4

1239 Words
4 “รุ้งจะกลับยังไงล่ะ แท็กซี่หรือว่าให้คนที่บ้านมารับ?” สาวอ้วนถามสาวหุ่นดี เพราะวันนี้เพื่อนสาวไม่ได้นำรถส่วนตัวมา “ว่าจะกลับแท็กซี่น่ะ พอดีวันนี้น้าแมนต้องขับรถพาอาเจ็กไปพิษณุโลก กว่าจะกลับก็พรุ่งนี้เย็นๆ ” “อันตรายนะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เกตุเป็นห่วงรุ้งนะ ถ้าหากรุ้งจะนั่งแท็กซี่กลับบ้านคนเดียว” อัญญาณีห่วงความปลอดภัยของเพื่อนสนิท หทัยชนกไม่เคยนั่งรถแท็กซี่เวลาดึกสงัดแบบนี้ ดึกมากที่สุดก็สองทุ่ม แต่นี่เวลาล่วงเลยไปกว่าเที่ยงคืน อัญญาณียอมรับว่าไม่ไว้ใจให้เพื่อนสาวแสนซื่อคนนี้กลับบ้านตามลำพัง “เดี๋ยวตะวันไปส่งเองก็ได้” ตะวันที่หาจังหวะพูดอยู่นาน รีบพูดแทรกขึ้นทันที “ไม่ต้องหรอกค่ะ เกรงใจ” หทัยชนกพูดด้วยรอยยิ้มที่ทำให้คนที่มองอย่างตะวันใจสั่นรัว “ไม่ต้องเกรงใจ ตะวันเต็มใจ” “รุ้งไม่รู้ว่าบ้านของตะวันอยู่ที่ไหน ถ้าเผื่อไปคนละทางกับตะวัน ตะวันอาจจะเสียเวลาได้ รุ้งว่ารุ้งกลับเองดีกว่าคะ” หทัยชนกกล่าวด้วยความเกรงใจ เธอกลัวว่าบ้านของตะวันจะอยู่คนละทิศกับบ้านของเธอ เพราะนั่นจะทำให้ตะวันต้องเสียเวลาและอาจกลับบ้านดึกได้ “ไม่เป็นไร ตะวันจะสบายใจมากกว่าถ้าได้ไปส่งรุ้งที่บ้าน ผู้หญิงตัวคนเดียวนั่งแท็กซี่มันอันตราย ให้ตะวันไปส่งนะ ว่าแต่บ้านรุ้งอยู่แถวไหนล่ะ?” ตะวันยังคงตื้อที่จะไปส่งสาวน่ารักตรงหน้าให้ได้ “อยู่แถวๆ เยาวราช” “บ้านของตะวันอยู่หัวลำโพง ใกล้ๆ กันเลย ไม่ลำบากเลยสักนิดเดียว” มันช่างเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้ บ้านของตะวันอยู่หัวลำโพงซึ่งระยะทางไม่ห่างจากเยาวราช บ้านของหญิงสาวที่เขาคิดจะจีบ โชคเข้าข้างเหลือเกิน...ตะวันคิดในใจ “แต่รุ้งว่า...” เสียงของหทัยชนกค้างเติ่งเพราะเสียงของเจ้าของบ้านดังทับเสียงของเธอ “ให้ตะวันไปส่งดีแล้วรุ้ง จริงอย่างที่ตะวันพูด นั่งรถแท็กซี่ดึกๆ มันอันตราย อีกอย่างบ้านรุ้งกับบ้านตะวันไม่ไกลกันมากนัก ไม่ต้องห่วงว่าตะวันจะกลับบ้านดึกหรอก” เมื่อได้ยินคำพูดของอัญญาณี ทำให้หทัยชนกไม่อาจปฏิเสธน้ำใจที่ตะวันหยิบยื่นให้ได้ ยินยอมให้ตะวันไปส่งตามความตั้งใจ แม้ว่าตนเองจะยังมีความรู้สึกเกรงใจก็ตาม “ก็ได้ รุ้งจะให้ตะวันไปส่ง” รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าของตะวัน หลังจากที่ได้ยินคำตอบรับของคนที่ตนเองแอบชอบ “ไอ้ตะวัน ขับรถไปส่งรุ้งดีดีล่ะ ส่งให้ถึงหน้าประตูบ้านเลยนะ” สาวอ้วนไม่วายกำชับตะวัน “รู้แล้วน่า รับรองส่งถึงประตูบ้านเลย” หนุ่มชาวใต้ตอบรับด้วยเสียงปี่ยมสุข “ตะวันไปก่อนนะเกตุ เดี๋ยวว่างๆ จะมาหา” ตะวันเอ่ยลาเจ้าของวันเกิดที่เดินมาส่งหน้าประตูรั้วบ้าน “เกตุรุ้งไปก่อนนะ พรุ่งนี้จะมาหา” หทัยชนกล่ำลาพร้อมกับนัดหมาย “จ้า พรุ่งนี้เจอกัน” สิ้นเสียงของอัญญาณี เพื่อนสนิทของเธอทั้งสองคนก็เดินไปยังรถยนต์ของตะวัน ก่อนที่รถยนต์จะเคลื่อนตัวออกจากหน้าประตูรั้วบ้านของสาวอ้วนทันที่ตะวันกับหทัยชนกนั่งประจำที่ รอยยิ้มบางๆ ประดับอยู่บนใบหน้าของอัญญาณีที่ยืนมองตามท้ายรถยนต์คันนั้น ที่แล่นผ่านออกไปจากบ้านของตนเอง พลางนึกอย่างขบขันว่า ตะวันและหทัยชนกเป็นเพื่อนของเธอทั้งคู่ แต่ทั้งสองก็ไม่เคยพบกันแม้แต่ครั้งเดียว คลาดกันไปคลาดกันมาอยู่อย่างนี้ ตะวันจะรู้จักหทัยชนกเพียงแค่ชื่อ ที่ออกมาจากปากของเธอยามพูดถึงเพื่อนสาวคนนี้เท่านั้น ส่วนหทัยชนกก็เช่นกัน รู้จักเพียงชื่อยามที่อัญญาณีพูดถึงตะวัน แต่วันนี้ทั้งสองได้รู้จักกันแล้ว และการรู้จักกันในครั้งนี้จากการแนะนำตัวในฐานะเพื่อนกำลังจะเลื่อนเป็นอย่างอื่น เพราะมีศรรักปักลงกลางใจของตะวัน ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับตะวันเพียงคนเดียว ขึ้นอยู่กับ หทัยชนกด้วยว่าจะเปิดใจยอมรับตะวันหรือไม่ ไม่นานคงรู้กัน ภายในรถยนต์ของตะวันเป็นไปด้วยความเงียบตลอดการเดินทาง ฝ่ายชายมองไปยังถนนเบื้องหน้าสลับกับมองเสี้ยวหน้าของสตรีที่นั่งเบาะข้างๆ ฝ่ายหญิงเองก็เกิดอาการประหม่าในจิตใจ สายตาไม่วอกแวกไปจากถนนข้างหน้า ไม่หันมามองหรือพูดคุยกับบุรุษที่ทำหน้าที่สารถี “บ้านรุ้งทำอะไรที่เยาวราช?” คำถามแรกของตะวันดังขึ้น ทำลายความเงียบที่ปกคลุมมานานหลายนาที “บ้านรุ้งทำร้านทอง” หทัยชนกหันมาตอบคนที่ถาม “บ้านของตะวันที่สุราษฎร์ฯ ทำรีสอร์ทกับไม้แปรรูปส่งออก แต่ถ้าบ้านที่กรุงเทพทำคาร์แคร์” ตะวันไม่รอให้เธอถาม เป็นฝ่ายบอกหญิงสาวให้รับรู้แทน “อ๋อ” เธอทำเสียงรับรู้ “ตะวันได้ยินแต่ชื่อของรุ้ง เพิ่งได้รู้จักตัวจริงวันนี้” เขาเริ่มชวนคุย “รุ้งก็รู้จักตะวันแค่ชื่อเหมือนกัน เกตุเคยพูดให้ฟังบ่อยๆ” อาการเกร็ง ประหม่าเริ่มคลายตัวออก หทัยชนกก็เริ่มพูดคุยกับตะวัน “พูดให้ฟังว่าไง ดีหรือไม่ดี?” เขาถามต่อ “ก็ไม่ได้คุยอะไรมาก ส่วนใหญ่จะพูดว่า ตะวันมันโทรมาขอคุยกับมันก่อน หรือไม่ก็บอกว่าต้องรีบกลับบ้านตะวันมันมาหา เกตุพูดถึงประมาณนี้แหละ” หทัยชนกลอกคำพูดของเพื่อนตัวอ้วน ถ่ายทอดให้คนที่ถามได้รับรู้ “เกตุก็พูดถึงรุ้งประมาณนี้เหมือนกัน” “ตะวันเป็นเพื่อนเกตุมานานแล้วเหรอ?” หทัยชนกถามต่อ “สิบเจ็ดปีแล้ว” “พอๆ กับรุ้งเลย แต่รุ้งก็รู้จักเพื่อนเกตุเกือบทุกคนนะ ยกเว้นตะวันนี่แหละ” “ตะวันอยู่ที่สุราษฎร์ฯ เป็นส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ขึ้นมากรุงเทพฯ เราก็เลยไม่ได้เจอกัน แต่ช่วงหลังๆ ตะวันอยู่กรุงเทพฯ มากกว่าเพราะต้องมาดูแลเรื่องคาร์แคร์ที่เพิ่งเปิดใหม่” “แล้วคาร์แคร์ของตะวันอยู่ที่ไหนล่ะ เผื่อรุ้งผ่านไปจะแวะไปใช้บริการ” “อยู่แถวๆ เหม่งจ๋าย” “ถ้าผ่านไปแถวนั้น รุ้งจะเอารถไปล้างที่ร้านของตะวันนะ” “ได้สิ บริการฟรีไม่คิดเงิน ล้างรถให้ฟรีตลอดชีวิตด้วย” ตะวันพูดจากใจ “ไม่เอาหรอก รุ้งไปใช้บริการก็ต้องจ่ายเงินสิ” “ก็ตะวันอยากล้างรถให้รุ้งฟรีๆ นี่ แล้วยังตั้งใจจะล้างรถให้ตลอดชีวิตอย่างที่พูดด้วย” ตะวันยังย้ำคำพูดและความคิดเดิม “งั้นรุ้งจ่ายให้ครึ่งหนึ่งก็แล้วกันนะ แฟร์ดี” เธอเองก็ไม่ยอมเอาเปรียบใคร แม้ว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจก็ตาม “เอาอย่างนั้นก็ได้ ช่วงนี้ครึ่งราคาไปก่อน แล้วต่อไปค่อยล้างรถให้ตลอดชีวิต” ตะวันไม่อยากรุกสาวน่ารักที่หน้าแดงระเรื่อมากนัก ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปแต่เห็นผลน่าจะดีกว่า หากรุกมากไปกว่านี้ บางทีเธออาจจะปิดกั้นตัวเอง ไม่ยอมให้เขาเข้าไปนั่งในหัวใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD