กุญแจรถเป็นเหตุ

1804 Words
หลังวางสายบีบีไม่ถึงห้านาที รุ่นพี่ก็โทรมา... มีอะไรหรือเปล่าวะ เป็นก๊วนเดียวกับที่ไปนั่งดื่มร้านไอ้ไนท์วันนั้น ผมรับสายโดยไม่ได้คิดอะไร [เฮ้ยตะวันมึงอยู่ไหน] “ขับรถอยู่พี่” [เออ พอดีเลย มึงตรงมาที่ร้านเฮียไนท์เลยนะ พวกกูนั่งกินกันอยู่ เนี่ยพวกเพื่อนมึงก็อยู่ ไอ้เก้าไอ้แต้มไอ้เอิร์ธอยู่ครบเลย] “ไอ้เอิร์ธก็อยู่เหรอ” ผมถามอย่างแปลกใจเพราะช่วงนี้พอเรียนเสร็จมันก็ตรงกลับบ้านเลย ไม่ได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนเท่าไหร่ พอได้ยินว่ามันอยู่ที่นั่นด้วย ผมที่กำลังจะปฏิเสธก็เกิดอาการลังเลขึ้นมา หรือว่าไอ้เอิร์ธมันจะมีปัญหาอะไรกับพี่กันต์อีกแล้วถึงได้ออกมากินเหล้าย้อมใจ? [เออน่ะสิ รีบๆ มา พวกกูรออยู่] ระหว่างที่ผมกำลังสงสัยรุ่นพี่ก็ตัดจบบทสนทนาไปทั้งแบบนั้น ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้เอ่ยอะไรเลย สรุปคือกูต้องไป? ผมถอนหายใจเฮือก ตรงไปที่ร้านไอ้ไนท์อย่างไม่มีทางเลือก กว่าจะถึงก็ห้าทุ่มพอดี เป็นเวลาเหมาะเจาะกับการเที่ยวกลางคืนมาก แต่พวกรุ่นพี่ผมที่มาก่อนนี่คงจะกรึ๊บกันไปพอสมควรแล้ว เพราะเป็นเวลาทองที่จอดรถก็เลยหาอยาก (อีกแล้ว) ผมวนอยู่สองสามรอบก็ไม่มีที่ใกล้ๆ ให้จอด สุดท้ายก็ต้องโน่นท้ายซอยแล้วเดินเอา กว่าจะถึงร้านก็หลายนาที ร้านไอ้ไนท์ยังคึกคักเหมือนเดิม ส่วนมากก็นักศึกษาทั้งนั้นไม่เรียกว่ามอมเมาแล้วจะเรียกอะไร ผมเดินเข้าไปในร้านอย่างไม่ใส่ใจ พยายามไม่คิดถึงหน้าเจ้าของร้าน คิดแค่ว่ามาเที่ยวตามปกติ จิตใจจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ต่อให้มันยืนกรานว่าไม่ได้คิดอะไรกับผม แต่ผมที่คิดและเข้าใจไปแล้วยังอายตัวเองไม่หาย อารมณ์ไม่มั่นคง ไม่รู้จะเผชิญหน้ากับมันยังไง ทางที่ดีอย่าให้เจอมันเลยจะดีกว่า นี่ถ้าไม่รู้ว่าไอ้เอิร์ธอยู่ที่นี่ด้วยผมก็ไม่มาหรอก ผมแชตไลน์ถามพวกมันว่าอยู่ไหน มันก็แค่บอกให้ผมเดินเข้าไปในโซนนั่งชิลล์เดี๋ยวก็เห็นเอง ไม่ได้บอกพิกัดอะไรเลย แล้วกูจะถามทำเพื่ออะไรวะ ผมเก็บโทรศัพท์ลงอย่างไม่สบอารมณ์ เดินเข้าร้านพลางกวาดตามองหาพวกมันแบบสุ่มๆ ในที่สุดก็เจอ ไอ้แต้มหันมาเห็นผมก่อนใคร มันกวักมือเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆ ผมยกมือไหว้พวกรุ่นพี่ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างไอ้แต้มอย่างไม่ให้เสียน้ำใจมันที่อุตส่าห์ชวน “ไอ้เอิร์ธล่ะ” ผมถามอย่างสงสัยหลังจากไม่เห็นมันที่โต๊ะ “ไปหาพี่” “พี่... ใครวะ” ผมขมวดคิ้ว ตะเบ็งเสียงถามเพราะดนตรีสดวันนี้ค่อนข้างฮาร์ดคอ นึกว่านักร้องมาเปิดคอนเสิร์ต “พี่กันต์” คำนี้ไอ้เก้าเป็นคนตอบ มันนั่งฝั่งตรงข้าม มือควงแก้วเหล้า สายตามองลงอย่างไม่ใส่ใจ แต่สีหน้ากลับดูบึ้งตึงแปลกๆ ท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ผมขมวดคิ้วพอได้ยินชื่อพี่กันต์ ถึงจะรู้สึกว่าไอ้เก้าดูผิดปกติอะไรสักอย่างแต่เทียบกันแล้วผมห่วงไอ้เอิร์ธมากกว่า “พี่กันต์อยู่ที่นี่เหรอ” “เออ มาดูร้านให้เฮียไนท์ก็เลยพาไอ้เอิร์ธมาด้วย” ไอ้แต้มที่นั่งข้างๆ ก้มลงกรอกเสียงพูดใส่ข้างหูผม “หืม” ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ยังไม่ทันถาม ไอ้แต้มก็อธิบายต่อ “พวกกูมานี่ก็เพราะไอ้เอิร์ธมันชวน” “หา?” คราวนี้ผมถึงกับหน้านิ่วที่กลายเป็นบุคคลตกหล่น ไม่ถูกชวน “ทำไมไม่เห็นมันชวนกูเลยวะ” “มันบอกว่ามึงทำงาน ไม่อยากกวน เลยไม่ได้ชวน” “....” ผมไม่มีคำจะพูด นี่ถ้ารุ่นพี่ไม่โทรมาผมคงไม่รู้ว่าเดอะแก๊งรวมตัวกันอยู่ที่ร้านเหล้า “แล้วมึงถามหามันทำไม” “เปล่า กูไม่เห็นมัน ก็เลยถามดูเฉยๆ” หลังคุยกับไอ้แต้ม ผมส่งข้อความหาไอ้เอิร์ธผ่านทางไลน์ ถามเรื่องจากมันคร่าวๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ในคืนนี้ ทำให้รู้ว่าไอ้ไนท์ช่วงนี้ไม่ค่อยอยู่ร้าน พี่กันต์ที่อยากดื่มอยู่แล้วเลยอาสามาเฝ้าร้านให้โดยแลกกับการแดกเหล้าฟรี พอรู้ว่าไอ้ไนท์ไม่อยู่ร้าน ความกดดันในใจผมก็เบาบางลงแต่เมื่อคิดว่าคืนนี้คงไม่ได้เจอแล้วอารมณ์ผมกลับดิ่งลงแปลกๆ เหมือนกำลังรู้สึกเสียดายยังไงยังงั้น นี่ผมเป็นอะไรวะ สรุปแล้วอยากเจอหรือไม่อยากเจอไอ้ไนท์กันแน่ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ หลังจากนั้นไม่นานไอ้เอิร์ธก็เดินกลับมาที่โต๊ะ แต่มันมาคนเดียว พี่กันต์ไม่ได้มาด้วย “พี่กันต์ล่ะ?” ผมถามอย่างแปลกใจ “ดื่มอยู่ในออฟฟิศ” “ไม่ชวนมานั่งด้วยกัน” “อย่าดีกว่า เดี๋ยวทำเสียบรรยากาศหมด” ไอ้เอิร์ธพูดเหมือนกลัวว่าเพื่อนจะอึดอัดถ้ามีพี่ชายมันมานั่งด้วย แต่ความจริงมันคงกลัวว่าทุกคนจะรู้สถานะที่แท้จริงระหว่างมันกับพี่ชายมากกว่า ถึงมันจะไม่ปิดบัง แต่ก็ไม่ได้ป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ เพราะยังไงความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อใครหลายๆ คน รวมถึงผมด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะผมสนิทกับไอ้เอิร์ธมาก่อน ก็อาจรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน “แล้วไอ้เอ่อพี่ไนท์ไปไหน ทำไมต้องให้พี่กันต์มาดูร้านแทน” “ไม่รู้เหมือนกัน พี่กันต์ไม่ได้บอก” ผมหรี่ตามองไอ้เอิร์ธ ไม่รู้มันพูดจริงหรือหาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงไม่ตอบผมกันแน่ ช่างเถอะ ผมเองก็ไม่กล้าถามต่อกลัวมันสงสัย ผมนั่งแช่กับพวกมันจนถึงตีหนึ่งก็ฝืนสังขารต่อไม่ไหว ง่วง อยากกลับไปนอน “กูกลับก่อนนะ ไม่ไหวละ ตาจะปิด” ผมหันไปบอกไอ้แต้มที่อยู่ข้างๆ “อืม ขับรถดีๆ” “ตะวันไปไหนวะ” ผมกำลังจะขยับตัวลุกขึ้นยืน เสียงไอ้เอิร์ธที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ร้องทักขึ้นมา “กลับ” “ไม่อยู่ก่อน พี่ไนท์กำลังจะมาเนี่ย” มันไม่พูดเปล่าแต่ชูหน้าจอโทรศัพท์ที่แชตกับไอ้ไนท์ให้ผมดูด้วย ผมมองอย่างไม่ใส่ใจ “มาแล้วเกี่ยวอะไรกับกูวะ” “เห็นมึงถามถึง นึกว่ากำลังรอพี่ไนท์อยู่” “....” ผมส่ายหน้า ปฏิเสธข้อสงสัยของไอ้เอิร์ธแบบกลายๆ แต่ยังไม่ทันก้าวออกจากโต๊ะ รุ่นพี่ก็ยื่นแขนออกมาดักหน้าผมเอาไว้ “จะรีบไปไหน อยู่ก่อนดิวะ” “ผมง่วง ไม่ไหวแล้วพี่” “พรุ่งนี้ก็วันหยุด ไม่มีเรียน ยาวๆ เลย” ไม่มีเรียนแต่ผมมีงานต้องทำนะครับ ผมคิดพลางยิ้มอย่างอ่อนอกอ่อนใจให้รุ่นพี่ “ไม่ไหว พรุ่งนี้ผมมีธุระด้วย ขอกลับก่อน” “เออๆ งั้นก็กลับดีๆ ขับรถระวังด้วย” “ครับ ไปแล้วพี่” ผมพยักหน้าแล้วเดินออกมา ปี้นน!! ตอนที่กำลังจะก้าวออกจากหน้าร้าน เสียงแตรรถก็ดังขึ้นพอหันไปมองก็เห็นรถไอ้ไนท์จอดชะลออยู่ตรงหน้า ผมขมวดคิ้วเพ่งตามองอย่างสงสัย แม่งบีบแตรใส่ใครวะ... แต่ช่างเหอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับผมอยู่ดี ผมเมินเสียงแตรรถเมื่อครู่แล้วรีบเดินต่อโดยไม่คิดจะหยุดให้เสียเวลาถึงแม้ภายในใจลึกๆ จะอยากรู้ว่าทำไมมันถึงบีบแตรก็เถอะ “หืม...” ผมเดินมาถึงรถที่จอดเอาไว้ท้ายซอยโดยสวัสดิภาพ แต่พอจะขึ้นรถกลับหากุญแจไม่เจอ อยู่ไหนวะ ผมควานหากุญแจรถตามกระเป๋ากางเกงอย่างแตกตื่น แม่ง...หรือว่าจะลืมไว้ที่โต๊ะ พอคิดแบบนั้นผมก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรถามไอ้เอิร์ธแต่ยังไม่ทันกดโทรก็เห็นข้อความที่มันส่งมาซะก่อน เอิร์ธ : มึงลืมกุญแจรถ ส่งมาเมื่อห้านาทีที่แล้ว มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้อ่านเพราะเดินอยู่แล้วทำไมไม่โทรมาวะ กูจะได้ไม่ต้องเดินไกลขนาดนี้ ผมถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ กดโทรออกหาไอ้เอิร์ธระหว่างทางเดินกลับไปที่ร้าน ผมไม่ได้หงุดหงิดอะไรมันนะครับแค่โมโหตัวเอง ลืมอะไรไม่ลืมดันลืมกุญแจรถ ผมโทรหาไอ้เอิร์ธอยู่หลายรอบจนกระทั่งถึงร้านมันก็ยังไม่รับสาย ผมมุ่งหน้าไปทางโต๊ะที่เคยนั่งเพราะคิดว่าไอ้เอิร์ธยังอยู่ที่นั่น แต่พอมาถึงกลับไม่เจอไอ้เอิร์ธ “เอิร์ธมันเพิ่งเดินออกไป มึงไม่สวนกับมันเหรอ” แต้มบอกด้วยท่าทางแปลกใจที่เห็นผม และมันก็รู้เรื่องที่ผมลืมกุญแจรถด้วย “แล้วกุญแจกูล่ะ” “ไอเอิร์ธถือไปด้วย บอกจะเอาไปคืนมึง” “คืนกู? แล้วนี่ไอ้เอิร์ธมันไปไหน ได้บอกมะ” ไอ้แต้มส่ายหน้า “มันบอกแค่ว่าจะเอาไปคืนมึง” ผมไม่รู้จะซาบซึ้งหรือโมโหไอ้เอิร์ธในความมีน้ำใจของมันดี จะเอากุญแจรถมาคืนแล้วรู้เหรอวะว่ารถกูจอดที่ไหน แล้วแม่งก็เสือกไม่รับโทรศัพท์อีก ผมถอนหายใจเฮือกยาวกดโทรหาไอ้เอิร์ธไปพลาง ในที่สุดมันก็รับสายสักที [ตะวันมึงอยู่ไหน] “แล้วมึงอยู่ไหน” [กูอยู่บนรถ กำลังจะกลับ ส่วนกุญแจรถมึงกูฝากไว้กับพี่ไนท์แล้ว] “มึงว่าไงนะ” [กุญแจรถมึงกูฝากไว้กับพี่ไนท์] ไอ้เอิร์ธพูดย้ำเพราะคิดว่าผมไม่ได้ยิน แต่จริงๆ แล้วผมได้ยินชัดเจนตั้งแต่ประโยคแรกแล้วแค่ไม่อยากเชื่อที่มันพูดจนต้องถามซ้ำแบบนั้น ไอ้เวรเอิร์ธ... ใครใช้ให้มึงฝากกุญแจไว้กับไอ้ไนท์วะ ผมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างขุ่นเคืองแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับความจริง “เออกูรู้แล้ว แค่นี้ล่ะ” […]
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD