คิดมากไปเอง

1873 Words
“มึงคิดยังไงจะไปส่งกู” ระหว่างทางผมอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม มีเหรอวะเลี้ยงเหล้าแล้วยังขับรถไปส่งถึงห้อง โดยที่ผมกับมันก็ไม่ได้สนิทกันไม่นับเรื่องบนเตียงเพราะผมถือว่าเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบไม่ได้มาจากความผูกพัน หรือว่าไอ้ไนท์มันคิดว่าเราเกี่ยวข้องกันเพียงเพราะเคยมีความสัมพันธ์กับผม ไม่ได้การ ผมต้องรีบเคลียร์ให้เข้าใจ ผมกำลังจะอ้าปากพูดเรื่องที่กำลังร้อนใจ ไอ้ไนท์ก็หันมาตอบคำถามผมหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ตอนแรกผมคิดว่ามันจะไม่ตอบแล้ว “มึงเมาไม่ใช่เหรอ” “กูก็นั่งวินกลับไง” ผมขมวดคิ้วตอบ เรื่องแค่นี้แม่งคิดไม่ได้เหรอวะ แต่ไอ้ไนท์ก็ตอบกลับผมมาอย่างไม่มีเหตุผล “แต่กูอยากไปส่งมึง ไม่ดีเหรอ มีคนขับรถให้นั่ง” ผมส่ายหน้าพรืด สวนกลับทันควัน “ไม่ดี ถ้าเป็นคนอื่นกูจะไม่บ่นสักคำ” “เป็นกูแล้วทำไม” “มึงมันไม่น่าไว้ใจ” “ฮ่าๆ กูเนี่ยนะไม่น่าไว้ใจ” ระหว่างที่ผมทุ่มเถียงกับมันก็เดินมาถึงรถหรูสะอาดเอี่ยม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเพิ่งเข้าคาร์แคร์มา เสียงสัญญาณปลดล็อกดังสั้นๆ ไอ้ไนท์เดินไปฝั่งคนขับ แต่ก่อนที่มันจะเปิดประตูรถผมก็รีบร้องทักมันเอาไว้ เพื่อเคลียร์เรื่องที่ค้างคาในใจ “เดี๋ยว! ที่มึงทำแบบนี้ ไม่ได้คิดอะไรกับกูใช่ไหม” พอได้ยินคำถามผม ไอ้ไหนก็เลิกคิ้วขึ้น มองตอบด้วยสายตาใสซื่อ ไอ้สัส กูรู้มึงแกล้งทำ ผมมองท่าทางไม่รู้เรื่องรู้ราวของมันอย่างเคืองๆ “มึงไม่ต้องมาทำเป็นไม่เข้าใจ กูรู้ว่ามึงรู้ว่ากูหมายถึงอะไร ที่มึงเลี้ยงข้าว เลี้ยงเหล้า แล้วยังอาสาไปส่งกูที่ห้อง ทำเหมือนมึงกำลังเอาใจกู บอกตรงๆ นะ กูไม่ได้ดีใจเลย กูอึดอัด และกูหวังว่ามึงจะไม่ล้ำเส้นมากเกินไป” ท่าทางขี้เล่นของไอ้ไนท์หายไปเมื่อมันได้ยินที่ผมพูด ดวงตาคมกริบจ้องผมเขม็งเหมือนมันกำลังสงสารผมยังไงยังงั้น “คิดเตลิดไปถึงไหนของมึง แต่สบายใจได้กูไม่ได้คิดอะไรกับมึง แล้วที่กูทำอยู่เนี่ยก็ไม่ได้หมายความว่ามึงพิเศษกว่าคนอื่น เวลาที่กูรู้สึกถูกชะตากับใครกูก็ทำดีด้วยหมด แต่ถ้ามึงระแวงกูขนาดนี้ กูก็จะไม่เข้าใกล้มึงอีก ค่าเหล้าถือเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากกูแล้วกัน แต่ถ้ามึงลำบากใจไม่อยากให้กูเลี้ยงจะจ่ายเองกูก็ไม่ติด” ผมยืนฟังมันพูดยาวเหยียดถึงจะจำไม่ได้ทุกคำเพราะสมองโดนฤทธิ์แอลกอฮอล์กัดกร่อนทำให้ความนึกคิดอาจจะช้าไปสักหน่อยแต่ผมก็เข้าใจสิ่งที่มันพูดมาทั้งหมด หนังหน้าผมชาดิก ยืนอึ้งชั่วขณะ ถึงในใจลึกๆ แล้วจะยังติดใจสงสัยมันอยู่ แต่การที่มันประกาศออกมาตรงๆ ว่าไม่ได้คิดอะไรกับผมก็เล่นเอาช็อกเหมือนกัน สรุปสั้นๆ คือผมแม่งคิดมากไปเอง ปกติผมก็ไม่ใช่คนหลงตัวเองที่พอมีคนทำดีด้วยหน่อยก็คิดว่าเขาชอบ แต่ไอ้ไนท์มันต่างออกไปทุกครั้งที่อยู่ใกล้มันผมจะมีความรู้สึกเหมือนถูกมันครอบงำอยู่ลึกๆ ทำให้ผมไม่เป็นตัวเอง หนำซ้ำเรื่องที่ผมนอนกับมันก็มีอิทธิพลต่อผมมากถึงแม้จะไม่อยากยอมรับก็ตาม “มึงแน่ใจ ว่าไม่ได้คิดกับกูในแง่ชู้สาว” ผมมองหน้าไอ้ไนท์ที่สะท้อนอยู่ใต้เงาสลัวของแสงไฟถนน “มีคนดีกว่ามึงตั้งเยอะ กูไม่คว้าเด็กเมื่อวานซืนอย่างมึงมาทำแฟนหรอก” ถึงผมจะไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับมันแต่การที่มันประเมินผมต่ำแบบนี้ทำให้ผมไม่พอใจ “ถ้ากูไม่ดีแล้วมึงอ้าขาให้กูทำไมวะ” “….” ไอ้ไนท์หรี่ตาลง ส่วนผมหลังจากโพล่งออกไปแล้วก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนผมกำลังเรียกร้องอะไรมันอยู่อย่างงั้นล่ะ “มึงคิดมากเพราะเรื่องนั้น?” “เปล่า กูแค่ข้องใจ” “ก็แค่ One night stand มึงจะใส่ใจทำไม” มันพูดหน้าตาเฉย เหมือนเป็นเพียงเรื่องลมฟ้าอากาศ ไม่มีความหมายอะไรกับมันเลย มีแค่ผมที่คิดมากอยู่คนเดียว “กูเข้าใจแล้ว ที่แท้มึงก็แค่หิวผู้ชาย เอาใครก็ได้ที่ผ่านทางมา แม่งเอ๊ย ทุเรศว่ะ เงินค่าเหล้าไม่ต้องห่วง กูคืนแน่ แล้วอย่าเข้าใกล้กูอีก กูไม่ชอบ!” “….” ผมเดินออกมาโดยไม่คิดจะเสียเวลาไปกับมันอีก โบกวินมอไซค์กลับห้องเหมือนที่ตั้งใจไว้ตอนแรก “เมื่อคืนมึงโทรหากูมีอะไรวะ” ไอ้เอิร์ธมันถามทันทีที่เจอหน้าผมที่มหาลัย ผมมองมันพลางอ้าปากหาวอย่างคนนอนไม่อิ่ม “ว่าจะขอยืมเงินหน่อย แต่ไม่เป็นไร กูไม่เอาแล้ว” “หืม เดี๋ยวนี้มึงต้องโทรมายืมเงินกูแล้วเหรอ เกิดอะไรขึ้น” ผมส่ายหน้าอย่างไม่ใช่เรื่องใหญ่ “ช็อตเงินนิดหน่อย” “อย่าบอกนะว่ามึงเอาไปเปย์บีบีหมด” “เปย์ไรล่ะ ช่วงนี้กูไม่ค่อยได้เจอบีบีเลย” ตั้งแต่เรื่องที่ร้านนาฬิกาวันนั้น บีบีก็ห่างเหินกับผมแปลกๆ ภาพที่บีบีนั่งกินข้าวกับน้องชายไอ้ไนท์ผุดขึ้นมาในหัวราวกับจะย้ำเตือนความกังวลของผม “หืม” ไอ้เอิร์ธเอียงหน้ามองผมอย่างสงสัย แต่ผมไม่อยากพูดถึง มองมันกลับด้วยสายตาแบบเดียวกัน “ว่าแต่มึงเถอะ เป็นยังไงบ้าง” “อะไร” “ไม่ต้องมาทำไขสือ มึงรู้ว่ากูหมายถึงอะไร” ไอ้เอิร์ธนิ่งไปชั่วขณะ แต่ท่าทางมันไม่เหมือนคนหมดอาลัยตายอยากเหมือนตอนที่หนีออกจากห้องพี่กันต์ ถึงจะดูซึมๆ เซาๆ แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ “พ่อพี่กันต์ไม่ยอมรับว่ะ” คำตอบไม่เกินจากที่คาด “แล้วพี่กันต์ว่าไง” “จะว่าไงล่ะ พี่กันต์เคยฟังคนอื่นพูดที่ไหน” “ยังไงวะ” “พี่กันต์ทะเลาะกับพ่อเพราะกูไงจะอะไรอีก แถมตอนนี้แม่กูก็มีปัญหากับพ่อพี่กันต์อีก กูไม่เท่าไหร่หรอก แต่กูไม่อยากให้แม่ต้องมาทรมานเพราะกู” ไอ้เอิร์ธระบายเรื่องในใจมันออกมารวดเดียว ฟังที่มันพูดแล้วเรื่องของผมกลายเป็นเล็กน้อยไปเลย ผมมองมันด้วยสายตาเห็นใจ “แล้วมึงเอาไงต่อ” “กู...” ไอ้เอิร์ธเอ่ยแค่นั้นก็ถอนหายใจยาวอย่างกลัดกลุ้ม “ไม่รู้ว่ะ ตอนนี้กูมืดแปดด้านไปหมด แต่กูไม่อยากทำร้ายครอบครัวใคร ถ้าการที่กูคบกับพี่กันต์แล้วทำให้เขาแตกหักกับพ่อกูก็ไม่ดีใจหรอก” “เออ สู้ๆ โว้ยกูเป็นกำลังใจให้” ผมตบไหล่มันเบาๆ จากนั้นก็ชวนมันคุยเรื่องอื่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศแต่คุยไปคุยมาก็วกกลับมาเรื่องเดิมๆ อยู่ดี ไม่รู้ใครมูฟออนไม่ได้กันแน่ ผมหรือมัน หรือทั้งคู่ก็ไม่รู้ กระทั่งเวลาเข้าเรียนผมกับไอ้เอิร์ธถึงได้หยุดคุยกัน นั่งเรียนอย่างตั้งอกตั้งใจ เปล่าหรอก ที่ผมเงียบๆ เพราะผมก็มีเรื่องต้องคิดเหมือนกัน ผมแอบเล่นโทรศัพท์ไปพลางๆ เขี่ยโน่นเขี่ยนี่ แต่ก็วนเวียนอยู่แค่แชตบีบีกับหน้า Facebook,IG ของบีบี ในเฟสไม่มีอะไรเคลื่อนไหวแต่ในไอจีอัปรูปลงปกติ ส่วนใหญ่เป็นรูปอาหาร กระเป๋า เสื้อผ้า แค่ของพวกนี้ผมไม่ได้ซื้อให้ ภาพที่บีบีโพสต์แต่ละอย่างราคาไม่ใช่น้อยๆ และจากที่คบกันมาบีบีไม่ใช่คนที่ใช้เงินตัวเองฟุ่มเฟือยอยากได้อะไรก็จะอ้อนให้ผมซื้อให้ พอเห็นเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าชิ้นใหม่ที่บีบีโพสต์ผมก็เลยสงสัยนิดหน่อยว่าบีบีซื้อเองหรือมีใครซัพพอร์ต ผมไม่อยากเคลือบแคลงใจบีบีแต่ก็อดไม่ได้จริงๆ ยิ่งช่วงนี้ยิ่งห่าง ไม่ค่อยได้เจอหน้า คุยกันผ่านแชตอย่างเดียว แต่จากที่คุยกันก็ปกติดีไม่มีสัญญาณอะไรเลย แต่ก็อย่างว่าคุยผ่านข้อความจะไปเข้าใจอารมณ์คนพิมพ์ทะลุปรุโปร่งได้ยังไง ผมจมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเองจนลืมเวลา เห็นคนอื่นทยอยลุกออกจากห้อง ผมถึงรู้สึกตัวว่าเลิกเรียนแล้ว หันไปมองเพื่อนในกลุ่มที่กำลังเก็บของบนโต๊ะ “วันนี้มึงกลับบ้านหรือหอวะ” ผมถามไอ้เอิร์ธ พอแม่มันมีปัญหากับพ่อพี่กันต์ แม่มันก็ย้ายกลับมาอยู่บ้านแล้วไอ้เอิร์ธก็ต้องกลับไปอยู่เป็นเพื่อนแม่มันตามระเบียบ หอพักที่มันเพิ่งเช่าแทบจะเสียเปล่าเพราะไม่ค่อยได้อยู่ “บ้าน” “กลับไง พี่กันต์มารับเหรอ” “กูกลับเอง วันนี้พี่กันต์ไม่ว่าง” “งั้นมึงติดรถกูไปก็ได้ กูมีธุระแถวบ้านมึงพอดี” “ธุระอะไรของมึง” ไอ้เอิร์ธมองผมด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่ามันจะมาสงสัยผมทำไม “ไปดูร้านให้แม่กู พอดีผู้จัดการลาคลอด ไม่มีคนตรวจงาน กูเลยต้องไปดูให้” “แล้วมึงเป็นงาน?” ไอ้เอิร์ธทำหน้ากังขา “ไม่รู้ แต่ถ้าไม่ไปแม่กูเอากูตายแน่” “แล้วพี่มึงล่ะ ทำไมจู่ๆ ถึงให้มึงไปทำ” ไอ้เอิร์ธไม่รู้เรื่องที่ผมโดนแม่หักค่าใช้จ่ายรายเดือนกับระงับบัตรเครดิต มันถึงได้ดูงงงวยเล็กน้อยที่ผมโดนที่บ้านเรียกใช้งาน “โมโหที่กูใช้เงินเกินตัวมั้ง เลยหางานให้กูทำ ตกลงมึงไปกับกูเปล่า” “อืม ไปสิ” “แล้วมึงสองคนล่ะ เอาไง เดินกลับหอเองหรือให้กูไปส่ง” ผมตะโกนถามไอ้แต้มกับไอ้เก้าที่เดินนำอยู่ข้างหน้า พวกมันสองคนทิ้งระยะห่างจากผมกับไอ้เอิร์ธพอสมควร เวลาพูดเลยต้องตะโกน “ไม่เป็นไร กูเดินกลับเอง” ไอ้เก้าหันมาตอบแล้วก็เดินแยกออกไปทันที ไม่รู้รีบอะไรของมัน ส่วนไอ้แต้มมันมองตามไอ้เก้าครู่หนึ่งค่อยหันมามองผม “กูนัดรุ่นน้องไว้ที่ห้องสมุด พวกมึงจะมาด้วยไหมล่ะ” “ไม่ล่ะ” ผมตอบอย่างไม่เสียดาย “เออ ไว้เจอกัน” แล้วไอ้แต้มก็แยกไปอีกทางเหลือผมกับไอ้เอิร์ธสองคน “งั้นเราก็ไปกันเถอะ” ผมหันมาพูดกับไอ้เอิร์ธ “อืม” มันพยักหน้าแล้วเดินตามผมไปที่ลานจอดรถ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD