ร่องรอยจากอดีต

1655 Words
ไนท์ | เสียงหอบหายใจดังถี่กระชั้นในห้องเล็กๆ ผมยืนหันหน้าเข้าหาผนัง เท้าแขนยันตัวเองเอาไว้ขณะถูกคนด้านหลังถูไถแก่นกายกับช่องขาพร้อมกับบีบเคล้นของผมไปด้วยอย่างร้อนแรงจนเสร็จด้วยกันทั้งคู่ “เช็ดให้กูเลย” ยังไม่ทันหายใจคล่องปอด มือที่เปื้อนไปด้วยน้ำกามของผมก็ยื่นออกมา ไม่รู้ว่าแค่แหย่เล่นหรือไม่พอใจจริงๆ แต่ผมก็เอื้อมไปหยิบทิชชู่มาเช็ดมือให้เขาจนสะอาดโดยไม่ปริปากบ่น “เฮีย... เฮียครับ” “ไม่ต้องเดี๋ยวปลุกเอง พี่ไนท์... พี่... พี่ครับ” “หือ ปาย...?” ผมปรือตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ ผมอยู่บนโซฟาตัวยาวในออฟฟิศที่ร้านเหล้า ไม่รู้เลยว่าเผลอหลับไปตอนไหนแล้วยังฝันเห็นเรื่องในอดีตสมัยอยู่มัธยมปลายอีก ตอนนั้นผมโคตรจะเด็กยังไม่รู้ความเท่าไหร่ ก็เลยปล่อยให้ตัวเองถูกทำร้ายจิตใจอยู่หลายรอบ... ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเพราะผมอยากรู้อยากลองด้วยเหมือนกัน ก็เลยยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ตลอดแต่พอรู้แล้วว่าเป็นยังไง ผมก็ไม่ปล่อยให้ใครมาล้อเล่นกับความรู้สึกผมอีก ไม่มีใครอยากอยู่ในสภาวะจำยอมไปตลอด... แต่การเป็นคนเข้มแข็งมันก็ไม่ได้ง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ต่อให้ผมรู้ตัวเองดีก็ยังพลาดอยู่หลายครั้ง ครั้งใหญ่สุดก็คงจะเป็น... “ปาย” ผมมองคนตรงหน้าด้วยแววตาสงสัย “มาได้ยังไง” “ผมขับรถมา” มันยิ้มขำในท่าทางหลุดลอยๆ ของผมแล้วเอ่ยตอบแบบจงใจก่อกวนก่อนจะเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างผมอย่างถือวิสาสะ “....” ผมมองปายนิ่ง นั่นไม่ใช่คำพูดที่ผมอยากฟังเลย แล้วเหมือนปายจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร มันยักไหล่พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ผมแค่อยากมาหาอะไรดื่ม ไม่ได้เหรอ” “ข้างนอกโต๊ะเต็ม?” ผมขี้เกียจต่อความยามสาวความยืด ถามอย่างตัดบท “ไม่รู้สิ” “....” “แผลพี่เป็นยังไงบ้าง” ปายเหลือบมองหน้าผากที่มีปลาสเตอร์ใสแปะอยู่ของผมด้วยสายตาเป็นห่วง “เมื่อวานผมมาแต่ไม่เจอพี่ คนที่ร้านบอกว่าพี่รีบร้อนออกไป... ผมมารู้ทีหลังว่าพ่อพี่เข้าโรงพยาบาล ผมโทรหาพี่ก็ไม่รับ ทักไปก็ไม่อ่าน พี่โอเคหรือเปล่า” ผมอยู่กับตะวันตอนนั้นก็เลยไม่ได้เปิดเสียงโทรศัพท์ จนกินข้าวเที่ยงกับมันเสร็จค่อยกลับมาสะสางงานและเปิดแจ้งเตือนตามปกติ ผมเห็นที่ปายมันส่งมาแต่ยังไม่ว่างเปิดอ่าน กว่าจะจัดการธุระช่วงบ่ายเสร็จก็ได้เวลาเตรียมเปิดร้านพอดี ไม่มีเวลามานั่งเล่นโทรศัพท์เลย ...ส่วนเรื่องเผลอหลับ ถ้าบอกไม่เพลียก็คงโกหก ที่ผมนิ่งๆ ไม่แสดงอาการต่อหน้าตะวันนั่นคือกำลังสร้างภาพ ไม่อยากให้มันมองว่าผมสำออยแล้วทำตัวเรียกร้องความสนใจจากมัน พูดแล้วก็ไม่อยากเชื่อว่าช่วงเวลาที่ผมอยู่กับมันจะเป็นช่วงเวลาที่ผมสบายใจที่สุด แถมเมื่อคืนมันยังทำตัวเชื่องกับผมโดยที่ผมแทบไม่ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรเลย “พี่ไนท์?” เสียงเรียกของปายทำผมหลุดจากภวังค์ “อืม” “อืมอะไรพี่ นี่พี่ได้ฟังที่ผมพูดหรือเปล่า” “กูโอเค” ผมตอบสั้นๆ แล้วลุกขึ้นยืนไล่ความเมื่อยออกไป ก่อนจะหันกลับไปมองปาย “ตามสบายนะ กูไปเดินดูร้านก่อน” ปายลุกตามทันที “พี่จะทิ้งผมอีกแล้วเหรอ” ผมชะงัก หันกลับไปมองพลางเลิกคิ้วกับคำพูดของอีกฝ่าย “อย่างี่เง่า” “....” ปายอึ้งไปชั่วขณะ มองผมด้วยสายตาคาดไม่ถึงว่าผมจะพูดกับมันแบบนั้น ที่ผ่านมาผมอาจจะไม่ชัดเจนเลยพลอยทำให้มันเข้าใจผิดไป “อยากดื่มก็ดื่มไปกูไม่ได้ห้าม แต่ถ้าจะให้มานั่งเป็นเพื่อนคงไม่ได้” “แล้วถ้าผมอยากให้พี่นั่งด้วยในฐานะอื่นล่ะ” “….” ผมนิ่งเงียบ เด็กเสิร์ฟที่กำลังเดินสวนกันไปมาก็ชะงักแล้วหันมามองราวกับถูกหยุดเวลา เด็กในร้านแทบทุกคนรู้ว่าผมไม่ใช่ผู้ชายแท้ในสายตาจึงไม่แตกตื่นแต่เป็นอึ้งกันมากกว่าที่มีคนกล้าหยอดผมต่อหน้าธารกำนัลตรงๆ แบบนี้ นั่นเท่ากับว่าคนพูดก็ประกาศตัวตนของตัวเองเช่นกัน “โทษที แต่คงไม่ได้” ผมมองตอบปายตรงๆ “พี่มีคนที่คบอยู่เหรอ” ปายคล้ายเบรกแตก เหมือนตอนแรกมันไม่ได้ตั้งใจจะคุยประเด็นนี้กับผมเลย แต่พอสบโอกาสมันก็ไม่คิดจะปล่อยผ่าน จู่โจมทันทีไม่สนว่าคนรอบข้างจะมองยังไง “มี ไม่มี ไม่เกี่ยวหรอก เพราะกูมองมึงในฐานะน้องชายแค่นั้น” “พี่พูดแบบนี้ผมไปต่อไม่ถูกเลย นี่ผมไม่มีโอกาสแล้วจริงๆ เหรอ” สีหน้าปายอ่อนลง สายตาไม่ได้ดุดันอย่างตอนแรก “กูเป็นเพื่อน เป็นพี่ชายให้มึงได้ แต่อย่างอื่นกูเป็นให้ไม่ได้” “โอเค เข้าใจแล้ว งั้นคืนนี้ผมขอดื่มกับพี่ในฐานะน้องรักได้หรือเปล่า” ปายยิ้มใสซื่อ ผมมองมันอย่างอดไม่ได้ที่จะระแวง เมื่อกี้เพิ่งบอกไปหยกๆ ว่านั่งด้วยไม่ได้ ต้องไปเดินดูความเรียบร้อยของร้าน ถึงแม้ว่าผมจะเดินหรือไม่เดินก็แทบไม่มีผลต่อสถานการณ์ของร้านเลยก็เถอะ แต่ผมอยากเดินมากกว่านั่งดื่มเหล้ากับปาย “ทำไมมองผมแบบนั้น ผมหมายถึงพี่เคลียร์งานพี่เสร็จแล้วค่อยมานั่งดื่มกับผมก็ได้” “แล้วพรุ่งนี้ไม่ต้องทำงานหรือไง” มันพูดเหมือนให้อิสระกับผมแต่จริงๆ แล้วกำลังกดดันผมทางอ้อมอยู่ ผมเอ่ยถามออกไปอย่างสงสัยเพราะถ้ามันรอจริงก็คงดึกมากกว่าผมจะว่างมานั่งเล่นกับมัน บางทีผมก็นั่งๆ เดินๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ “ทำ แต่ผมเข้างานตอนบ่ายได้ ไม่เป็นไร งานที่ต้องส่งผมก็ส่งหมดแล้ว ไม่มีอะไรค้าง” “อืม เอาที่มึงสบายใจแล้วกัน” คืนนั้นปายมันนั่งรอผมจริงๆ ผมเดินไปเดินมาจนทั่วร้าน ทั้งผับทั้งลานนั่งชิลล์จนไม่มีอะไรให้ดูแล้ว บรรยากาศเงียบสงบ ลูกค้าไม่มีท่าทีว่าจะก่อเรื่อง ส่วนนักดนตรีที่มีปัญหาคืนก่อนผมก็ให้พักงานชั่วคราว