สองครั้งสองครา

1794 Words
ผมส่งไอ้เอิร์ธถึงหน้าบ้าน รอจนกระทั่งมันเดินเข้ารั้วผมค่อยขับรถออกมา ตรงไปที่ร้านอาหารของแม่ ผมขับตามจีพีเอสเพราะเพิ่งเคยมาครั้งแรก ถึงแม่จะเซ้งร้านนี้นานแล้วแต่อย่างที่บอกผมไม่ค่อยใส่ใจธุรกิจของครอบครัว ใช้ชีวิตไปวันๆ ตามประสาลูกคนเล็ก ทว่าที่ผมสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระต้องขอบคุณเดือนพี่สาวผมที่ขยันทำงาน เป็นมือเป็นเท้าให้พ่อกับแม่ แบ่งเบาธุรกิจครอบครัวได้ ทำให้ผมลอยตัว ไม่ต้องทำอะไรก็ได้แค่อย่าก่อเรื่องเกินตัวก็พอ แต่ดูเหมือนผมจะชะล่าใจเกินไป บางทีที่พ่อแม่ยังไม่ใช้งานผมคงเพราะยังไม่ถึงเวลาของผมนั่นแหละ นี่ถ้าผมไม่ใช้เงินเกินตัวก็ไม่รู้ว่าจะโดนเฉดหัวให้มาทำงานแบบนี้ไหม ร้าน ‘ครัวแม่เดือน’ เป็นร้านอาหารตามสั่งห้องแอร์ขนาดสองห้องแถว หน้าร้านจอดรถได้สี่คันแต่เต็มแล้ว ผมใช้เวลาวนหาที่จอดประมาณห้านาที เดินอีกสิบนาที กว่าจะถึงร้านเล่นเอาเหงื่อซึมเต็มแผ่นหลัง เสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งตอนผลักประตูเข้าร้าน พนักงานที่กำลังหนีบถาดเดินกลับหลังร้านหันมามองแวบหนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วก็เดินออกไปทำเหมือนผมไม่มีตัวตน ผมกวาดตามองภายในร้านอย่างไม่ใส่ใจกับท่าทีของพนักงานคนเมื่อกี้ มีลูกค้าอยู่เกือบครึ่งร้าน มาเป็นคู่บ้าง เป็นกลุ่มบ้าง ปะปนกันไป ระหว่างกำลังมองสำรวจภายในร้านคร่าวๆ สายตาผมก็สะดุดเข้ากับลูกค้าโต๊ะหนึ่งที่มากันสามคน คนหนึ่งมีอายุท่าทางน่าเกรงขามผมไม่เคยเจอแต่หน้าตาคล้ายคนที่ผมรู้จัก ส่วนอีกสองคน...คนหนึ่งคือน้องชายไอ้ไนท์และอีกคนคือบีบีแฟนสาวผมเอง ...หางตาผมกระตุก ทั้งแปลกใจทั้งสงสัย อีกฝ่ายคงรู้สึกถึงสายตาพลุ่งพล่านที่กำลังจ้องมอง บีบีหันมาสบตากับผม ดวงตากลมโตฉายแววตกตะลึงอย่างปิดไม่มิดก่อนจะหลบสายตาผมไปอย่างรวดเร็ว “....” มีพิรุธชัดๆ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน จะเดินเข้าไปทักก็เกรงใจลุงคนนั้น ผมคิดไปคิดมาก็ตัดสินใจเคลียร์ทีหลังตอนนี้สนใจงานก่อน ขืนผมก่อเรื่องวุ่นวายในร้านแม่ได้เอาเลือดหัวผมออกแน่ “ขอโทษนะคะ ตรงนี้เข้าไม่ได้ค่ะ” พนักงานเห็นผมเดินดุ่มๆ มาที่ทางเชื่อมกับหลังร้านก็รีบเอ่ยเตือนทันที ผมยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะแนะนำตัวว่าเป็นใครมาที่นี่ทำไม พนักงานก็ทำหน้าอึ้งไปครู่หนึ่งแต่ก็ดูไม่ค่อยเชื่อผมเท่าไหร่ “ลูกเจ้าของ? มาแทนผู้จัดการ... เอ่อ เดี๋ยวรอแป๊บนะ ขอไปถามหัวหน้าก่อน” พนักงานมองผมที่สวมชุดนักศึกษาด้วยสายตาประเมินรอบหนึ่ง แล้วก็รีบหมุนตัวเดินหายไปทางหลังร้าน ให้รอผมก็รอ ไม่ได้ไม่พอใจอะไร แค่สงสัยว่าแม่ไม่ได้บอกพนักงานก่อนเหรอว่าผมจะมาดูแลร้านแทนผู้จัดการที่ลาคลอด ระหว่างรอพนักงานกลับมา ผมก็ลอบมองบีบีไปพลาง ทางนั้นเองก็ชำเลืองมองมาทางผมเหมือนกัน สบสายตากับผมอยู่สองสามรอบ ถึงจะชั่วแวบสั้นๆ ที่สบตากันแต่ผมก็ดูออกว่าบีบีกำลังระแวงเหมือนกำลังกลัวว่าผมจะเปิดโปงสถานะของเรายังไงยังงั้น ท่าทางบีบีชัดเจนเกินไป... ผมกำลังโกรธ ในใจไม่สงบเลย ระหว่างที่ผมกำลังเผชิญกับความรู้สึกที่สุมอยู่ในใจพนักงานก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าเป็นมิตรและอ่อนน้อมกว่าก่อนหน้านี้ “ตัวเองชื่ออะไรนะ” พนักงานยิ้มถาม “ตะวัน” “อ่อ... งั้นทางนี้เลย เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะที่เสียมารยาทน่ะ” “ไม่เป็นไร ไม่ต้องใส่ใจ แล้วชื่ออะไรน่ะเรา” ผมมองพนักงานที่กำลังยิ้มแหยๆ หน้าตาเหมือนคนรุ่นราวคราวเดียวกันเลยไม่แน่ใจว่าจะเรียกพี่หรือน้อง “ชื่อแพร” “ทำพาร์ทไทม์หรือประจำ” “ประจำ” “นึกว่าพาร์ทไทม์” “เปล่า ทำประจำ” แพรเอ่ยย้ำแค่นั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ถึงผมจะสงสัยเพราะดูยังไงก็น่าจะอายุพอๆ กับผมซึ่งอยู่ในวัยเรียน แต่ก็ไม่อยากซักไซ้มาก เดี๋ยวจะหาว่าผมละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว แพรพาผมเข้ามาในครัว แนะนำให้ผมรู้จักกับแม่ครัวและพนักงานอีกห้าคนที่ยืนรอต้อนรับผมอยู่ หัวหน้าที่แพรพูดถึงคือแม่ครัวประจำร้าน ผมจำได้ทันทีเพราะแม่ส่งรูปแม่ครัวมาให้ผมดูผ่านทางแชตก่อนหน้านี้แล้ว ผมทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง ไม่ได้ถือตัวอะไร และยังขอให้พวกเขาช่วยแนะนำอะไรหลายๆ อย่าง ผมมัวแต่ง่วนอยู่หลังร้านจนลืมเรื่องบีบีไปเลย รู้ตัวอีกทีก็ถึงเวลาปิดร้านแล้ว พนักงานช่วยกันเก็บร้านอย่างขันแข็งและรอกลับพร้อมกันโดยไม่ลืมบอกลาผม ผมมองกลุ่มพนักงานที่เดินจากไป ใจหนึ่งก็อยากถามว่ากลับยังไง ให้ไปส่งไหมเพราะผมเอารถมาแต่คิดอีกทีไม่พูดน่าจะดีกว่า ถ้าผมแทรกแซงมากเกินไปอาจจะเสียระบบได้ ผมส่ายหน้าให้กับความคิดที่ชอบบริการคนอื่นของตัวเอง แล้วเดินมาเปิดคอมตั้งโต๊ะเช็กสต๊อกของกับรายละเอียดการขายของวันนี้ตามที่แม่ครัวกับแพรอธิบายให้ฟังก่อนหน้านี้ วัตถุดิบขาดเหลือก็แค่สั่งเพิ่มกับเจ้าประจำ มีเบอร์โทรกับรายละเอียดสินค้าครบถ้วน ของมาส่งถึงหน้าร้าน ไม่ต้องเสียเวลาไปเดินจ่ายตลาดเอง นอกจากตรวจของแล้วยังต้องนับเงินด้วย เช็กว่ายอดที่โชว์ในระบบกับยอดที่รับจริงๆ ตรงกันหรือเปล่า หัวจะปวดจริงๆ เพราะบางคนก็ชำระเงินสด บางคนก็โอนจ่าย ดีนะไม่มีระบบบัตรเครดิต ไม่งั้นคงยุ่งยากกว่านี้ ผมใช้เวลาอยู่ในร้านจนเกือบห้าทุ่มก็เช็กทุกอย่างเสร็จ ปิดคอม เดินตรวจความเรียบร้อยภายในร้านอีกรอบ ก่อนจะปิดไฟปิดร้าน หอบกระเป๋าเงินขึ้นรถ รอเอาไปฝากเข้าบัญชีร้านพรุ่งนี้ กว่าจะถึงหอพักก็เที่ยงคืนพอดี เข้าห้องมาผมก็อาบน้ำโดดขึ้นเตียงนอนหลับสนิทจนถึงเช้า พอเช้าก็ต้องไปเรียน เรียนเสร็จก็ต้องแวบเอาเงินไปเข้าบัญชีจากนั้นก็ตรงไปช่วยงานที่ร้าน ไม่มีเวลาคิดเรื่องบีบีเลย แต่ก็ไม่ได้ลืม ผมส่งแชตถามบีบีเรื่องเมื่อวานทิ้งไว้ตั้งแต่ตอนพักเที่ยงที่มหาลัย จนตอนนี้บีบีก็ยังไม่ตอบแชตผมเลย ทำให้ผมคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างบีบีกับน้องไอ้ไนท์ไปไกล พูดถึงไอ้ไนท์ ค่าเหล้าผมยังไม่คืนมันเลย มันลืมไปแล้วมั้ง ท่าทางรวยขนาดนั้นคงไม่มาสนใจไยดีกับเงินไม่กี่พันหรอก นึกถึงคำพูดมันคืนนั้นแล้วยังคันที่ใจไม่หาย แม่งเอ๊ย สรุปแล้วเป็นผมที่คิดไปเองคนเดียว ทั้งหมดที่ไอ้ไนท์ทำกับผมไม่ได้มีความหมายเหี้ยอะไรเลย มันก็แค่รักสนุก แต่เป็นหนี้ก็ต้องคืน ไว้ผมมีเงินแล้วค่อยทักแชตไปขอเลขบัญชีกับมัน หลายวันต่อมา การไปดูแลร้านอาหารของผมค่อนข้างราบรื่น อาจจะมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร แม่ผมค่อนข้างพอใจกับผลงานของผม ถึงขนาดเปรยว่าจะหาเซ้งร้านเพิ่มแล้วให้ผมไปบริหาร ผมต้องรีบเบรก เพราะไม่คิดว่าตัวเองมีความสามารถขนาดนั้น หรือก็คือผมยังไม่อยากหาภาระให้ตัวเองนั่นแหละ วันหยุดนี้แม่บอกให้ผมกลับไปกินข้าวบ้านด้วย ไม่รู้มีอะไรหรือเปล่า พอผมถามก็ตอบว่าอยากกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว หลังเสร็จงานที่ร้าน ผมตั้งใจจะเคลียร์กับบีบีให้รู้เรื่อง ผมโทรหาบีบีระหว่างทางขับรถกลับห้องแต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเพราะขนาดแชตผมบีบียังไม่ตอบเลย [ว่าไงวัน] อ้าว รับเฉย... ผมเงียบไปครู่หนึ่งเพราะแปลกใจ ก่อนส่งเสียงตอบ “บี... ยุ่งอยู่หรือเปล่า” [เปล่า คุยได้ ทำไมเหรอ] น้ำเสียงบีบีฟังดูปกติ ไม่เผยพิรุธอะไรเลย นี่ถ้าผมไม่เห็นภาพบีบีอยู่ในร้านอาหารกับผู้ชายคนเดิมถึงสองครั้งสองคราวผมจะไม่ติดใจสงสัยอะไรเลย “คิดถึง” พูดออกไปแล้วทำไมมันรู้สึกหวิวๆ ที่ท้องอย่างนี้วะ เหมือนผมกำลังโกหกตัวเองอยู่ [อื้อ ช่วงนี้เราไม่ได้เจอกันเลย ไม่แปลกหรอก บีก็คิดถึงวันนะ] “ใครว่าไม่เจอ วันก่อนยังเจอที่ร้านอาหารอยู่เลย” [อ่อ วันนั้นโทษทีที่บีไม่ได้ทักวัน ที่จริงแล้วบีอยากทักนะ แต่เกรงใจคนที่มาด้วยน่ะ วันไม่ได้โกรธบีใช่ไหม] “แล้วมีอะไรที่วันต้องโกรธหรือเปล่าล่ะ” [วันหมายความว่ายังไง] “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ทำไมบีถึงอยู่กับมันบ่อยจัง” [ไม่มีอะไร แค่รุ่นพี่ที่รู้จักเฉยๆ นี่วันไม่ไว้ใจบีเหรอ] บีบีถามกลับเสียงเครือ ทำเอาผมใจอ่อนยวบยาบ ไม่อยากพูดอะไรอีกถึงแม้จะยังรู้สึกคลุมเครืออยู่ก็ตาม “วันแค่ถามดูน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” [แล้ววันไปทำอะไรที่ร้านนั่น บีเห็นวันเหมือนไม่ได้ไปกินข้าว] “ร้านแม่วันน่ะ วันไปช่วยงานนิดหน่อย” ผมบอกอย่างไม่คิดปิดบังแต่ก็พูดแบบรวบรัดไม่ได้อธิบายรายละเอียดอะไรมากมาย ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงไม่อิดออดที่จะเล่าให้บีบีฟังทุกอย่าง แต่ตอนนี้ผมกลับเบื่อที่จะพูด [ร้านแม่วันเหรอ... บีเพิ่งรู้] น้ำเสียงบีบีฟังดูแปลกใจและเหมือนจะเลิ่กลั่กอยู่นิดหน่อยหรือผมคิดไปเองก็ไม่รู้นะ ผมคุยกับบีบีต่ออีกไม่กี่ประโยคก็วางสายเพราะกำลังขับรถอยู่ไม่อยากแบ่งสมาธิทำสองอย่างพร้อมกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD