ภาคินเดินมาส่งหญิงสาวถึงที่รถ เธอหันหน้าไปมองชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มหวาน
“ขอบคุณนะคะที่เดินมาส่ง เดี๋ยวแม่คงมาแล้วค่ะ”
“นี่ครับตะกร้าของคุณหมอ ถ้าต้องการให้ผมช่วยอะไรโทรมาเบอร์นี้นะครับผมจะรีบมาหาทันที”
เขาหยิบปากกากับกระดาษขึ้นมาเขียนเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองให้หญิงสาวก่อนจะส่งไปให้เธอถึงมือ แสนดีมองกระดาษในมือก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
“จริงๆไม่อยากรบกวนหรอกค่ะเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจครับถ้าเหงาก็โทรมาได้นะผมพร้อมคุยเป็นเพื่อน แต่ว่าถ้าว่างก็โทรมาหน่อยผมจะได้มีเบอร์คุณหมอไว้ด้วย”
เขาอยากได้เบอร์ของเธอเหมือนกันแต่ถ้าขอตรงๆเกรงว่าเธอจะไม่ให้ หญิงสาวหยิบนามบัตรของตัวเองส่งไปให้เขาถือไว้ก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน
“นามบัตรของแสนดีค่ะ”
“ให้ผมเหรอครับ คุณหมอทำไมใจดีขนาดนี้ว่าแต่ให้หนุ่มๆคนอื่นแบบนี้ป่ะเนี่ย”
เขาเอ่ยถามอย่างระแวงไม่ใช่ว่าใครก็มีนะแอบน้อยใจจริงด้วย หญิงสาวส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงปฏิเสธ ปกติเธอจะไม่ให้นามบัตรใครมั่วซั่วถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
“ไม่หรอกค่ะถ้าเป็นเพื่อนร่วมงานก็ให้แต่ว่าถ้าเป็นหนุ่มๆแบบที่คุณภาคินหมายถึงก็น่าจะเป็นคุณคนแรกที่แสนดีให้ คุณแม่มาแล้วไปก่อนนะคะ”
เธอยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเดินไปหาคุณแม่ทันที ชายหนุ่มมองตามเธอไปก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีความรู้สึกว่าคุณหมอคนสวยให้ความสำคัญกับเขาอยู่ หรือว่าคิดไปเอง… ไม่นะเขามีความรู้สึกว่าไม่ได้คิดไปเอง
“ผมจะจีบคุณหมอให้ได้เลย คุณหมอจะต้องเป็นแม่ของลูกคนเดียวเท่านั้น”
ทางด้านของแสนดีเธอขึ้นรถไปกับคุณแม่ก่อนจะนั่งคิดอะไรคนเดียวเพลินๆ ทำไมเธอรู้สึกดีกับการถูกคุณภาคินหยอดก็ไม่รู้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอผู้ชายทำแบบนี้ใส่แต่ว่ามันไม่เหมือนกัน เธอไม่ได้รู้สึกรำคาญหรือรังเกียจเขาสักนิด
“แม่เห็นหนูคุยกับใครเหรอที่ตลาด ผู้ชายด้วยถ้าพ่อกำนันรู้จะแย่เอานะ”
“อ่อชื่อคุณภาคินค่ะเค้าเพิ่งย้ายมาทำงานที่นี่ เค้าเป็นเพื่อนใหม่ของหนูเองค่ะแม่”
เธอยิ้มออกมาก่อนจะหยิบกระดาษที่ชายหนุ่มให้มาเมมเบอร์โทรศัพท์ของเขาไว้ในเครื่อง เผื่อว่ามีอะไรจะได้ติดต่อกันได้
“อย่าให้พ่อกำนันรู้เชียวนะว่ามีเพื่อนเป็นผู้ชายนะ ไม่งั้นพ่อหนุ่มคนนั้นเจอลูกปืนแน่”
“จ้ะแม่”
เธอมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ตอนนี้เมมเบอร์ของชายหนุ่มไว้เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ก็กลับไปทำงานตามปกติแถมยังเข้าเวรเช้าตรู่เลยวันนี้ควรจะกลับไปนอนพักผ่อนดีกว่า…
ช่วงค่ำภาคินเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการบุกไปยังสถานที่ขนไม้เถื่อนซึ่งทางสายรายงานมาว่าอยู่ในป่าลึกของอุทยาน เขาเตรียมเข็มทิศและแผนที่พร้อมกับมีดเพื่อทำสัญลักษณ์ในการเดินทางจะได้ออกมาจากป่าได้ ชายหนุ่มเดินออกมาจากบ้านเช่าด้วยท่าทีปกติก่อนจะขึ้นรถของผู้หมวดดนัยให้ไปส่งทางที่ใกล้ที่สุด