ให้มันไปเคลียร์ปัญหาให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับมาขึ้นเวที ระหว่างนั้นก็หาคนเล่นแทนไปก่อน ผมกลับมาก็เห็นปายนั่งดื่มเบาๆ อยู่บนโซฟาในออฟฟิศ ขณะที่เด็กเสิร์ฟเดินเข้าเดินออกกันไม่หยุด “มาแล้วเหรอพี่” “อืม” ผมนั่งลงข้างมันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนโบกมือเรียกเด็กเสิร์ฟที่ผ่านทางมาพอดีให้เอาแก้วกับของกินกรุบกริบมาเพิ่ม หลังจากได้แก้วแล้วผมก็ผสมเหล้าให้ตัวเองอย่างคล่องแคล่ว “พี่นี่ก็เก่งเนอะที่เปิดร้านเหล้าแบบนี้ได้...” จู่ๆ ปายมันก็เปรยขึ้นมา ผมมองมันด้วยสายตาราบเรียบ ยกแก้วขึ้นจิบเหล้านิดหน่อยทำให้แอลกอฮอล์แผดซ่านไปทั่วปาก “อืม ลำบากอยู่เหมือนกัน” “เป็นเพราะผมหรือเปล่า” ปายเหม่อมองโต๊ะตรงหน้า เอ่ยออกมาเหมือนใจลอย เวลาผมพูดอะไรที่สะกิดใจมันนิดหน่อยมันก็จะโยงเข้าหาเรื่องในอดีตทุกที ผมเชื่อแล้วว่ามันรู้สึกผิดต่อผมจริงๆ แต่มึงควรหยุดโทษตัวเองและก็มองไปข้างหน้าได้แล้ว ผมส่ายหน้า “บอกหลายรอบแล้วไงว่าต่อให้ไม่มีปาย สักวันพ่อพี่ก็ต้องรู้อยู่ดี” “แต่อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องรู้สึกผิดแบบนี้ พี่อย่าปลอบใจผมเลย ถ้าพี่อยากให้ผมรู้สึกดีจริงๆ พี่ไม่ให้โอกาสผมแก้ตัวล่ะ” “มึงเมาแล้วล่ะ” “ผมดื่มนิดเดียว” “เลิกพูดเรื่องปวดหัวเถอะ” “ผมคิดถึงพี่นะ” “....” “ผมไม่อยากเป็นแค่น้อง พี่จะไม่ลองเปิดใจให้ผมหน่อยเหรอ” “ปายฟังนะ” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง พูดกับมันแบบดีๆ “....” “พี่ไม่คิดจะมีใคร เพราะงั้นเลิกตื๊อได้แล้ว” “ไม่จริง ผมไม่เชื่อ แล้วไอ้เด็กแก่แดดนั่นล่ะพี่เก็บมันไว้ในฐานะไหน” “ใคร” “ก็ไอ้ตะวัน คนที่พี่เลือกไปกับมันคืนก่อนไง” ผมอึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่คิดว่าพอเหล้าเข้าปากแล้วปายมันจะพูดมากแบบนี้ “ทำไม กูต้องมานั่งอธิบายให้มึงฟังด้วยเหรอ” “ผมแค่อยากรู้ พี่บอกว่าไม่อยากมีใคร แต่ผมเห็นพี่ขายขนมจีบมันทุกครั้งที่ผมอยู่ด้วย” “....” นี่กูทำแบบนั้นเหรอ ไม่เห็นยักกะรู้ตัว “พี่สนใจมัน ผมเคยคบพี่ผมดูออก” “กูสนใจตะวันแล้วยังไง ไม่ได้คิดจะจริงจังสักหน่อย” “หืม” ปายเลิกคิ้วขึ้นมองไปทางประตูทางเข้าออฟฟิศด้วยสีหน้าแปลกๆ พอผมมองตามก็เห็นตะวันยืนหัวโด่วอยู่ตรงนั้น ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง คลื่นหัวใจกลายเป็นเส้นตรงไม่ขึ้นไม่ลง หรือถ้าให้อธิบายแบบชัดๆ คือเหมือนตายไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าตะวันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จากสีหน้าท่าทางที่มันมองผม เดาได้ว่ามันได้ยินเรื่องที่ผมคุยกับปาย แต่ได้ยินไปมากน้อยแค่ไหนอันนี้ผมยากจะคาดเดาจริงๆ หรือว่า... ที่ปายพูดถึงตะวัน ปายจงใจ…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD