเลี้ยงจบลงด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ บางคนอ่อนไหวหน่อยน้ำตาซึมก็มีเมื่อเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตลอดหกปีต้องแยกจากกันไป ต้องโตขึ้น ต้องรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น จะทำเป็นเล่นแบบที่เคยทำไม่ได้อีกแล้ว
“มองอะไรหรือครับพี่กร”
ธนดลถามพี่ชายคนโตที่วันนี้ดูแปลก
ที่ว่าแปลกเพราะธนากรชวนออกมานั่งที่ร้านอาหารแห่งนี้ ปกติพี่ชายเขาใช่คนเที่ยวเสียที่ไหน
ทำงาน กลับบ้าน กินข้าว ตรวจงานเอกสารต่อจนเที่ยงคืนนู่นถึงเข้านอนได้ มีบ้างที่ออกไปสังสรรค์ตามประสาผู้ชายแต่นานที แล้ววันนี้เป็นอะไร ตกเย็นมาโทรศัพท์ตามบอกว่าอยากกินข้าวร้านนี้
ประหลาดแท้
ธนากรในสายตาของคนเป็นน้องนั้นขรึมจัด ดุดัน จริงจังน่าเกรงขามไม่ผิดจากที่เคยได้ยินคนอื่นว่ามา ว่านั่นเป็นนิสัยของธนา ผู้เป็นบิดาของทั้งคู่
ท่าทีนิ่งสงบแต่ดูลึกลับซับซ้อนแลเลือดเย็นจนคนเป็นน้องเองนึกหวาดไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีที่เรียกว่าพร้อมจะฟาดฟันฝ่ายตรงข้ามหากล้ำเส้น
เหมาะสมแล้วกับตำแหน่งนายใหญ่แห่งไร่พืชวิวัฒน์พัฒนะการกุล ธนาที่ว่าเข้มงวดมากแล้วนั้น ธนากรเป็นมากกว่าบิดาเสียอีก ไม่แปลกใจหากผู้พี่จะได้อำนาจในการบริหารงานไปเกือบทั้งหมดเช่นนี้
“เปล่าไม่ได้มอง...อะไร”
ธนากรบอกเสียงเรียบ ละสายตาจาก ‘อะไร’ ที่ว่านั่นจากโต๊ะของเด็กสาวที่เขาเห็นมาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยกเพราะไร่อยู่ติดกันไปทางอื่นอย่างแนบเนียน ก่อนทำตัวเรียบนิ่งไม่ให้คนช่างสังเกตอย่างธนดลจับผิดตนได้
ชายผู้เป็นใหญ่แห่งไร่พืชวิวัฒน์พัฒนะการกุลแสนเคร่งขรึมต้องเก็บความสนใจใส่ใจต่อเด็กสาวเอาไว้ให้มิดชิด ทั้งยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะที่ควร เธอยังเด็กนักและเขายังต้องบริหารงานที่รับมอบหมายจากบิดาอีกหลายหน้า ไม่มีเวลาไล่ตามจีบเด็กสาวที่กำลังเติบโตเบ่งบานเป็นดอกไม้งามอย่างที่คนอื่นเขาทำกัน
แต่ธนากรมีสมุนหลายสายคอยรายงานความเป็นไปของคนที่เขาหมายปอง นานวันจากเด็กสาวตัวกระเปี๊ยกก็ยิ่งดูสวยงามผุดผาดมากขึ้นตามวัย เธอสวยแต่แววตาไม่สดใสนัก ทั้งยังแวดล้อมด้วยเสือสิงห์กระทิงแรดรอบตัว
เขาเป็นห่วง แต่ทำอะไรไม่ได้มาก
บิดาของเด็กสาวนั่นเขารู้จักดีในระดับหนึ่ง
พี่ชายของเด็กสาวที่สำมะเลเทเมาไม่เอาไหนนั่นอีกคน
และดาม ลูกชายนายศักดิ์ อดีตเพื่อนร่วมก่อตั้งโรงงานสับไม้กับบิดาของเขาด้วย
ถอนใจเฮือกอย่างที่พยายามคลายความกังวลลงให้ได้
เขาจะช่วยอย่างไร ไม่อยากให้เด็กสาวดั่งผ้าขาวสะอาดต้องแปดเปื้อนกับพวกนั้นเลย