“ผมจะส่งทางสุดท้ายที่รถจะผ่านได้หลังจากนั้นสารวัตรต้องเดินเท้าต่อไปเอง แถวนั้นไม่มีสัญญาณโทรศัพท์อาจจะติดต่อกันลำบากถ้าเกิดอะไรขึ้นสารวัตรจะติดต่อพวกผมมายังไง”
“ฉันมีพลุอยู่เดี๋ยวจะจุดทิ้งไว้ แต่ว่ามีเครื่องส่งสัญญาณของทางตำรวจอยู่ยังไงก็ติดต่อมาได้ไม่ต้องห่วง”
“ได้ครับถ้างั้นผมจะรออยู่ไม่ไกลจากนี้มาก ระวังตัวด้วยนะครับสารวัตร”
เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินลงจากรถแล้ววิ่งเข้าไปในป่าทันที ตามแผนที่เขาต้องเดินไปทางทิศเหนือจนสุดทางก็จะเจอกับโกดังของพวกนั้น เขาวิ่งอย่างรวดเร็วและใช้เวลาไม่นานก็เดินทางไปถึงที่หมาย สารวัตรภาคินหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมามองสำรวจว่ามันคนเยอะมากน้อยแค่ไหนและมีทางที่สามารถเข้าไปได้โดยไม่ให้ใครรู้ตัวรึเปล่า
“ตรงนั้นน่าจะได้”
เขาเอ่ยออกมาก่อนจะเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยจากนั้นก็เอาไปซ่อนไว้บนต้นไม้ ทั้งตัวเขาพกแค่เครื่องส่งสัญญาณกับพลุอันเล็ก ชายหนุ่มวิ่งไปจนถึงด้านหลังโกดังเขาเอามือล็อคคอผู้ชายคนหนึ่งก่อนจะโป๊ะยาสลบจนเขาหลับสนิท ภาคินลากผู้ชายคนนั้นไปซ่อนไว้ถอดเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนจะได้กลมกลืนกับพวกมัน
“นอนที่นี่ไปก่อนแล้วกัน”
เขาจับเจ้าหมอนี่มัดเชือกไว้แน่นในสภาพเปลือยเปล่าก่อนจะเดินออกไปถือปืนด้วยท่าทีปกติ เขาย่องไปใกล้คนอื่นๆก่อนจะช่วยจับนั่นนี่อย่างรู้งาน
“นี่นาย… ทำไมใส่หน้ากาก”
ผู้ชายร่างสูงใหญ่เอ่ยทักภาคินอย่างสงสัย ชายหนุ่มหยุดชะงักไปก่อนจะรีบไอขึ้นมาอย่างแรงจนคนอื่นๆถึงกับถอยหนี
“แค่กๆ ผมไม่ค่อยสบายครับนายก็เลยต้องใส่หน้ากากไว้ กลัวว่าจะเอาเชื้อมาปล่อย”
“ไม่สบายก็นอนอยู่ที่บ้านสิ เอ็งจะมาสร้างภาระให้คนอื่นทำไม”
ลูกพี่ของพวกมันเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยใจ ภาคินได้ทีก็รีบเอาอกเอาใจเจ้านายเพื่อไม่ให้เขาสงสัยอะไรอีก
“ผมอยากช่วยงานพี่จนเสร็จนี่จ้ะ จบนี้ก็ว่าจะลาไปพักผ่อนแล้ว”
“ก็ดี งั้นรีบทำงานจะได้เวลาส่งของแล้วเดี๋ยวไม่ทันการ ส่งช้าเดี๋ยวจะซวยกันหมด”
“ครับพี่”
เขารีบไปทำงานตรงหน้าต่อเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย และใช้โอกาสที่เผลอเดินไปแอบสำรวจทั่วโกดังว่ามีอะไรน่าสงสัยรึเปล่า เขาแอบติดกล้องที่กระดุมเสื้อของตัวเองเดินสำรวจทั่วโกดังก่อนจะวิ่งไปหลบเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาจากห้องข้างใน
“วันนี้พวกเอ็งขับไปทางอุทยานนะ อ้อมไปฝั่งเขาด้านซ้ายทางสะดวก พวกตำรวจมันไปดักรอฝั่งขวาโคตรโง่เลยวะ ฮ่าๆ”
“ได้ครับพี่ ว่าแต่เราจะไม่โดนนายดุใช่มั้ยลูกพี่ ครั้งก่อนก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า”
“อย่าพูดเป็นลางดิวะไอ้หมา มึงนี่นะรีบไปเตรียมตัวจะได้เอาของไปส่งที่ชายแดน”
ลูกพี่คนหนึ่งเอ่ยออกมาก่อนจะไล่ลูกน้องให้ไปเตรียมตัวส่งของ ภาคินพยายามแพลนกล้องไปหาพวกคนงานให้เห็นใบหน้าที่ชัดเจนก่อนจะรีบวิ่งออกไปยังข้างหลังโกดังและรีบส่งข้อความไปบอกทางตำรวจให้ไปดักทางซ้ายของอุทยาน
‘พวกมันจะขนไปทางซ้ายของอุทยาน เตรียมกำลังให้พร้อมนะ’
เขาส่งข้อความกลับไปก่อนจะรีบปลีกตัวหนีออกมาจากตรงนั้นก่อนที่จะจับตัวได้ซะก่อน เขาจะเอาหลักฐานที่ถ่ายได้ไปให้ทางตำรวจดูเผื่อว่าพวกเขาจะรู้จักใครสักคนจะได้สาวไปถึงตัวการได้
“ชิ่งก่อนดีกว่าไม่อย่างนั้นจะโดนจับได้ซะก่อน”