บังเอิญหรือตั้งใจ

1959 Words
ผมมองบีบีแล้วเหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เพราะไม่อยากให้เราสองคนห่างเหินกันมากกว่าเดิม ผมจึงต้องตอบตกลงเพื่อรักษาช่วงเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันเอาไว้ “วันไปส่งได้นะ แต่คงไปสนุกด้วยไม่ได้ ขอนอนรอในรถได้ไหม” ผมต่อรอง บีบีดูอึ้งไปเล็กน้อย มองผมอย่างผิดคาด ก่อนจะยิ้มแล้วพูดออกมาอย่างเกรงอกเกรงใจ “แต่วันเพิ่งจะบอกว่าเหนื่อยไม่ใช่เหรอ” “ไม่เป็นไรถ้าบีอยากไปเดี๋ยววันไปส่ง” “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวบีนั่งแท็กซี่ไปเอง วันไม่ต้องลำบากหรอก” ผมกะพริบตาปริบ ไม่เข้าใจว่าบีบีจะเอายังไง ตอนแรกมาชวนผมแต่พอผมตอบรับก็ดันปฏิเสธ ผมส่ายหน้ายืนกรานว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวไปส่งเอง บีบีมองผมด้วยสายตาอึดอัดลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็พยักหน้ายินยอมให้ผมไปส่ง ระหว่างทางบนรถเราพูดคุยตามปกติแต่เมื่อเทียบกับระยะเวลาที่ห่างกันแล้วบทพูดของเราก็ดูน้อยไปเลย ปกติเวลาคนที่ไม่เจอหรือพบกันหลายๆ วันมาเจอกันทีก็จะมีเรื่องให้พูดคุยกันไม่หยุด แต่บีบีกับผมตอนนี้เหมือนไม่มีหัวข้อที่จะคุยกันเลย พอมานึกๆ ดูแล้วเมื่อก่อนที่เราคุยกันเยอะๆ ก็จะเป็นเรื่องสิ้นเปลืองทั้งนั้นอย่างคอลเลคชั่นเครื่องสำอาง กระเป๋า เสื้อผ้า ฯลฯ อะไรที่เกี่ยวกับความสวยความงามรวมถึงพวกร้านอาหาร คาเฟ่ ที่กินที่เที่ยวที่อยากไป ซึ่งต้องใช้เงิน เมื่อก่อนผมซัพพอร์ตได้แต่ว่าตอนนี้ผมทำไม่ได้แล้ว บีบีก็เลยไม่รู้จะพูดอะไรกับผมหรือเปล่า ไม่หรอก... ผมปฏิเสธความสงสัยที่ก่อตัวขึ้น ไม่อยากมองบีบีในแง่ลบมันจะพานทำให้ความสัมพันธ์ของเราแย่ลงกว่าเดิม ผมชวนบีบีคุยไปเรื่อยๆ รวมถึงเล่าเรื่องที่แม่ผ่าไส้ติ่งและบอกด้วยว่าแม่อยากเจอ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากพาไปเยี่ยม แต่คิดว่าอีกไม่กี่วันแม่ก็คงได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว บีบีฟังยิ้มๆ ไม่ออกความเห็นอะไรกับเรื่องที่แม่ผมอยากเจอ แค่ถามไถ่เรื่องสุขภาพไม่กี่คำเท่านั้นเหมือนถามเป็นมารยาทเฉยๆ ดูไม่จริงใจเท่าไหร่ ผมไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยหรอกครับแต่ท่าทางที่บีบีแสดงออกมามันทำให้ผมอดรู้สึกไม่ได้จริงๆ ระหว่างนั้นก็มีเสียงโทรเข้าดังขึ้นมา “เสียงโทรศัพท์หรือเปล่า” บีบีเอ่ยขึ้น มองผมอย่างสงสัย “อืม ไม่ใช่ของบีเหรอ” ผมเองก็ได้ยินเหมือนกัน เป็นเสียงโทรศัพท์แต่ไม่ใช่ของผม บีบีถือโทรศัพท์อยู่ในมือแต่เสียงก็ไม่ได้มาจากเครื่องของเธอ “ไม่ใช่นะ โทรศัพท์วันล่ะ?” “อยู่ในกระเป๋า” ผมปล่อยมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงดูเพื่อความแน่ใจว่าไม่ใช่เสียงจากเครื่องผม “....” เราสองคนสบตากัน ขมวดคิ้วสงสัยด้วยกันทั้งคู่ ไม่ใช่ของผม ไม่ใช่ของบีบี งั้นเสียงมาจากไหนล่ะ? ผมตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง เพื่อหาต้นตอของเสียงให้แน่ชัด “ดังมาจากเบาะหลังหรือเปล่า” บีบีมองผมก่อนจะเปิดประตูลงไปดูด้านหลัง ควานหาอยู่ครู่หนึ่งก็เจอโทรศัพท์มือถือที่มีสายห้อยรูปดาวมุ้งมิ้งตกอยู่ใต้เบาะ “ของใคร” บีบีขมวดคิ้วมองโทรศัพท์มือถือที่ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยสีหน้าสงสัยปนระแวง ผมจำสายห้อยรูปดาวมุ้งมิ้งนั่นได้ทันที รู้แล้วว่าเป็นของใครแต่ไม่ได้กระโตกกระตาก ตอบบีบีด้วยสีหน้าสงบนิ่ง พลางยื่นมือออกไปรับโทรศัพท์จากบีบี “สงสัยพนักงานที่ร้านทำหล่นไว้” “พนักงาน?” บีบีทำหน้าข้องใจ ไม่ส่งเครื่องให้ผมแต่กดรับสาย ผมอึ้งนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ตำหนิหรือต่อว่าอะไร รออย่างเงียบๆ “ฮะโหล... นั่นใคร? แพร... แพรไหน นี่ลืมโทรศัพท์ไว้บนรถแฟนคนอื่นคิดอะไรอยู่หรือเปล่า ใช่! นี่รถวัน งั้นเหรอ... พนักงานร้านอาหาร โรงพยาบาล? อืมๆ ไว้คุยกับวันเองแล้วกัน” บีบีเสียงเหวี่ยงตั้งแต่ประโยคแรกยันประโยคสุดท้ายก่อนส่งโทรศัพท์มาให้ผมอย่างโกรธๆ ท่าทางของบีบีไม่ส่งผลต่อผมเท่าไหร่เพราะสำหรับผมแล้วมันไม่มีอะไร “แพร...?” [วัน... แพรเอง โทรศัพท์แพรอยู่ที่วันใช่ไหม เมื่อกี้แฟนวันเหรอ แพรขอโทษนะ เขาโกรธหรือเปล่า แพรไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เข้าใจผิดนะ คือแพรไม่รู้จริงๆ ว่าทำโทรศัพท์หล่นตอนไหน นี่ยังกลัวอยู่เลยว่าจะทำหล่นที่โรงพยาบาล ไม่ก็ระหว่างทางเดินขึ้นหอ แต่แพรเดินหาแล้วมันไม่เจอ ดีที่พี่ห้องข้างๆ ให้ยืมโทรศัพท์โทร] เสียงแพรรัวมาเป็นชุด เต็มไปด้วยความร้อนใจและกังวล แต่พอรู้ว่าโทรศัพท์ตกอยู่บนรถผมก็ทำให้อีกฝ่ายเบาใจลงแต่น้ำเสียงก็ยังแฝงไว้ด้วยความรู้สึกผิดที่สร้างปัญหาให้ผม “ไม่เป็นไรแพร ไม่ต้องคิดมาก แล้วนี่ต้องใช้โทรศัพท์หรือเปล่า” ผมพูดตอบปลายสายด้วยน้ำเสียงปลอบโยน ไม่ได้คิดจะต่อว่าซ้ำเติมให้แพรรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม แค่ทำโทรศัพท์หายก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว [ปกติแพรจะโทรหาที่บ้านทุกคืน แต่ไม่เป็นไร... แพรรอพรุ่งนี้ได้วันมาร้านอยู่ใช่ไหม เดี๋ยวยืมโทรศัพท์พี่ข้างห้องโทรบอกที่บ้านว่าลืมโทรศัพท์] “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอาไปให้คืนนี้เลย ออกมาข้างนอกพอดี” ผมบอกแพร แต่ไม่ทันได้สังเกตว่าบีบีกำลังมองผมด้วยสีหน้าแบบไหนอยู่ [จริงเหรอ ไม่ต้องก็ได้แพรเกรงใจ] “ไม่เป็นไร... เดี๋ยวเอาไปให้แต่อาจจะใช้เวลาหน่อย แพรจะหลับก่อนหรือเปล่า” [ไม่หลับๆ ถ้าวันจะมาจริงๆ แพรก็รอได้] “ได้ ถ้างั้นถึงแล้วโทรหา... เบอร์นี้โทรได้ใช่ไหม” [ได้ๆ เดี๋ยวแพรขอยืมโทรศัพท์พี่เขาต่ออีกหน่อย พี่เขาใจดี ไม่เป็นไรหรอก] “โอเค งั้นแค่นี้ก่อนนะ ทำธุระก่อน” [อื้ม ขอบคุณนะวัน] ผมวางสายเสร็จก็หันไปหาบีบี แล้วก็ต้องผงะเมื่ออีกฝ่ายกำลังยืนกอดอกทำหน้าถมึงทึงจ้องผมอยู่ “อุ้ย...” ผมทำเสียงตกใจออกมา “ใครอะ” “แพร... พนักงานร้านอาหารที่วันดูแลอยู่” “แล้วเรื่องอะไรมาลืมโทรศัพท์ไว้ในรถวัน” “แพรไปเยี่ยมแม่วันที่โรงพยาบาล มันดึกแล้วแม่ก็เลยให้วันไปส่งแพรน่ะ โทรศัพท์ก็คงจะหล่นตอนนั้นแหละ” “เหรอ แน่ใจนะว่าไม่ได้ตั้งใจทำหล่น” ผมส่ายหน้า ไม่ชอบที่บีบีพูดถึงแพรในแง่ร้ายทั้งที่ไม่รู้จักแพรมาก่อน แต่ก็ขี้เกียจถกประเด็นนี้ด้วย เพราะเวลาพูดถึงผู้หญิงอื่นกับแฟนตัวเองยิ่งพูดเรื่องก็ยิ่งยาว “ถ้าบีไม่ไว้ใจจะไปกับวันก็ได้นะ” ผมเอ่ยอย่างบริสุทธิ์ใจระหว่างขับรถกลับเข้าเส้นทางหลัก “ไปไหน” “เอาโทรศัพท์ไปให้แพร” “นี่บีต้องเสียเวลาไปกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ที่ลืมโทรศัพท์ไว้บนรถวันด้วยเหรอ ทำไม? ไม่เข้าใจ วันจะเอาโทรศัพท์ไปคืนตอนนี้เหรอ” บีบีโวยวาย ผมพยายามไม่ใส่ใจ ส่งเสียงตอบสั้นๆ “อืม” “ไม่! วันลืมแล้วเหรอว่าเรากำลังจะไปไหนกัน” “สาทร” “แล้ววันจะเอาโทรศัพท์ไปคืนพนักงานร้านอาหารเนี่ยนะ นี่เรื่องบีสำคัญน้อยกว่าพนักงานของวันแล้วใช่ไหม” ยิ่งพูดบีบีก็ยิ่งหัวเสีย แต่ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าหัวเสียเพราะอะไร “แล้วบีจะให้วันทำยังไง บีถึงจะสบายใจ” บีบีระบายลมหายใจด้วยท่าทางฉุนเฉียวก่อนเอ่ยออกมาอย่างเอาแต่ใจ “บีจะไปงานวันเกิดเพื่อน วันต้องไปส่งบี หลังจากนั้นจะไปที่ไหนก็เรื่องของวัน” “....” ผมส่งบีบีที่หน้าทางเข้าไนต์คลับแห่งหนึ่งในย่านสาทร พอรถชะลอบีบีก็เปิดประตูลงไปเลย ไม่พูดกับผมสักคำ ไม่ถาม ไม่บอกด้วยว่าให้มารับ หรือรอรับ หรือแม้แต่ชวนผมเข้าไปข้างในก็ไม่มีสักคำ คือลงไปแบบโกรธๆ เหวี่ยงๆ ผมกำลังจะหันไปคุยด้วยถึงกับอ้าปากค้างก่อนจะแค่นเสียงยิ้มเยาะตัวเองทีหนึ่งแล้วรีบวนรถออกมาเพราะรปภ.โบกมือเร่งไม่ให้จอดนาน ผมขับรถออกมาด้วยอารมณ์มึนๆ งงๆ ที่อยู่ดีๆ ก็ถูกโกรธ ทั้งที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย เรื่องโทรศัพท์แพรมันก็แค่เหตุบังเอิญ ไม่ได้มีอะไรเลย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย ผมส่ายหน้าอย่างอ่อนใจแต่ไม่ได้เครียดถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้อนใจต้องหาซื้อของขวัญไปง้อ ไม่ถึงขนาดนั้น ผมแค่ส่งข้อความทิ้งเอาไว้ในแชตบอกบีบีว่า ‘ถ้าจะให้ไปรับก็ทักมานะ’ แค่นั้น แล้วผมก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ มันเหนื่อยสะสมจากวันที่ผ่านๆ มาด้วยแหละครับ ผมเลยไม่เหลือพลังงานมากพอจะมาเครียดเรื่องบีบีอีก ผมขับรถมาหาแพรที่หอพัก เอาโทรศัพท์มาคืนตามที่บอกเอาไว้ ยืนรออยู่หน้าหอพักครู่หนึ่งแพรก็ลงมาพร้อมกับพี่ผู้หญิงอีกคน มองแล้วน่าจะเป็นคนที่ให้แพรยืมโทรศัพท์ “วัน ขอบคุณมากนะ แพรไม่รู้จะตอบแทนยังไงเลย ขอบคุณจริงๆ” “ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมาก โชคดีแล้วล่ะที่ไม่ได้หายที่อื่น ไม่งั้นคงไม่ได้คืน” “อืม” แพรพยักหน้า มองผมด้วยสายตาซาบซึ้ง “แล้วนี่วันยังไม่กลับอีกเหรอ ที่จริงไม่ต้องรีบเอามาให้แพรก็ได้นะ แพรเกรงใจ” “พอดีมีธุระนิดหน่อยก็เลยแวะเอามาให้ ไม่ต้องคิดมากหรอก อีกอย่างกลางคืนรถไม่ค่อยติดขับง่ายใช้เวลาไม่นาน” “ขอบใจนะ” “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวนะ” “เดี๋ยวสิ ไหนๆ ก็มาแล้ว ให้แพรเลี้ยงอะไรตอบแทนน้ำใจได้หรือเปล่า แถวนี้มีร้านนั่งชิลล์อยู่ถ้าวันไม่รีบ...” “ไม่ล่ะ ถ้าอยากเลี้ยงจริงๆ เอาไว้พรุ่งนี้เถอะ วันนี้ดึกแล้วรีบกลับไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องทำงานอีกไม่ใช่เหรอ” แพรยังพูดไม่จบผมก็ตัดบททันที ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจหรืออะไรกับแพรนะ เพียงแต่ผมเพิ่งจะถูกบีบีเคืองมาแล้วจะให้ไปนั่งดื่มกับผู้หญิงได้ยังไง มันดูไร้จิตสำนึกเกินไป “ก็จริงอย่างที่วันว่าแหละพรุ่งนี้ต้องทำงานด้วย แพรแค่อยากขอบคุณน้ำใจวันเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก ไว้วันหลังก็ได้ เดี๋ยวแพรเลี้ยงข้าว” “อืม ยังไงก็ได้ ถ้างั้นไว้เจอกันที่ร้านพรุ่งนี้นะแพร ไปล่ะ” ผมบอกลาแพรแล้วเดินออกมาขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล เปิดโทรศัพท์ดูเห็นบีบียังไม่ตอบแชต ผมครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจขับรถกลับหอ ไปนอนดีกว่ารอคนที่ไม่รู้ว่าจะติดต่อมาหรือเปล่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD