1
“นั่น! สองพี่น้องเจ้าของไร่พืชวิวัฒน์พัฒนะการกุล...ใช่ไหมข้าว”
ขวัญข้าวเหลียวมองตามเสียงถามทันที ค่อยหันกลับมาหยิบอาหารในจานตรงหน้าเข้าปากบ่น
“มีใครนามสกุลยาวกว่านี้อีกไหมเนี่ย”
“ข้าวนี่ยังไงนะ แขวะไม่เข้าเรื่องเลย”
ธิดารัตน์คู่สนทนาปรามอย่างเคืองๆแต่ไม่ได้จริงจังนัก
สองสาวปลีกตัวออกมาคุยตรงระเบียงร้าน ที่วันนี้แบ่งโซนหนึ่งไว้จัดเลี้ยงส่งให้พวกเธอและเพื่อนร่วมรุ่นที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกกันแล้ว เลยสะดุดตาเข้ากับสองหนุ่มที่เพิ่งลงจากรถยกสูงนั่นพอดีจึงได้พูดคุยสอบถามอย่างเมื่อครู่
ขวัญข้าวยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบก่อนเบือนสายตาออกไปทางอื่น ไม่คุยอะไรต่อ แต่เพื่อนตัวดียังคงสะกิดถามไม่เลิก
“ไร่ข้าวอยู่ใกล้กับไร่พี่เขา เจอกันบ่อยไหม”
ขวัญข้าวยักไหล่ก่อนเบ้หน้า ทำท่าคิดนิดหนึ่ง เจอกันบ่อยไหมอย่างนั้นหรือ แล้วตอบเพื่อนออกไป “ไม่นี่ ถามทำไม”
“ไม่มีอะไรก็แค่ถาม แล้วข้าวรู้จักพี่น้องสองหล่อนั่นไหม”
“คนไหน” ถามอย่างไม่ได้สนใจคนที่กล่าวถึงสักเท่าไร
“ก็พี่กร ลูกชายคนโตของไร่พืชวิวัฒน์พัฒนะการกุลกับนายดลนั่นไง” คนหลังนั่นพูดถึงด้วยน้ำเสียงไม่ชื่นชมเท่าคนแรกอย่างที่พอฟังออก แต่ขวัญข้าวไม่ใส่ใจ จะคนแรกหรือคนหลังเธอไม่ให้ราคาใครทั้งนั้น
“ไม่รู้จัก แล้วก็ไม่เห็นอยากรู้จักด้วย ไม่รู้เลยว่าคนไหนพี่คนไหนน้อง”
ธิดารัตน์มองอย่างหมั่นไส้แล้วจีบปากเตรียมสาธยาย
“คนพี่น่ะคนที่สูงกว่า ตัวหนาล่ำ ยืนหน้านิ่งไม่ค่อยยิ้มขรึมสง่าเป็นรูปปั้นเทพเจ้ากรีก ส่วนคนน้อง...ก็อีตาคนที่ยืนยิ้มโปรยเสน่ห์ไปทั่วยังกับว่าตัวเองหล่อนักหนานั่นไง เห็นหรือยัง”
ขวัญข้าวมองตามไปปราดเดียวแล้ววิจารณ์
“ไม่เห็นหล่อสักคน ยิ่งอีตาคนทำหน้านิ่งๆนั่นยิ่งไม่หล่อ ยืนเก๊กอยู่ได้ ทำท่ากร่างอย่างกับว่าจังหวัดนี้เป็นของตัวเอง”
ธิดารัตน์ขยับตัวอย่างไม่เห็นด้วย รีบค้าน “ไม่นะ พี่กรเขาแค่เป็นคนเงียบๆ เก๊กที่ไหนข้าวนี่”
“เราก็เห็นแกเก๊กทุกที่ ดูนั่น…” ขวัญข้าวบุ้ยหน้าไปทางคนที่กล่าวถึงก่อนว่า “ยืนหลังตรงยังกับทหารเฝ้าประตูพระราชวัง หน้าพี่แกเคยยิ้มกว้างกว่านี้ไหม ไม่เค้ย... ทำเป็นอมยิ้มจะยิ้มก็ยิ้มออกมาดิ่ ท่าทางแบบนี้เจ้าชู้เงียบแน่นอน แล้ว…”
ธิดารัตน์คงเป็นแฟนคลับคนพี่ของไร่พืชวิวัฒน์พัฒนะการกุล ได้ยินคำบาดหูนั่นแล้วรีบร้องปรามเสียงหลงทันที “พอแล้ว”
เลยยิ้มมุมปากซนๆ หยิบอาหารในจานตรงหน้าเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆต่อ เบือนหน้ามองบรรยากาศของร้านที่คึกคักกว่าทุกที ไม่สนใจชายสองคนนั่นอีกต่อไป
คืนนี้เป็นงานเลี้ยงส่งให้กับพวกเธอและเพื่อนๆมัธยมศึกษาปีที่หกที่จบกันแล้ว บางคนได้ศึกษาต่อ
อย่างธิดารัตน์ หรือ แอล เพื่อนของเธอได้ทุนเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐแห่งหนึ่ง คณะแพทยศาสตร์ ส่วนเธอ ขวัญข้าวยิ้มให้ตัวเอง เธออยากเรียนต่อเหมือนกัน ที่คิดไว้คือคณะวิทยาศาสตร์กับศิลปะศาสตร์ แต่ที่ไร่ไม่มีใครพอจะเป็นหลักช่วยงานบิดาได้เท่าเธอ
ขวัญข้าวค่อนข้างโตเกินอายุ เพราะรับผิดชอบอะไรหลายๆอย่างในไร่ตั้งแต่อายุสิบห้า เป็นต้นว่าทำบัญชี ติดต่อไซโล โรงงานสับไม้ ตัวแทนปุ๋ยและยา ดูแลคนงานและจัดการปัญหาเล็กๆน้อยๆตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ เธอทำเองทั้งหมด
เด็กสาวจึงมีความคิดความอ่านความรับผิดชอบเรื่องงานในไร่ราวกับเป็นผู้ใหญ่แล้วคนหนึ่ง เพราะถูกบิดาฝึกฝนให้ทำตั้งแต่พอไหว้วานได้
เธอทำงานมากกว่าเล่น ต่างจากคนอื่นที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ถึงกระนั้นวุฒิภาวะยังถือว่าเด็กอยู่มาก ก็ตามอายุนั่น เอง เด็กสาวยังเจอคนเจอโลกไม่มากจึงมีประสบการณ์ในชีวิตไม่เท่าไร แต่หลงคิดว่าตนทำงานเยอะเลยว่าตัวนั้นโตพอที่จะทำอะไรๆก็ได้ตามที่ใจปรารถนา
“ข้าว” เสียงเรียกชื่อดังมาจากธิดารัตน์อีกครั้ง เจ้าตัวขานรับทันที “หืม”
“มีคนเรียกแน่ะ”
ธิดารัตน์บอกทั้งยังส่งสายตาเชิงหมั่นไส้มาให้ด้วย เมื่อกี๊ไหนว่าไม่รู้จัก ทำไมชายหนุ่มที่กล่าวถึงเมื่อก่อนหน้าแวะมาทักที่โต๊ะได้เล่า
เอี้ยวไปด้านหลังพอเห็นว่าใคร เลยทักทายตามมารยาทอย่างทุกที “อ้าวพี่ดล สวัสดีค่ะ”
“ไงเรา หนีเที่ยวหรือคะคืนนี้”
ขวัญข้าวมองคนถามแล้วยิ้มส่งให้แทนคำตอบ
ธนดลนั่นเอง ลูกชายคนเล็กของไร่พืชวิวัฒน์พัฒนะการกุล ชายหนุ่มเจ้าสำราญ หน้าตาดีราวนักแสดงจากแดนโสม เขาขาวแลดูสะอาด ที่สำคัญกว่านั้น เธอรู้จักธนดลดีกว่าที่ธิดารัตน์รู้ เมื่อครู่นี้เพียงแค่อำเพื่อนไปเท่านั้นว่าไม่รู้จักกัน
ก่อนบอกอีกฝ่ายไป
“เลี้ยงส่งค่ะพี่ดล”
“พี่นั่งด้วยคนนะคะ” ธนดลมักพูดคะขากับเธอแบบนี้เสมอ ท่าทีดูออกชัดเจนว่าชอบเด็กสาวไร่ข้างเคียงกัน ทั้งหูตายังแพรวพราวระยิบระยับเชียวเวลามองขวัญข้าว
“ค่ะ”
ธนดลยิ้มหล่อก่อนนั่งลงตรงเก้าอี้ว่างตัวหนึ่งข้างธิดารัตน์ ธิดารัตน์ขยับตัวหนีหน่อยหนึ่งอย่างไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ไม่ชอบหน้านายนี่ ทั้งๆที่ปลื้มพี่ชายของอีกฝ่าย นี่เองที่เขาเรียกไม่กินเส้นเห็นหน้าก็นึกไม่ถูกชะตาเลยเชียว
ชายหนุ่มถามคล้ายสนิทสนมกับเด็กสาวเป็นอย่างดี
“แล้ว...ตกลงเราเรียนที่ไหนคะ เลือกได้หรือยัง”
ขวัญข้าวเสลงมองแก้วน้ำของตนเองก่อนปด
“ยังคิดไม่ออกเลยค่ะ เลยว่าจะช่วยงานในไร่ไปก่อน เอาไว้คิดได้ค่อยไปสมัคร เรียนตอนไหนก็ได้ค่ะ ยังไงก็ทัน” เล่าไปเรื่อยอย่างมีความจริงไม่จริงปนกันอยู่อย่างละครึ่ง
“พูดง่ายเนอะ” ธิดารัตน์แขวะอย่างมีโมโหขึ้นบ้าง เพราะไม่เห็นด้วยเลยที่อีกฝ่ายจะหยุดเรียนเพื่อไปช่วยงานในไร่ พี่ชายขวัญข้าวนั่นทำไมไม่มาช่วยบ้าง คิดแล้วหงุดหงิดแทน
“อ้าว จริงนะ ข้าวคิดอย่างงั้นจริงๆ” ขวัญข้าวตอบกลับทันที
ธนดลนั่งคุยสลับฟังครู่ใหญ่แล้วต้องจำใจลาเมื่อพนักงานในร้านเข้ามากระซิบบอกบางอย่างกับเจ้าตัว สายตาพราวระยับมอง